แต่เป็นการผ่านเข้ารอบแบบทุลักทุเล ต้องนั่งกัดเล็บลุ้น สปป.ลาว เพื่อนบ้าน เอาชนะ มองโกเลีย ถึงเป็น 1 ในอันดับ 2 ที่ดีที่สุด
เรียกว่าต้องชื่นชมสปิริตเพื่อนบ้าน ที่บู๊จนวินาทีสุดท้าย แม้จะตกรอบไปแล้ว
ถึงผลงาน “ช้างศึก” ชุดนี้ไม่เป็นที่อภิรมย์เท่าไหร่ในภาพรวม ส่วนหนึ่งก็เพราะปฏิทินลูกหนังและการเตรียมทีม ที่มีเวลาเพียง 7 วัน
หลายคนเพิ่งเดบิวต์ในเวทีทีมชาติ บางคนไร้แมตช์ทางการลงเล่นมา จากการเป็นเพียงตัวสำรองในทีม สุดท้ายโค้ชต้องจับมาคน ๆ ผสมกัน ให้ลงตัวที่สุด
แต่ในวิกฤตดังกล่าว กลับทำให้เราค้นพบ “เพชร” หลายเม็ดในทีมชุดนี้
1 ในนั้นคือ โจนาธาน เข็มดี ปราการหลังลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก (ที่ไม่ใช่นม) วัย 19
ชื่อ โจนาธาน ไม่ใช่ “ตัวละครใหม่” ที่เพิ่งโผล่มาหน้าฉากลูกหนังไทย คอฟุตบอลน่าจะพอได้ยินข่าวคราวของหมอนี่ผ่านการลงเล่นให้ โอบี โอเดนเซ่ ทีมในซูเปอร์ลิแกน หรือ ลีกสูงสุดแดนโคนม รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี รวมถึงทีมสำรองมาแล้ว
เพียงแต่ชื่อ โจนาธาน มาอยู่ในหน้าสื่ออีกครั้ง หลังจากที่สโมสรตัดสินใจเซ็นสัญญาระดับอาชีพดึงเจ้าตัว ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ และ ซัลบาดอร์ บาเรโร การ์เซีย กุนซือทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ต้องการให้เขามาเล่นทัพช้างศึก แต่ก็พลาดไป เนื่องจากรายการดังกล่าวให้นักเตะที่เกิดปี 2003 ลงเล่น ทว่า โจนาธานนั้นเกิด ปี 2002
ก่อนจะ “จับพลัดจับผลู” มาอยู่ในทีมชุด 23 ปีลุยศึกมองโกเลีย ยุค “มาดามแป้ง”
อย่างไรก็ตามการมีดีกรีเป็น “ลูกครึ่ง” ค้าแข้งในยุโรป ไม่ได้ทำให้แฟนบอลมองคลาสฟุตบอลเขาเหนือกว่าผู้เล่นไทยแต่อย่างใด
เพราะต้องยอมรับว่า หลายคนยังไม่เคยเห็นผลงานอย่างทางการของเขา อจามีบ้างประปายตามยูทูป ต่างจากเพื่อนร่วมทีมอย่าง ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร ที่พาสเจอไรซ์ฟอร์มการเล่นให้แฟนบอลเห็นแล้วว่า “ของจริง”
กลับกัน โจนาธาน ถูกตั้งคำถามด้วยซ้าว่า “ไหวไหม” กับการ “แบกอายุ” มารับบทบาทแนวรับให้ทัพช้างศึกรุ่น 23 ปี ในวัยเพียง 19
ไหนจะเรื่องการเตรียมทีมที่มีเวลาน้อย การทำความเข้าใจกับระบบฟุตบอลไทย หรือ การสื่อสารเพื่อนร่วมทีม
แต่ทั้งหมด 3 นัด โจนาธาน ตอบคำถามแฟนบอลด้วย “ฝีตีน” ได้อย่างหมดจด
เขามีส่วนทั้ง 3 เกม เป็นแกนหลักหลังบ้าน ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น กับส่วนสูง 188 ซม. เล่นลูกกลางอากาศได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ได้ช้าเป็นเรือเกลือ มีแพสชั่นกับเกม และสมาธิตลอดเวลา ทัศนคติการเล่นดี สกัดบอลขาด ดุดันหนักหน่วงตามสไตล์ยุโรป บิวท์ อัพ เกมได้แม้เล่นตำแหน่งกองหลัง
เรียกว่าเป็นแนวรับที่ทีมชาติไทยตามหามาในช่วงหลัง
ที่สำคัญตลอด 3 เกมเขาลงเล่นกับกองหลังไทยไม่ซ้ำหน้าสักคน
เสมอ มองโกเลีย - ยืนคู่ วันชาติ ชูสงค์ ก่อนบาดเจ็บเปลี่ยน อันโตนิโอ แสนใจรักษ์ ลงมา
ชนะ สปป.ลาว - ยืนคู่ อันโตนิโอ แสนใจรักษ์ ก่อนบาดเจ็บเปลี่ยน ชนภัช บัวพันธ์ ลงมา
เสมอ มาเลเซีย - ยืนคู่กับ อนุศักดิ์ ใจเพชร
แต่ตลอด 3 เกมที่ โจนาธาน ลงเล่น เขาแทบกลับไม่มีปัญหา “ผิดพลาด” เรื่องการสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมเลย แถมช่วยปัดกวาดหลังบ้านได้อย่างดีเยี่ยม
เรียกว่าฟอร์มหมอนี่คือเป็นอนาคตทีมชาติไทยได้สบาย
หากไม่ติดขัดประการใด ในศึกชิงแชมป์เอเชียรอบสุดท้ายที่อุซเบกิสถาน อย่างไรเสียก็น่าจะมีชื่อเขาติดทีมบินไปด้วย
เผลอ ๆ โจนาธาน อาจได้เดบิวต์ทีมชาติชุดใหญ่ ตั้งแต่เวที ซูซูกิ คัพ ในเดือนหน้าเลยก็เป็นได้
