:::     :::

ความเชื่อใจ ... สุดท้าย!!?

วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม 2564 คอลัมน์ ผีตัวที่ 13 โดย โกสุ่ย
2,086
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
บรรยากาศอึมครึมรายล้อม โอลด์ แทรฟฟอร์ด หลังเกมแพ้ ลิเวอร์พูล คาบ้านแบบเละเทะ สิ่งที่เกิดขึ้นยิ่งตอกย้ำสถานการณ์ร้อนระอุบนเก้า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

ก่อนหน้านี้กระแส #OLEOUT กลับมาอีกครั้งเพราะผลงานในสนามไม่เป็นตามที่คาดหวัง ผลงานมีแต่ถอยหลังแม้ว่าจะเสริมทัพแบบจัดหนักในช่วงซัมเมอร์

อย่างที่เรียนไปแล้วหลายๆ ครั้งว่าฤดูกาลนี้ความกดดันจะโถมไปที่ โซลชา อีกหลายเท่า ที่ผ่านมาสโมสรพยายามหนุนหลังเสริมทีมตามที่ต้องการ แต่ดูเหมือนว่าผลงานไม่ได้กระเตื้องขึ้นเลย ทำให้แฟนบอลต่างเรียกร้องให้เกิดความเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือ แม้บางนัดทีมจะทำได้ดี แต่เอาเข้าจริงๆ รูปเกมที่เกิดขึ้นถือว่าห่างไกลกับสิ่งที่พวกเขาคาดหวัง

ยิ่งนัดล่าสุดที่โดน หงส์แดง บุกมาสอนเชิงถึง โรงละครแห่งความฝัน มันยิ่งตอกย้ำว่า ปิศาจแดง ภายใต้การนำของ โซลชา ห่างไกลกับทีมหัวตารางไม่ว่าจะเป็น ลิเวอร์พูล, เชลซี หรือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ปัญหาที่ยังคงแก้ไม่ตกและยังคงเป็นมาจนถึงตอนนี้คือการยืนระยะ นอกจากนั้นยังมีเรื่องของรูปแบบการเล่นที่ยิ่งเวลาผ่านไปยิ่งสะเปะสะปะไม่เห็นทรง จึงไม่แปลกที่แฟนบอลจะหมดความอดทน และฟางเส้นสุดท้ายได้ขาดผึงเป็นที่เรียบร้อย

กระแส #OLEOUT รุนแรงอย่างมากหลังจบเกมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แรงกดดันจากภายนอกพุ่งตรงไปยังบอร์ดบริหารซึ่งถือเป็นด่านสุดท้ายในการชี้ชะตาอนาคตของ โอเล่ 





แต่ก็เป็นอย่างที่เห็น บอร์ดบริหารส่วนใหญ่ของสโมสรยังคงเชื่อใจในตัว โซลชา ซึ่งเสียงหนุนหลังที่สำคัญคือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

หลายคนคงได้อ่านเบื้องลึกเบื้องหลังถึงสาเหตุที่สโมสรยังคงไว้เนื้อเชื่อใจ โซลชา พร้อมมอบโอกาสทำทีมต่อไปหลังจากนี้ แม้ว่าผลงานที่ผ่านมาจะย่ำแย่และไร้ทรงแค่ไหนก็ตาม เพราะปัจจัยสำคัญคือการที่ 'เฟอร์กี้' หนุนอดีตลูกทีมรายนี้เต็มที่

จะว่าไปก็มีเสียงคัดค้านอยู่เช่นกันว่าเรื่องนี้ เฟอร์กูสัน ควรวางมือและปล่อยบอร์ดบริหารทำงานกันเสียเอง แน่นอนว่าเป็นทางสโมสรเองที่เข้าไปขอคำปรึกษาหารืออดีตกุนซือรายนี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนจะฉุดให้ทีมแย่ลงไปกว่าเดิม 

ย้อนกลับไปตอน เฟอร์กี้ เลือกทายาทของตนเองโดยจิ้มไปที่ เดวิด มอยส์ นั่นคือความผิดพลาดหนแรกตั้งแต่การวางมือของสุดยอดกุนซือชาวสกอตแลนด์ และหนนี้ก็ยิ่งตอกย้ำว่าความคิดของเขาอาจจะผิดพลาดและส่งผลเสียอีกครั้ง

มาถึงตรงนี้อาจจะมีแฟนบอลบางคนไล่ให้ผู้เขียนเปลี่ยนทีมเชียร์ (อีกครั้ง) เพราะดันมาโจมตีทีมรักของพวกเขาแบบเสียๆ หายๆ แถมยังพุ่งเป้าไปที่ เฟอร์กูสัน แบบเต็มๆ แต่เรื่องนี้หากลองคิดตามและพิจารณาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตและสิ่งที่เป็นไปในตอนนี้จะเห็นว่าฟุตบอลมันเปลี่ยนแปลงไปมากจากสมัยที่ เฟอร์กี้ คุมทีม โลกฟุตบอลต่างจาก 10 ปีที่แล้ว ทั้งในแง่ของทัศนคติ, ความคิดของเล่น และรูปแบบการเล่นในสนาม





