:::     :::

การต่อสู้ในวันวานของ ลุค ชอว์

วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน 2564 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
1,347
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เวลาผ่านไปไวเสมอ ครบรอบ 6 ปีแล้ว

จากเหตุการณ์ที่ลุค ชอว์แบ็คซ้ายตัวหลักของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประสบเหตุการณ์เข้าปะทะกับคู่แข่ง จนเกิดการขาหักในสนาม ระหว่างที่เขาลงช่วยทีม ลงทำการแข่งขัน ฟุตบอลสโมสรถ้วยใหญ่ของยุโรป โดยถือว่าเป็นจังหวะที่ยากต่อการลืมเลือนอย่างแท้จริง


การขาหักครั้งนั้นของชอว์ ทำให้แฟนบอลหลายต่อหลายคนเป็นกังวลมากว่า เขาจะกลับมาเล่นฟุตบอล ตามมาตรฐานเดิมได้หรือไม่ ? เพราะอย่าลืมว่า ในเวลานั้น เขาถือเป็นดาวรุ่งอนาคตไกลของวงการฟุตบอลอังกฤษ เลยทีเดียว ก่อนที่ผลสุดท้ายแล้ว เขาสามารถกลับมาเป็นผลสำเร็จ


อย่างไรก็ตาม กว่าจะกลับมาเป็นตัวหลักของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และโชว์ฟอร์มอย่างโดดเด่นเหมือนทุกวันนี้ เขาต้องพบก้บแบบทดสอบมากมาย นอกจากสภาพจิตใจ ระหว่างในการรักษาตัวแล้ว เขาต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างมาก โดยเฉพาะในยุคของโชเซ่ มูรินโญ่ ที่โดนตำหนิออกสื่อบ่อยครั้ง โดยพุ่งเป้าไปที่การรักษาระดับของฟอร์มการเล่น


ช่วงนี้ เราไปย้อนความทรงจำของ 6 ปีที่แล้วกันหน่อยดีกว่าว่า ชอว์ ต้องหัวใจเด็ดเดี่ยวขนาดไหนกัน จากคนที่เคยขาหัก และเกือบจะต้องถูกตัดขาทิ้ง กลายมาเป็นแบ็คซ้ายตัวจริงของพลพรรคปีศาจแดงรวมถึงก้าวไปติดทีมชาติอังกฤษ ชุดใหญ่ อย่างเต็มภาคภูมิ

ผมเกือบจะถูกตัดขาทิ้ง


ชอว์ ออกมาย้อนความทรงจำ ที่ตัวเองโดนเสียบอย่างรุนแรง จนขาขวาหัก ระหว่างเกมที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกไปพ่ายต่อ พีเอสวีฯ 1-2 ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2015 จากจังหวะดังกล่าว ทำให้เขาต้องเข้ารับออกซิเจนเป็นการด่วน ก่อนที่จะถูกส่งตัวไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลใกล้เคียง


เบื้องหลังที่เราไม่ได้เห็นทางหน้าจอโทรทัศน์คือ ในการรักษาเต็มไปด้วยอุปสรรค เมื่อทีมแพทย์พบว่ามีลิ่มเลือดเกาะตัวอยู่ที่ขา ซึ่งภาวะแทรกซ้อนดังกล่าว ทำให้ต้องรีบผ่าตัดแบบฉุกเฉินอีกหนึ่งครั้ง โดยชอว์ ไม่เคยรู้ตัวเลยว่า เขากำลังจะถูกตัดขาทิ้ง หากว่าผลการรักษาออกมาไปเป็นตามที่ควรจะเป็น


ผมเกือบเสียขาของตัวเองไปแล้วแบ็คซ้ายตัวเก่งของทีมเริ่มเล่าผมไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย กระทั่งแพทย์บอกผม ในอีก 6 เดือนต่อมา ผมเกือบจะถูกตัดขา จากปัญหาที่เกี่ยวกับลิ่มเลือด โดยเวลานี้ ผมมีแผลเป็น 2 ตำแหน่งที่ขา ... ตรงที่แพทย์ลงมือผ่าตัด ผมมีอาการแทรกซ้อนที่ขามากมาย แต่ตอนนี้ ผมรู้สึกแข็งแรงแล้ว ขาขวาของผมกลับมาเหมือนเดิม เหมือนก่อนที่จะเกิดเรื่อง

จากการเข้าปะทะ จนบาดเจ็บหนักในครั้งนั้น ทำให้ชอว์ ต้องคอยพักรักษาตัว และกายภาพบำบัด พร้อมกับพลาดลงสนามไปยาวนานกว่า 11 เดือน กระนั้น กว่าที่เขาจะกลับมาได้ เขาต้องต่อสู้กับบาดแผลมากมาย ทั้งทางกาย และทางใจ ซึ่งอย่างหลังมันเป็นเรื่องที่ยากเย็นเอามากๆ 


ภาพความเป็นจริงก็คือ ชอว์ ต้องขาหัก และถูกหามออกจากสนามไป ขณะที่คู่กรณีนั้น จบเกมดังกล่าวด้วยการอยู่ครบเวลา แถมยังคว้าแมน ออฟ เดอะ แมตช์เขาจึงจมอยู่กับความเศร้า ก่อนจะเลือกออกจากปัญหานี้ ด้วยการเข้าพบกับนักจิตวิทยา เพื่อช่วยเยียวยาด้านจิตใจ


ชอว์ กล่าวเพิ่มเติมว่าหลังจากที่ผมขาหัก มันเป็นช่วงเวลาที่แสนยากลำบาก ผมคงจะเป็นคนขี้โกหก หากจะบอกว่าตัวเองไม่เคยมีความคิดอยากจะแขวนสตั๊ด ช่วงเวลาพักฟื้นผ่านไปอย่างยาวนานมากเลย ผมจำเป็นต้องทำสิ่งเดิมทุกวัน สำหรับผมแล้ว มันเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง ผมต้องมามีชีวิตอยู่อีกมุมหนึ่ง 


ผมยอมรับว่า ผมเคยมีความรู้สึกไม่แน่ใจว่า ตัวเองจะกลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้งได้หรือไม่ ? ความคิดมันแล่นเข้ามาในหัวของผมในช่วงแรก ตอนนี้ ผมไม่อยากย้อนกลับไปดูคลิปวิดีโอในจังหวะดังกล่าวอีกแล้ว บางที ผมอาจจะดูมันมามากเกินพอแล้ว แต่ผมยังสามารถดูรูปภาพได้อยู่


ย้อนกลับไปตอนที่ผมขาหัก ผมตกใจมาก ความเจ็บปวดตามมาภายหลัง ผมผิดหวังมาก เพราะรู้ว่าต้องอดเล่นฟุตบอลไปอีกนานเลย คืนแรกที่ผมนอนที่โรงพยาบาล ผมภาวนาต่อพระเจ้า โดยแพทย์ต้องเปิดเนื้อขา เพื่อจัดการกับลิ่มเลือด พวกเขาต้องทำให้ผมสลบ แต่ผมก็เจ็บปวดอีกครั้ง เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา

ชอว์ กล่าวทิ้งท้ายว่า อาการบาดเจ็บหนัก ไม่ใช่เรื่องที่นักฟุตบอลสักคนหนึ่งอยากเจอเลย นอกจากการพักรักษาตัวอย่างยาวนานแล้ว การพลาดลงเล่น ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากต่อการทำใจเช่นเดียวกัน เพราะการลงสนามแข่งขัน ถือเป็นเรื่องที่สำคัญต่อเขามาก และเป็นสิ่งที่เขาถวิลหามาตลอดเวลา


ชอว์ บอกว่าผมได้ยินนักฟุตบอลพูดกับถึงช่วงเวลาที่แสนมืดมน เมื่อพวกเขาพยายามที่จะกลับมา หลังจากอาการบาดเจ็บที่แสนเลวร้าย ผมอยากบอกว่า ผมแทบเดินไม่ได้เป็นระยะเวลากว่าครึ่งปีเลย !! ไม่ต้องถามถึงการเล่นฟุตบอลเลย ผมยังต้องเดินกระเผลกเป็นเวลานาน และต้องใช้ไม้ค้ำด้วยซ้ำไป


ผมมีคนดีๆมากมาย รายล้อมอยู่ข้างกายผม ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน และครอบครัว พวกเขาช่วยให้ผมผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นไปได้ ขณะที่นักจิตวิทยาก็เป็นคนคิดบวกมากๆ ผมได้ประโยชน์อย่างมากในการทำงานร่วมกับเขา ตอนนี้ ผมยังทำงานร่วมกับเขาอยู่ และกลายเป็นเพื่อนสนิทกันไปแล้ว

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด