:::     :::

รู้จัก 'เจสซี่ มาร์ช' ทายาทนาเกลส์มันน์

วันอังคารที่ 04 พฤษภาคม 2564 คอลัมน์ เล่าเก่าก้าวใหม่ โดย Latino
1,572
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เจสซี่ มาร์ช กุนซือชาวมะกันวัย 47 ปีของ ซัลซ์บวร์ก จะเข้ามาสืบทอดอำนาจต่อจาก ยูเลียน นาเกลส์มันน์ ฐานะเทรนเนอร์คนต่อไปของ แอร์เบ ไลป์ซิก

การโยกย้ายตำแหน่งเทรนเนอร์ของสโมสรบุนเดสลีกาช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเกิดขึ้นกับหลายทีมจนกลายเป็นปรากฎการณ์ 'เทรนเนอร์-โดมิโน่' หลังการเติมเต็มตำแหน่งที่ว่างของสโมสรหนึ่งส่งผลกระทบต่ออีกหลายสโมสร

หลัง มาร์โก โรเซ่อ ประกาศอำลา โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค เพื่อย้ายไปทำงานกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในช่วงซัมเมอร์นี้ สร้างความเดือดร้อนถึง ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ในเวลาต่อมา หลังทีมสิงห์หนุ่มจีบ อดอล์ฟ ฮึทเทอร์ มารับงานต่อจาก โรเซ่อ สำเร็จ 

นั่นจึงเป็นภาระหน้าที่ของ มาร์คุส ครอสเซ่อ ผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาคนใหม่ของทีมอินทรีแดง-ดำที่เข้ามารับงานต่อจาก เฟรดี้ โบบิช ในการเสาะหาตัวแทน ฮึทเทอร์ โดยหมายตาที่ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ เทรนเนอร์ชาวออสเตรียนของ โวล์ฟสบวร์ก ดังนั้นหมาป่าเมืองเบียร์คงจะเดือดร้อนเป็นทีมต่อไป


ขณะที่ บาเยิร์น มิวนิค มีการเปลี่ยนเทรนเนอร์ก่อนแผนงานที่วางไว้เช่นเดียวกัน หลัง ฮันซี่ ฟลิค ยืนยันการก้าวลงจากตำแหน่งหลังจบฤดูกาลนี้ แม้ว่ายังมีสัญญากับสโมสรจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2023 ก็ตาม ซึ่งมีแนวโน้มว่าเทรนเนอร์วัย 54 ปีจะย้ายไปรับงานต่อจาก โยอาคิม เลิฟ ในช่วงซัมเมอร์นี้ 

แต่ทีมยักษ์ใหญ่แคว้นบาวาเรียใช้เวลาไม่นานนักในการหาตัวแทนของ ฟลิค นั่นคือ ยูเลียน นาเกลส์มันน์ เทรนเนอร์หนุ่มวัย 33 ปีของ แอร์เบ ไลป์ซิก แต่ทีมกระทิงแดงเมืองเบียร์ไม่ทำให้เพื่อนร่วมลีกเดือดร้อนตามไปด้วยเนื่องจากพวกเขาดึง เจสซี่ มาร์ช จาก ซัลซ์บวร์ก สโมสรในเครือข่าย 'เร้ด บูลล์' มาเป็นทายาทของ นาเกลส์มันน์ 

นั่นเท่ากับว่า 4 จาก 5 สโมสรหัวตารางบุนเดสลีกาปัจจุบันไล่จาก บาเยิร์น มิวนิค, แอร์เบ ไลป์ซิก, ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เปลี่ยนใช้เทรนเนอร์ใหม่ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงทีมอันดับ 7 โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค สำหรับอันดับ 3 โวล์ฟสบวร์ก มีโอกาสเปลี่ยนเทรนเนอร์ไม่น้อยเช่นกัน 

ส่วนอันดับ 6 ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ที่ตั้ง ฮันเนส โวล์ฟ วัย 40 ปี รักษาการตำแหน่งเทรนเนอร์หลังการสั่งปลด ปีเตอร์ บอสซ์ ในช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมอบตำแหน่งถาวรให้ โวล์ฟ หรือไม่ 

ดังนั้นมันจึงมีความเป็นไปได้ที่สโมสร 7 อันดับแรกของบุนเดสลีกาซีซั่นนี้จะเปลี่ยนเทรนเนอร์ในช่วงซัมเมอร์นี้ทั้งหมด


ย้อนกลับมาถึง แอร์เบ ไลป์ซิก ที่ประกาศแต่งตั้ง เจสซี่ มาร์ช เป็นโค้ชคนต่อไปอย่างเป็นทางการแทน นาเกลส์มันน์ เขาไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับถิ่น 'เร้ด บูลล์ อารีน่า' แต่อย่างใด

โค้ชชาวมะกันวัย 47 ปีจาก วิสคอนซิน ก้าวขึ้นมาเป็นกุนซือของ นิวยอร์ค เร้ด บูลล์ส แทน ไมค์ เพ็ตเค่อ ในช่วงเดือนมกราคมปี 2015 เขานำทีมคว้าชัยชนะ 18 เกม สูงสุดเป็นสถิติสโมสรและเก็บ 60 คะแนนจนคว้ารางวัลโค้ชยอดเยี่ยมแห่งปีของเมเจอร์ลีก เคยตกเป็นข่าวว่า ซัลซ์บวร์ก ทาบทามมารับตำแหน่งโค้ชต่อจาก ออสการ์ การ์เซีย ในช่วงเดือนมกราคมปี 2017 ก่อนทั้งสองสโมสรจะออกมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง

จนกระทั่ง แอร์เบ ไลป์ซิก ดึง มาร์ช มารับบทผู้ช่วยของ ราล์ฟ รังนิก ฐานะโค้ชของ แอร์เบ ไลป์ซิก ในช่วงฤดูกาล 2018-2019 ด้วยสัญญา 2 ปี แต่โค้ชชาวมะกันทำงานในถิ่น 'เร้ด บูลล์ อารีน่า' เพียงครึ่งทาง ก่อนย้ายไปรับตำแหน่งโค้ชของ ซัลซ์บวร์ก ต่อจาก มาร์โก โรเซ่อ ที่ย้ายมารับตำแหน่งกุนซือของ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค จนกระทั่งทีมกระทิงแดงเมืองเบียร์ดึงกลับมาทำงานฐานะโค้ชคนใหม่ต่อจาก นาเกลส์มันน์ 


มาร์ช เคยเล่นฟุตบอลกับทีมมหาวิทยาลัย พรินซีตัน ไทเกอร์ส ในช่วงปี 1992-1995  เขาเล่นตำแหน่งมิดฟิลด์และแนวรุกโดยทำ 16 ประตู ก่อนถูก ดี.ซี.ยูไนเต็ด ดราฟท์เข้าทีมเมื่อปี 1996 แม้จะมีส่วนร่วมกับการคว้าแชมป์ เอ็มเอสแอล คัพ 2 สมัย, ยูเอส โอเพ่น คัพ 1 ครั้ง และ ซัพพอร์เตอร์ส ชิลด์ 1 ครั้ง แต่เขาเล่นเพียง 15 เกมและทำ 4 ประตูในเวลา 2 ปีกับ ดี.ซี. 

ก่อนย้ายมาอยู่กับ ชิคาโก้ ไฟร์ ในปี 1998 จนถึงปี 2005 ลงเล่น 200 นัด ทำ 19 ประตู พร้อมคว้าแชมป์ เอ็มเอสแอล คัพ 1 สมัย, ยูเอส โอเพ่น คัพ 3 ครั้ง และ ซัพพอร์เตอร์ส ชิลด์ 1 ครั้ง 


สโมสรสุดท้ายในอาชีพของ มาร์ช คือ ชีวาส ยูเอสเอ ในช่วงปี 2006-2009 ลงเล่น 106 เกมและทำ 8 ประตู เขายังเคยเล่นกับทีมชาติสหรัฐอเมริกา 2 เกมระหว่างปี 2001-2007 ด้วย 

'ผมไม่ใช่คนที่มีความสามารถมากที่สุด แต่ผมเป็นคนที่แข็งแกร่งสุดในทีมเสมอ ผมรู้ว่าถ้าคนอื่นๆรอบตัวผมเป็นนักเตะที่ดีกว่าผม ผมจะเป็นผู้เล่นที่ดีกว่านี้ นั่นเป็นพื้นฐานที่ผมเข้าใจในช่วงเริ่มต้นอาชีพของผม' มาร์ช เปิดเผย 

หลังยุติอาชีพค้าแข้งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2010 มาร์ช เริ่มงานในฐานะผู้ช่วยโค้ชทีมชาติสหรัฐอเมริกา บ็อบ แบร็ดลี่ย์ ซึ่งเคยเป็นบอสของเขาทั้งระดับมหาวิทยาลัยและทีมแยงกี้ ก่อนจะย้ายมาทำงานกับ มอนทรีออล อิมแพ็คท์ ในปี 2011 ต่อด้วย นิวยอร์ค เร้ด บูลล์ส ในปี 2015 

แบร็ดลี่ย์ มีส่วนสำคัญมากในการกำหนดปรัชญาการเล่นฟุตบอลของ มาร์ช และโค้ชวัย 63 ปียังรู้ตั้งแต่แรกว่า มาร์ช จะก้าวเดินตามรอยเขาในฐานะโค้ช 'ผมมั่นใจว่าเขาจะไปต่อและเขาจะเป็นโค้ช และ เจสซี่ เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น' 


ระหว่างการทำงานฐานะผู้ช่วยโค้ชของ รังนิก, แอร์เบ ไลป์ซิก จบฤดูกาลอันดับ 3 ของบุนเดสลีกาและผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศของศึก เดเอฟเบ โพคาล ครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ซึ่ง มาร์ช ได้เรียนภาษาเยอรมันและเรียนรู้แนวทางการทำงานของหนึ่งในยอดโค้ชอย่าง รังนิก ในเวลาเดียวกันด้วย

'การที่ทีมประสบความสำเร็จใน ไลป์ซิก และเรียนรู้จังหวะของฟุตบอลยุโรป เรียนรู้ภาษามากขึ้นทำให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าวัฒนธรรมมีความหมายอย่างไรกับผู้คนที่นั่น มันเป็นการเตรียมความพร้อมให้ผมเป็นอย่างดี'

'มันยังทำให้ผู้คนรู้สึกว่าผมไม่ใช่คนอเมริกันที่พูดภาษาเยอรมันไม่ได้และไม่มีประสบการณ์ในยุโรปกำลังมาที่ ซัลซ์บวร์ก'


การย้ายมารับตำแหน่งโค้ชของ แอร์เบ ไลป์ซิก ทำให้ มาร์ช หวนกลับมาทำงานกับ ไทเลอร์ อดัมส์ อีกครั้ง เนื่องจากมิดฟิลด์ชาวมะกันวัย 22 ปี เป็นเด็กปั้นของ นิวยอร์ค เร้ด บูลล์ส ก่อนก้าวขึ้นมาเล่นกับทีมชุดใหญ่เมื่อปี 2016 และย้ายมาเยอรมันในอีก 3 ปีถัดมา

'ผมคิดว่าเขาทำได้ดีเกินความคาดหมายของผม ความคาดหวังของพวกเรา' มาร์ช กล่าวถึง อดัมส์ 'มีการพูดคุยกันบ้าง เหมือนผมคอยช่วย ไทเลอร์ ในการปรับตัวและทำได้ดีที่นี่'

'เขาเป็นคนพิเศษ เขาเป็นคนที่มีบุคลิกพิเศษ เขาเป็นคนที่มีความสามารถพิเศษและขีดความสามารถของเขาสูงมาก ที่นี่ใน ไลป์ซิก และ บุนเดสลีกา ดังนั้นผมภูมิใจที่ได้เชื่อมต่อกับเขาและมีบทบาทในการพัฒนาเขาและผมแทบทนรอไม่ไหวที่จะเห็นจุดที่เขาจะก้าวไปจากที่นี่'


มาร์ช นำ ซัลซ์บวร์ก คว้า 'ดับเบิ้ลแชมป์' ตั้งแต่การทำงานซีซั่นแรก เขานำทีมชนะถึง 68.75 เปอร์เซ็นต์จากเกมทั้งหมดของพวกเขา ทิ้งห่างอันดับ 2 ราปิด เวียนนา ถึง 12 คะแนน เขายังนำทีมคว้าแชมป์ ออสเตรีย คัพ สองปีติดต่อกันหลังยิงสลุต แอลเอเอสเค ลินซ์ 3-0 ในนัดชิงชนะเลิศ และจ่อคว้าแชมป์ ออสเตรีย บุนเดสลีกา สองสมัยติดต่อกันด้วย 

โค้ชวัย 47 ปีกล่าวถึงแนวทางการทำงานของตัวเองว่า 'ผมคิดว่าการสร้างทีมด้วยองค์ประกอบของฟุตบอล ทั้ง แท็คติก, การผ่านบอลและเทคนิค แต่นั่นเป็นเพียงครึ่งเดียวของมัน อีกครึ่งหนึ่งคือการสร้างความคิด, สภาพแวดล้อมและตัวตนว่าเราเป็นใคร, ทำงานอย่างไรและมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างไร'

'ผมคิดว่าจริงๆแล้วผมใช้เวลากับสิ่งเหล่านั้นมากกว่าที่ผมทำกับเรื่องแท็คติก นั่นคือสิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับการเป็นโค้ช การเป็นผู้นำและการเป็นที่ปรึกษาช่วยให้ทุกคนเข้าใจว่าจะทำอย่างไรในระดับสูงสุด' มาร์ช กล่าว


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})