แน่นอนว่าในฐานะแฟนบอลแมนฯ ยูไนเต็ด คนหนึ่ง เฟอร์กูสัน คือกุนซือที่ดีที่สุด และยกย่องให้เป็นบุคคลผู้เป็นตำนานเหนือใครอื่น แต่หากมองในแง่ของความเป็นไปในโลกฟุตบอลปัจจุบัน สโมสรควรหยุดขอความเห็นจาก 'เฟอร์กี้' และปล่อยให้อยู่ในฐานะตำนานและแฟนบอลคนหนึ่งเท่านั้น นอกจากนั้นควรปล่อยให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารเพราะความคิดของพวกเขาก้าวทันและดำเนินไปกับยุคสมัย

ฝั่งสโมสรก็ต้องกล้าที่จะปรับเปลี่ยนภายในองค์กรให้ดีขึ้น บางครั้งอาจจะกระทบกับความภาคภูมิใจในอดีตของสโมสร หรือวิถีที่แฟนบอลคุ้นเคยกันมา อาจจะโดนมองว่ามองข้ามคนเก่าคนแก่ แต่ในโลกลูกหนังอดีตเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมองปัจจุบันและคิดถึงอนาคต 

ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ฟุตบอลรุดหน้าไปไกลกว่ากว่าอดีต มีหลายอย่างเกิดขึ้นและแตกต่างจากเดิม โดยเฉพาะตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาที่กว่าสโมสรจะปรับและขยับตัวก็ช้ากว่าชาวบ้านไปหลายปี 

การเปลี่ยนแปลงอาจจะเป็นเรื่องยอมรับได้ยากของใครหลายคน แต่เมื่อถึงเวลา ยุคสมัยก็ต้องเปลี่ยนไปเพื่อให้ทันโลก 

กลับมาที่สถานการณ์ของ โซลชา ซึ่งแน่ชัดแล้วว่าบอร์ดบริหารส่วนใหญ่วางใจให้กุนซือชาวนอร์เวย์ทำทีมต่อไปอีกสักระยะ ซึ่งส่วนสำคัญที่สุดคือการพาทีมกลับมาเข้ารูปเข้ารอย






หลังจากนี้เกมหนักๆ รอต้อนรับปิศาจแดงไม่ขาดสาย ไล่ตั้งแต่เยือน สเปอร์ส, เยือน อตาลันต้า ต่อด้วยเปิดบ้านรับมือ แมนฯ ซิตี้ ซึ่งน่าจะเป็น 3 เกมชี้ชะตาอนาคตของ โซลชา

ถึงตอนนี้ มีเพียงบอร์ดบริหารที่ยังคงเชื่อใจในตัวของ โซลชา มันเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่รั้งไม่ให้กุนซือชาวนอร์เวย์หลุดจากตำแหน่ง ต่างจากแฟนบอลส่วนมากที่หมดแล้วซึ่งความอดทนและเชื่อใจในตัวเทรนเนอร์รายนี้

แต่เมื่อการตัดสินใจออกมาแล้ว โซลชาได้ทำหน้าที่ต่อไป สำหรับแฟนบอลก็ต้องดูกันว่าหลังจากนี้ทีมจะกระเตื้องขึ้นมาหรือไม่ หรือจะยิ่งโดนกระทืบจมดินกว่าเดิม

มันก็สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งสองทาง หรืออย่างแย่ที่สุดคือการเลี้ยงไข้อย่างที่ผ่านมา นั่นคือพอมีกระแส #OLEOUT ทีมจะกลับมาทำผลงานที่ได้อยู่ช่วงหนึ่ง พอกระแสเริ่มซาลงผลงานก็กลับมาแย่อีกครั้ง

เกมวันเสาร์นี้ในการออกไปเล่นที่ลอนดอนคงได้เห็นอะไรชัดเจนขึ้น ทั้งปฏิกิริยาต่างๆ และที่สำคัญคือผลงานในสนามว่าจะมีอะไรมานำเสนอมากกว่าเดิมหรือไม่

ฟางเส้นสุดท้ายที่สโมสรพยายามฉุดรั้งทำให้ โซลชา ไม่กระเด็นตกเก้าอี้ แต่มันก็อาจจะกลายมาเป็นเชือกที่กลับมารัดคอพวกเขาและพาไปยังสถานการณ์ที่แย่กว่าเดิมก็เป็นไปได้ 



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด