ตลอดทั้งเกม "สิงห์บลูส์" แทบจะปูพรมบุกเข้าใส่อยู่ข้างเดียว น่าจะเป็นอีกเกมที่แฟนบอลดูแบบสบายใจที่สุดเกมหนึ่งของฤดูกาลนี้
อันเดรียส คริสเตนเซ่น, 2 ประตูจากจุดโทษของ จอร์จินโญ่ และ ไค ฮาแวร์ตซ์ ช่วยกันทีมประตูในเกมนี้ให้ทีมเก็บสามแต้มสบายพร้อมให้แฟนบอลได้เฮกันกับประตูถึง 4 ครั้ง
ชัยชนะในเกมนี้ทำให้ทีมเก็บ 6 คะแนนจาก 3 เกมแรก โดยชนะ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก และ มัลโม่ ส่วนอีกเกมแพ้ให้กับ ยูเวนตุส ไป
แต่ก็มีเรื่องให้น่าปวดหัวจากการเสีย โรเมลู ลูกากู และ ติโม แวร์เนอร์ ที่ทาง โธมัส ทูเคิ่ล เผยว่าอาจจะต้องพักสักระยะแต่รอเช็กอย่างละเอียดอีกทีก่อน
ถือเป็นข่าวร้ายในข่าวดีจากชัยชนะเลย
การจัดทีม
โธมัส ทูเคิ่ล ปรับ 4 คนจากเกมชนะ เบรนท์ฟอร์ด เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โโยเป็นไปตามคาดที่ ติอาโก้ ซิลวา กลับมาคุมเซนเตอร์หลังไม่มีส่วนร่วมจากการไปรับใช้ทีมชาติบราซิล ขณะที่ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ หายเจ็บกลับมาประสานงานกันกับ อันเดรียส คริสเตนเซ่น ผู้รักษาประตู เอดูอาร์ เมนดี้ ฮีโร่เกมที่แล้วเฝ้าเสาเหมือนเดิม
ในแดนกลาง จอร์จินโญ่ กลับมาคุมเกมร่วมกับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ส่วนวิงแบ็ก เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า และ เบน ชิลเวลล์ ทำหน้าที่ต่อ
ส่วนแนวรุก เมสัน เมาท์ กลับมาเป็นตัวจริงร่วมกับ ติโม แวร์เนอร์ ส่วนกองหน้าเป็น โรเมลู ลูกากู เหมือนเดิม
เปิดฉากอย่างดุดัน
เชลซี เดินลงสู่สนามโดยรู้ว่ามีงานต้องทำหลังจากที่แพ้ให้กับ ยูเวนตุส ในเกมที่แล้ว ซึ่งทีมก็ไม่ประมาทแม้คู่แข่งจะถูกมองว่าเป็นรองเยอะก็ตาม
อันที่จริงมองไกลๆก็เหมือนกับ เจอร์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เหมือนกันนะ เพราะ มัลโม่ มาในชุดสีฟ้ามาเลย
หลังจากเกมล่าสุดทีมเล่นในระบบ 3-5-2 เกมนี้ปรับมาเล่น 3-4-3 อีกครั้ง โดยแค่ 5 นาทีแรกทีมก็ได้ลุ้นก่อนจังหวะที่ โรเมลู ลูกากู สอดมาทางขวาก่อนตบบอลให้ ติโม แวร์เนอร์ แปจ่อๆหลุดกรอบ แต่ยังไงจังหวะนี้ก็เป็นการล้ำหน้าของ ลูกากู ไปก่อนแล้ว
"สิงห์บลูส์" เกือบได้ประตูนาทีที่ 8 จังหวะที่แนวรับทีมเยือนสกัดไปขาดเข้าทาง โรเมลู ลูกากู สับไกบอลแฉลบเปลี่ยนทางแต่ โยฮัน ดาห์ลิน ไม่หลงปัดออกหลังไปได้ แต่นาทีต่อมาทีมก็มาได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะเตะมุมที่ เชลซี ลุยต่อเนื่อง ติอาโก้ ซิลวา เก็บบอลได้ก่อนเปิดเข้าเขตโทษ อันเดรียส คริสเตนเซ่น ตวัดยิงด้วยขวาตรงจุดโทษบอลตกพื้นเสียบตาข่ายเป็น 1-0 และนี่คือประตูแรกของเจ้าตัวในการเล่นกับสโมสรเลยด้วย
