:::     :::

เมื่อช่วงเวลามาบรรจบ

วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน 2564 คอลัมน์ ผีตัวที่ 13 โดย โกสุ่ย
1,477
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
สถานการณ์บีบรัดจากผลงานออกทะเลในช่วงที่ผ่านมา กระแสข่าวปลด โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ถูกโหมกระหน่ำไม่ต่างกองไฟที่กำลังลุกโชน

บวกกับฟอร์มการเล่นและผลการแข่งขันที่คอยเติมเชื้อไฟให้กระหน่ำรุนแรงยิ่งขึ้น ไหนจะความผิดหวังต่อการปราชัยให้อริไม่เผาผีอย่าง ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ซิตี้ ยิ่งทำให้สถานการณ์ต่างๆ ดำดิ่งไปกว่าเดิม

ฟางเส้นสุดท้ายคือผลงานนัดล่าสุด ณ สนาม วิคาเรจ โรด กับการปราชัย วัตฟอร์ด แบบหมดรูป 1-4 ใครจะอ้างว่าเหลือ 10 คนบ้างล่ะ, ไม่มีดวงบ้างล่ะ หรือไม่มีความเฉียบคมบ้างล่ะ แต่หากพิจารณาตั้งแต่นาทีแรกถึงนาทีสุดท้าย มันคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุค โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่มาจนสุดทาง และรอวันหมดอายุ

โดยเฉพาะรูปเกมช่วง 45 นาทีแรกที่โดน แตนอาละวาด เล่นงานแทบโงหัวไม่ขึ้น เจ้าบ้านบุกหนักทำนักเตะผีแดงไปไม่เป็น โอนเอนเหมือนไม้ต้องลม ซึ่งเป็นไม่ที่อ่อนแอแคระแกร็นและพร้อมหักโค่นอยู่ตลอดเวลา

การป้องกันจุดโทษถึงสองครั้งของ ดาบิด เด เคอา ดูเหมือนเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ทีมอยู่ในเกม แต่มันไม่ใช่เลยเพราะหลังจากนั้นแข้งปิศาจแดงยังคงกระท่อนกระแท่นโดยซ้ายทีขวาที เป๋ไปเป๋มาจนโงหัวไม่ขึ้น ไหนจะเกมเพรสซิ่งที่โดนเมื่อไหร่มียุบและแก้ไม่ตก ทำให้ท้ายที่สุดมาโดนสอยตาข่าย





อย่างที่เรียนไปหลายครั้งแล้วว่า ปิศาจแดง ยุค โซลชา ในช่วงหลังมีปัญหาอย่างมากในการแก้เกมเพรสซิ่งเอาตัวรอดจากการโดนฝ่ายตรงข้ามบีบและเร่งเกม มันเหมือนพิมพ์เขียวของทุกๆ สโมสรที่เจอ ยูไนเต็ด ในช่วงหลังที่พยามไล่บี้เร็วๆ ซึ่งมันได้ผลและสร้างปัญหาให้แข้งผีแดงเป็นอย่างมาก

นัดที่ผ่านมาก็ไม่ต่างกัน ผู้เล่นวัตฟอร์ดทราบเรื่องนั้นพร้อมเดินหน้าเพรสซิ่งเมื่อจังหวะเวลาเป็นใจ แข้งแตนเล็งจังหวะที่กองกลางปิศาจแดได้บอลหรือตอนที่แนวรับพยายามตั้งเกมเข้าไปเพรสซิ่ง ไหนจะการเล่นแบบ ' โซนเพรส' คุมพื้นที่ไม่ให้ผู้มาเยือนขยับตัวได้อย่างอิสระ

นอกจากนั้น วัตฟอร์ด ยังบีบให้ ปีศาจแดง เล่นจังหวะเดียว ไม่ให้เวลาในการคิดถึงการเล่นจังหวะต่อไป บ่อยครั้งที่เราจะเห็นบอลโดนบีบไปข้างสนามจนนักเตะยูไนเต็ดต้องคายบอลยาวหรือโดนตัดไปแบบง่ายๆ แนวรุกต้องลงมาล้วงบอลและนั่นทำให้โอกาสทำประตูน้อยลงไปด้วย

