:::     :::

"เอลิอันโดร กอนซาก้า" กับชีวิตค้าแข้งที่ถูกชุบขึ้นใหม่

วันพฤหัสบดีที่ 07 ตุลาคม 2564 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
4,712
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ก่อนเปิดฤดูกาล สมุทรปราการ ซิตี้ เจอการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นการมรสุมแห่งการเปลี่ยนแปลงของสโมสรนี้ก็ว่าได้

เนื่องมาจากการจากไปของ 4 แข้งตัวหลัก ไม่ว่าจะเป็น บาร์รอส ทาร์เดลี กองหน้าดาวซัลโวยิงไปถึง 25 ประตู, พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี กองกลางกัปตันทีม, ธีระพล เยาะเย้ย แนวรุกสุดอินดี้ และ จักพัน ไพรสุวรรณ กองหลังเจ้าพ่อเซ็ตพีท

แม้ตัวแทนที่เข้ามาสู่สโมสร อาจจะไม่โด่งดัง แต่คำว่า "อิชิอิ เวย์" กลับยังทำให้ทีมมีเสถียรภาพที่ดี เพราะด้วย "ระบบ แท็คติก แผนการเล่น" ที่แทรกซึมไปทั่วสมองของนักเตะที่มีอยู่ ผสานกับความกระหายของแข้งที่มาใหม่ ดูเหมือนว่าจะเป็นการเริ่มต้นที่สวยหรูในฤดูกาลนี้

อย่างไรก็ตามหนึ่งในการเสริมทัพของทีมที่น่าสนใจ ก็คือ การตามหาตัวแทนของ "บาร์รอส ทาร์เดลี" ที่ทิ้งความเป็นดาวซัลโวของไทยลีก 2020/2021 เอาไว้ แล้วไปตามหาความฝันใน เค ลีก ของเกาหลีใต้ กับ ซูวอน เอฟซี


พวกเขาได้ตัว "เอลิอันโดร กอนซากา" ที่หมดสัญญามาจาก ชลบุร เอฟซี ในช่วงเลกสองของปีที่ผ่านมา นับว่าเป็นสโมสรที่ 4 ในไทยลีก ของดาวยิงแซมบ้ารายนี้ ต่อจาก เชียงใหม่ เอฟซี (2019) และ สุพรรณบุรี เอฟซี (2020 เลกแรก)

แต่เขาเองก็มักถูกเปรียบเปรยว่า จะดีพอกับการเป็นดาวยิงแห่งพลพรรค "เขี้ยวสมุทร" หรือไม่??

ย้อนกลับไปในปี 2019 เขาทำประตูในไทยลีกไปได้ถึง 12 ลูกจาก 29 เกมที่ได้ลงสนามกับ “พยัคฆ์ล้านนา” แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถให้ทีมรอดพ้นจากการตกชั้นไปเล่นในลีกพระรอง จนถึงทุกวันนี้ได้

ก่อนที่เลกแรกในปี 2020 เลกแรก เขาทำไป 8 ลูก กับ สุพรรณบุรี เอฟซี และ 8 เม็ด กับ ชลบุรี เอฟซี ในเลกสอง แต่เขาเองก็กลายเป็นดาวซัลโวร่วมกับ บิลล์ โรซิมาร์ เพื่อนร่วมชาติจาก สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ในรายการ เอฟเอ คัพ ที่ "ฉลามชล" ก้าวไปเป็นรองแชมป์

แน่นอนด้วยสถิติการยิงแบบนี้ ค่อนข้างจะเทียบได้ยากกับ "บาร์รอส ทาร์เดลี" แต่ถ้าเรามามองในแง่ของการประสานงานกันเป็นทีมเวิร์ค และฟอร์มของเขากับ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ขอบอกเลยว่าอร่อยเหาะทีเดียว


ด้วยการเล่นที่ฟรีสไตล์ในเกมรุกของ "เจ้าเท่ห์" สามารถโฉบไปได้ทั้งซ้าย-ขวา สลับกับ ไดสึเกะ ซากาอิ ปีกเลือดซามูไร ซึ่งเป็นแท็คติกที่ มาซาทาดะ อิชิอิ ใช้มาตั้งแต่ปีก่อน เพราะต้องการงัดสปีดที่จัดจ้านอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาออกมา บวกกับการจ่ายบอลที่คมกริบ จนคว้ารางวัล 14 แอสซิสต์ มากที่สุดไปครอง

มาถึงซีซั่นนี้ แม้จะมีหลายคนหวั่นกันว่า การเล่นของปีกจรวดทีมชาติไทย ชุดใหญ่ และขีปนาวุธร่างตันจากแดนแซมบ้า จะกลมกล่อมเหมือนตอนที่มี "บาร์รอส ทาร์เดลี" อยู่หรือไม่ คำตอบที่ได้ คือ แซ่บ เด็ด จัดจ้าน ยิ่งกว่าการกินพริก 10 เม็ดเสียอีก !!

ทั้งสองคนเป็นนักเตะประเภทกองหน้าเหมือนกัน สิ่งที่ เอลิอันโดร มีมากกว่าคือความถึก ความใหญ่ ยิ่งการมาอยู่ในเมืองไทยขวบปีที่ 3 ทำให้เขาเรียนรู้สไตล์การเล่นของผู้เล่นไทย เพราะตอนที่เขาอยูกับ ชลบุรี เอฟซี ก็มีแข้งประเภทนี้อยู่เยอะทีเดียว


หรือถ้าเราจะใช้คำว่า "เซนส์ทันกัน" คงจะไม่ผิดไปจากนี้ สังเกตุเวลาที่คนใดคนหนึ่งได้บอล แล้วลากไปแดนหน้า จะมีการวิ่งหาช่องไปด้วยความเร็ว และการจ่ายบอลให้กันนั้นก็สามารถแทงได้ฉีกแนวรับของคู่แข่ง

นอกจากมี เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ แล้ว สมุทรปราการซิตี้ ยังมีริมเส้นคุณภาพคัพแก้ว ทั้ง ชัยวัฒน์ บุราณ ที่คัมแบ็คกลับมาอยู่กับทีมในฤดูกาลนี้ ซึ่งมีประสบการณ์คว้าทุกถ้วยในเมืองไทยกับ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด และ ศุภนันท์ บุรีรัตน์ แบ็คขวาจอมลุย

ยิ่งเล่นก็เหมือนยิ่งกลมกล่อมมากขึ้นกว่าเดิม เพราะเพื่อนร่วมทีมทุกคนต่างเปิดใจ ให้ความเชื่อมั่นกับอดีตกองหน้าของ ครูไซโร่ ทีมดังในลีกแซมบ้า ทำให้การเล่นของเขาโดดเด่นขึ้นมาทันตาเห็น เหมือนกับว่าเป็นการกำเนิดใหม่ในไทยลีก ก็ว่าได้


 ม่จำเป็นต้องหาผู้เล่นต่างชาติคนใหม่มาจากต่างประเทศมา แต่เอาคนที่อยู่ในเมืองไทย และสามารถปรับตัวเข้ากับระบบ "อิชิอิ เวย์" ได้ นี่แหละที่เขาเรียกว่า 

"วัตถุดิบจากบนดิน ก็สามารถเสิร์ฟบนภัตตาคารลอยฟ้า" ได้เหมือนกัน


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด