โอกาสอีกครั้งของ เจสซี่ ลินการ์ด
สำหรับ “เจสซี่ ลินการ์ด” ที่ได้รับโอกาสพิสูจน์ตัวเองกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่อไป โดยที่เจ้าตัวยิงประตูแรกของฤดูกาลได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในเกมเปิดบ้านเอาชนะนิวคาสเซิ่ล 4-1 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการยิงปิดกล่อง ในฐานะของตัวสำรอง
ประตูดังกล่าว ถือเป็นการเรียกความมั่นใจพอสมควร หลังจากกลับจากการยืมตัวจากเวสต์แฮม ยูไนเต็ด เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา โดยแฟนบอลของ “ปีศาจแดง” หลายต่อหลายคนเอาใจช่วย อยากให้เจ้าตัวกลับมาโชว์ฟอร์มอย่างยอดเยี่ยมอีกครั้ง ท่ามกลางข่าวหนาหูที่ว่า สโมสรเตรียมขายเขาออกจากทีมไป
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยทราบมาก่อน นั่นคือบลินการ์ด ประสบปัญหาส่วนตัวมาอย่างต่อเนื่องเลยโดยเฉพาะในแง่ของสภาพจิตใจ แน่นอนว่า มันส่งผลต่อฟอร์มการเล่นของเขาเช่นเดียวกัน ส่งผลให้สโมสรต้องเข้ามาดูแลตรงจุดนี้อย่างเป็นพิเศษ
ช่วงนี้ เราไปดูกันหน่อยว่า ดาวเตะหมายเลข 14 แห่งถิ่น “โอลด์ แทรฟฟอร์ด” ต้องต่อสู้กับเรื่องราวอะไรบ้าง .. พออ่านจบแล้ว ไม่แน่ว่าเราอาจจะเปลี่ยนแปลงมุมมองที่มีต่อเขาก็เป็นไปได้ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เราลองไปสัมผัสตัวตนอีกหนึ่งด้านของเขากันเลยดีกว่า
“คุณแม่ของผมเป็นโรคซึมเศร้า” ลินการ์ด ออกมาเล่าความรู้สึกตัวเอง สำหรับการเป็นนักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และต้องเผชิญปัญหานอกสนาม โดยคุณแม่สุดที่รักเป็นโรคซึมเศร้า
ขณะที่อีกด้าน คุณปู่ของเขาก็โดนมะเร็งต่อมลูกหมากเล่นงาน ทำให้ต้องเจอการกระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง โดยสิ่งเหล่านั้น ส่งผลในการแข่งขัน
“ตามปกติแล้ว ผมถือว่าเป็นคนร่าเริง รวมถึงชอบสร้างรอยยิ้มให้กับคนอื่น” ลินการ์ด เล่าต่อไป “แต่สุดท้ายแล้ว ผู้คนเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวผม ผมรู้สึกแย่ และหม่นหมอง พร้อมกับรู้สึกว่า ผมต้องแบกรับภาระทั้งหมดเอาไว้”
ดาวเตะทีมชาติอังกฤษ กล่าวถึงปัจจัยสำคัญ ที่ส่งผลต่อความรู้สึกด้วยว่า “คุณแม่ของผมมีปัญหาบางอย่างมานานหลายปี และไม่ได้รับการช่วยเหลือ ตอนนี้ ท่านได้รับการช่วยเหลือแล้วล่ะ”
“ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผมต้องรับบทบาทดูแลน้องชาย และน้องสาว สำหรับผม เป็นเรื่องยากเหมือนกัน ในการต้องมาเห็นคนที่ผมรักต้องเจอกับความบากลำบาก จากนั้น ผมต้องออกมาทำงาน และพยายามในอาชีพการเป็นนักฟุตบอล”
“ในฐานะของลูกผู้ชาย ผมต้องมีความรับผิดชอบ และคอยเคียงข้างทุกคน ผมจำเป็นต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และฉลาดขึ้น บางครั้ง ความกังวลมันหยั่งรากลึก จนคุณไม่สามารถทำงานของตัวเองได้ ดังนั้น ผมต้องดิ้นรนกลับไปเป็นเหมือนเดิม”
ลินการ์ด ออกมาระบายความรู้สึกต่อโอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ กุนซือ “ปีศาจแดง” ที่มีอิทธิพลต่อตัวเขามากว่า “ผมรู้ตัวว่า ไม่ได้แสดงผลงานที่ดีออกมา กระนั้น เขาอยู่กับผมตลอดเวลา เขาต้องการให้ผมเค้นสิ่งที่ดีออกมามากกว่านี้”
“เมื่อผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังมีความรู้สึกที่ย่ำแย่ ผมจึงตัดสินใจเปิดอกคุยกับเขา ซึ่งเขาตอบกลับมาว่า -จงเล่นด้วยรอยยิ้ม และต้องสนุกกับมัน- การได้ยินคำพูดนั้น ทำให้คุณเกิดความมั่นใจ เขารู้ว่าผมเป็นคนแบบไหน และบอกว่าทุกอย่างต้องเรียบร้อย”
“ย้อนเวลากลับไป ตอนที่ผมรู้สึกย่ำแย่ ถือเป็นอะไรที่ตกต่ำมาก ผมไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองกำลังเล่นฟุตบอลเลย ผมไม่รู้สึกว่าตัวเองอยู่ตรงนั้นด้วยซ้ำไป และการแข่งขันผ่านตัวผมไปเฉยๆ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ไม่ดีเอาเสียเลย”
“ผมมองว่าไม่ใช่เรื่องดี ในการที่ครอบครัวต้องมาทนเห็นอะไรแบบนี้ เมื่อพวกเขามาชมการแข่งขัน พร้อมกับมองว่า -นี่ไม่ใช่ตัวตนของผมเลย-”
ลินการ์ด กล่าวถึงสิ่งที่มีค่ามากสุดในชีวิต คือการเห็นคุณแม่มีความสุขมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ “สิ่งที่คุณแม่ต้องการเห็น นั่นคือลูกชายของเธอมีความสุข และเล่นฟุตบอลที่ตัวเองชอบ ผมคิดว่ามันช่วยได้เหมือนกัน การได้เห็นผมทำผลงานดี คือสิ่งที่ทำให้คุณแม่ชื่นใจ ทำให้ท่านมีจิตใจที่ดี”
ลินการ์ด ทิ้งท้ายถึงประเด็นที่ถูกแฟนบอลหลายคนโจมตี อย่างการเล่นโซเชี่ยล ที่ส่งผลต่อสภาพจิตใจของเขาเช่นกันว่า “ผมเคยก่อเรื่องผิดพลาด ในการโพสต์อะไรลงโลกโซเชี่ยล ผมมีผู้ติดตามที่อายุน้อย ผมขอโทษไปยังผู้จัดการทีม”
“ผู้จัดการทีมบอกผมว่า นี่คือโอกาสสุดท้ายแล้ว และผมต้องก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเอง นี่คือสิ่งที่ผมทำอยู่ ไม่มีทางที่ผมจะปล่อยให้สิ่งที่มีกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องถูกพรากไป เวลานี้ ผมลดการเล่นโซเชี่ยลลงแล้ว ผมทำในสิ่งที่ต้องทำ”
เมื่อเรื่องราวเลวร้ายผ่านพ้นไปด้วยดี จากนี้ แฟนบอลของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องมารอลุ้นกันว่า ลินการ์ด จะยกระดับฟอร์มการเล่นได้ดีมากน้อยแค่ไหน หากเขางัดฟอร์มเหมือนที่เล่นกับเวสต์แฮม ออกมาได้ พลพรรค “ปีศาจแดง” ก็จะมีอาวุธในการโจมตีคู่แข่งเพิ่มขึ้นมาด้วยเช่นเดียวกัน