เชลซี ยังเปิดเกมบุกเข้าใส่ข้างเดียวและได้ลุ้นจากฟรีคิกของ เมสัน เมาท์ ที่ข้ามคานออกไปและนาทีที่ 21 ทีมก็มาได้จุดโทษเมื่อ โรเมลู ลูกากู ที่ลุยเข้าเขตโทษใช้ความใหญ่บังบอลก่อนจะโดน ลาสส์ นีลเซ่น เสียบร่วงลงไป จอร์จินโญ่ รับหน้าที่สังหารไม่พลาดให้ทีมหนีเป็น 2-0
การบาดเจ็บของแนวรุก
อย่างไรก็ตามในจังหวะที่ทีมได้จุดโทษที่ โรเมลู ลูกากู โดนเสียบนั้นทำให้เจ้าตัวได้รับบาดเจ็บและสุดท้ายก็เล่นต่อไม่ไหว โธมัส ทูเคิ่ล ต้องเปลี่ยนตัวคนแรกด้วยการเอาชนะ ไค ฮาแวร์ตซ์ ลงเล่นแทนในนาทีที่ 23 ของเกม
ในขณะที่รูปเกมยังคงเหนือกว่าอย่างชัดเจน "สิงห์บลูส์" ยังต้องเจอข่าวร้ายเพิ่มอีกเมื่อ ติโม แวร์เนอร์ เจ็บในจังหวะสปรินท์กลายเป็นเล่นต่อไม่ไหวต้องเปลี่ยนตัวอีกคนโดยทีมส่ง คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ลงมาเล่นแทน
ประตูเร็วครึ่งหลัง
เข้าครึ่งหลัง มัลโม่ แก้เกมด้วยการเปลี่ยนตัวสองคนรวด โยฮัน ดาห์ลิน ผู้รักษาประตู กับ เวลจ์โก้ เบียร์มานเชวิช กองหน้าโดนเปลี่ยนออก โดยเอา อิสมาเอล เดียวาร่า และ อับดุล มาลิค อาบูบาการี่ ลงเล่นแทน
ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาไม่ถึง 5 นาทีของครึ่งหลังสกอร์ก็ขยับห่างเป็น 3-0 จังหวะสวนกลับ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย พาบอลมาก่อนไหลเข้าเขตโทษด้านซ้ายให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ช้อนนิ่มๆข้ามตัว อิสมาเอล เดียวาร่า เข้าประตูไป
มาถึงนาทีที่ 57 เชลซี ก็มาได้จุดโทษอีกครั้งจังหวะที่ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ที่เติมเกมสูงถึงเขตโทษไปโดน เอริก ลาร์สสัน อัดจากด้านหลังจากจังหวะสับไกก่อนที่ จอร์จินโญ่ เจ้าเก่ารับหน้าที่สังหารและก็ยิงไปจุดเดิมกับยครึ่งแรกคือกลางประตูให้ทีมนำไกล 4-0
นอกจากทีมจะบุกเข้าใส่ก็พอเปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนด้วยก่อนจะเปลี่ยนตัวเอาแข้งหลักอย่าง เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เบน ชิลเวลล์ และ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ออกแล้วส่ง ซาอูลญีเกซ, มาร์กอส อลอนโซ่ และ รีซ เจมส์ ลงเล่น หลังผ่านครึ่งทางของครึ่งหลัง และปิดเกมด้วยชัยชนะสกอร์ดังกล่าวไป
เกมถัดไป
เชลซี จะลงเล่นในบ้านสองเกมติดในสองรายการ ไล่ตั้งแต่พรีเมียร์ลีกกับ นอริช ซิตี้ ในวันเสาร์นี้ ตามด้วย เซาธ์แฮมป์ตัน ในคาราบาว คัพในกลางสัปดาห์หน้า