แม้ต้นครึ่งหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด จะตอบโต้ไล่ตีตื้นขึ้นมา โดยเฉพาะ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ที่ลงไปเป็นตัวจุดประกายพร้อมแสดงให้เห็นว่านี่คือนักเตะที่สมควรได้โอกาสมากกว่าที่ผ่านมา กระนั้นมันเหมือนแรงกระเพื่อมเล็กๆ ที่ค่อยๆ หายไปจากการโดนเหตุการณ์อื่นมากลบจนสนิท

ไม่นับตอนทำประตู กองกลางเนเธอร์แลนด์ได้สร้างการเล่นสวยๆ ได้หลายจังหวะไม่ว่าจะเป็นการผ่านบอล, การหาพื้นที่, การแย่งบอล หรือการประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม ซึ่งยิ่งตอกย้ำว่าที่ผ่านมา โซลชา อาจจะคิดมากหรือยึดติดกับอะไรบางอย่างจนเกินไป และทำให้มองข้ามบางสิ่ง

ถือว่าในช่วงที่ ดอนนี่ อยู่ในสนาม ปิศาจแดงมีโอกาสมากขึ้นและเกือบตีเสมอได้หลายจังหวะ ซึ่งแน่นอนว่าการโดนใบแดงของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ มีส่วนสำคัญที่ทำให้โมเมนตัมเปลี่ยนฝั่งอีกครั้ง เพราะช่วงดังกล่าวทีมทำได้ดีกว่า วัตฟอร์ด แล้ว

จะว่าไปมันคงเป็นโชคชะตาของคนที่กำลังจะตกงาน อะไรๆ ก็ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ ทั้งผลงาน, ผลการแข่งขัน หรือปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้น ได้ถูกขยำรวมกันและกลายเป็นผลลัพธ์อย่างที่เห็น





ในที่สุด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตัดสินใจครั้งสำคัญปลด โซลชา ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม ซึ่งแฟนบอลจำนวนไม่น้อยมองว่าช้าไป เพราะคำถามสำคัญคือใครจะมารับเผือกร้อนอันนี้ต่อ 

กุนซือมากมายถูกโยงเข้าหาตำแหน่งดังกล่าว แต่จะมีเพียงคนเดียวถูกเลือกให้เป็น 'ความหวังใหม่' คนต่อไปของสโมสร กับภารกิจกอบกู้และปลุกให้ แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมาผงาดอีกครั้ง

นั่นเป็นเรื่องในอนาคตอันใกล้ ซึ่งตอนนี้สโมสรได้ฝากฝัง ไมเคิ่ล คาร์ริค ให้ทำหน้าที่รักษาการ และนั่นจะเป็นช่วงเวลาสุญญากาศที่แฟนบอลรอลุ้นว่าทีมจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในสโมสร

กลับไปที่ โอเล่ แม้ว่าผลงานในการคุมทีมช่วงหลังจะออกทะเลจนเสียทรง กระนั้นเสียงวิจารณ์มาจากผลของการทำงานของเขาไม่ได้เอาเรื่องส่วนตัวมาปน ซึ่งเขาก็คงทราบดีว่าการทำงานในฐานะกุนซือทีมฟุตบอลมาพร้อมเสียงวิจารณ์แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดีก็ชม แย่ก็ตำหนิ ไม่ต่างจากการทำงานอื่นๆ ที่ต้องมีคนคอยมองและจับจ้องอยู่เสมอ

โดยเฉพาะการทำงานให้สโมสรใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ทุกฝีเก้าจะถูกจับตาและไม่มีช่องว่างให้กับความผิดพลาด

สุดท้ายแล้ว ปิศาจแดง ยุค โซลชา ได้สิ้นสุดลง และหลังจากนี้จะเป็นเส้นทางใหม่ซึ่งยังไม่ทราบว่าใครจะเข้ามาเป็นคนนำขบวน

แต่สำหรับ โซลชา จะถูกจกจดในฐานะตำนานสโมสร เรื่องนี้คนอื่นๆ คิดอย่างไรไม่ทราบแต่ส่วนตัวเขาคือคนที่มีความสำคัญกับทีมและจะเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง

ในฐานะแฟนบอลขออวยพรให้ โซลชา โชคดี และหลังจากนี้ก็คงต้องกลับมาจดจ้องการทำงานของบอร์ดบริหารว่าจะไปในทิศทางใด

เพราะนั่นคือเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด