พวกเขามีผู้เล่นเกรดทีมชาติวิ่งเต็มทีม มีประธานสโมสรที่พร้อมซัพพอร์ตเม็ดเงิน อำนวยความสะดวกให้ทีม เรียกว่ามีทุกอย่างที่ส่งให้ก้าวไปคว้าโทรฟี่ได้
เพียงแต่ในที่ผ่านมาไทยลีกกับ “สิงห์เจ้าท่า” ยังทำได้แค่ “เฉียด”
ปีกลายพวกเขาจบอันดับ 3 โดยที่มีแต้มห่างจากแชมป์อย่าง บีจี ปทุมฯ ถึง 21 คะแนน
สิ่งเหล่านี้ตอบได้ดีว่า การที่คุณจะพุ่งขึ้นไปเป็นทีมอันดับ 1 ได้ นอกจากทรัพยากรลูกหนัง ฟอร์มการเล่น สิ่งที่สำคัญกว่าคือการ “รักษามาตรฐาน” ของทีมไว้ให้ได้
ในมุมสโมสร เมื่อกุนซือที่มีอยู่ในมือไม่สามารถตอบโจทย์ความสำเร็จได้ จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงเก้าอี้ (อีกครั้ง)
หนนี้ทีมได้ ดุสิต เฉลิมแสน อดีตโค้ชสิงห์เจ้าท่า ที่พา บีจี ปทุมฯ คว้าแชมป์ไทยลีกปีก่อนมาคุมทัพ
ด้วยความเขี้ยวของ “โค้ชโอ่ง” ด้วยทรัพยากรนักเตะ การท่าเรือ ที่มีแข้งตีนดีให้เลือกสรรมากมาย ทำให้ก่อนเปิดฤดูกาล หลายคนมองว่า น่าจะถึงคราของ การท่าเรือ แล้วในซีซั่นนี้ พวกเขาน่าจะดูดีกว่าปีที่ผ่านมา
ปีก่อนหากไม่นับแพ้ โปลิศ เทโรฯ ไป-กลับ และบุกพ่าย เมืองทอง ยูไนเต็ด การท่าเรือ เสียแต้มให้ทีมระดับเกรดเดียวกันอย่าง บุรีรัมย์ฯ บีจี เชียงรายฯ และ สมุทรปราการ ถือว่ามาตรฐานเวลาเจอทีมระดับกลางตาราง หรือล่าง การท่าเรือทำได้ดีระดับหนึ่ง
ฉะนั้นเป้าของปีนี้คือ รักษาโมเมนตั้มเดิมไว้คือ เจอทีมเล็ก-กลางตารางต้องตบให้คว่ำ เจอทีมใหญ่ต้องยกระดับฟอร์มการเล่น “ห้ามแพ้” เหมือนที่ผ่านมา อย่างขี้เหร่มี 1 แต้มติดมือ
ตัดฉากมาปัจจุบัน…
11 เกมล่วงผ่าน การท่าเรือ พ่ายไปแล้วถึง 4 เกม
ซ้ำกว่านั้น 3 จาก 4 เกมที่พ่าย มาจากการพบกับ สุพรรณบุรี เอฟซี, ชลบุรี เอฟซี และ นครราชสีมา มาสด้า
ตารางคะแนนแบบเรียลไทม์หลังจบเกมสุดสัปดาห์ อยู่อันดับ 8 ของตาราง มีคะแนนตามหลังจ่าฝูง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถึง 10 คะแนน
แม้จุดเด่นของ การท่าเรือ คือเกมรุก ที่ทำประตูได้ 10 จาก 11 นัดที่ลงสนาม ทว่าจากความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกเขาก็พร้อมโดนเจาะตาข่ายตลอดเช่นกัน และกระทบกับผลการแข่งขันเสมอ
ตรงนี้ทีมต้องทำการบ้านแก้ให้ขาด
เพราะฤดูกาลนี้ นอกจาก บีจี ปทุมฯ และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทีมอย่าง ทรู แบงค็อกฯ พร้อมสอดแทรกเข้ามาเอี่ยวลุ้นแชมป์ด้วยเช่นกัน ไหนจะ ชลบุรี เอฟซี และ เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ยกระดับมาตรฐานทีมขึ้นมาติดท็อปไฟว์กันได้
อีกหนึ่งความท้าทายของ “โค้ชโอ่ง” คือ 5 เกมจากนี้
พวกเขาต้องเจอกับทั้ง ทรู แบงค็อกฯ, บีจี ปทุมฯ, ลีโอ เชียงรายฯ, ราชบุรี มิตรผล และ หนองบัว พิชญ ล้วนแล้วแต่เป็นงานหนักทั้งสิ้น
แต่หากทำได้ นอกจากเรียกความมั่นใจทีมที่แพ้รวด 2 เกม กลับสู่เป้าหมาย ยังเป็นการดึงคะแนนทีมข้างบนตารางให้หยุดรออีกด้วย
เป็น 5 เกมที่อาจวัดสถานะในฤดูกาลนี้ของ การท่าเรือ คร่าว ๆ ได้เลยว่าดีพอไปถึงเป้าหมายที่มาดามตั้งไว้หรือไม่
จะต้มยำทำแกงวธีไหนก็เชิญ แต่สุดท้ายขอ 3 คะแนนเป็นพอ
