สี่ปีที่แล้ว ไรอัน เซสเซยง เคยสร้างปรากฏการณ์ในฐานะดาวรุ่งอนาคตไกลของวงการฟุตบอลอังกฤษ ที่หลังจากนั้นสองปี ท็อตแน่ม คือผู้โชคดีได้ตัวไปครอบครอง
จากดาวรุ่งแห่งยุคที่แจ้งเกิดกับ ฟูแล่ม ในเวทีแชมเปี้ยนชิพ ถึงตอนนี้ใครหลายใครอาจลืมชื่อไปแล้วด้วยซ้ำว่า ไรอัน เซสเซยง ยังเป็นสมาชิกในสังกัดของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
ความคาดหวังที่สูงเกินไป... อาการบาดเจ็บ... หรือสภาพจิตใจที่ไม่แกร่งพอ อะไรคือเหตุผลที่ทำให้ ไรอัน เซสเซยง เกือบจะหายสาบสูญไปจากเกมฟุตบอล ทั้งที่อายุอานามในปัจจุบันก็ยังเรียกว่าเป็นดาวรุ่งได้
ประวัติคร่าวๆ ของ ไรอัน เซ็นสัญญาเข้าทีมเยาวชนของ ฟูแล่ม ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ พร้อมๆ กับคู่แฝด สตีเว่น เซสเซยง แต่ด้วยพัฒนาการที่ก้าวกระโดดแบบข้ามหน้าข้ามตา ทำให้ ไรอัน ขึ้นไปเป็นสมาชิกขาประจำในทีมชุดอายุไม่เกิน 18 ปีตั้งแต่ตัวเองยังอายุ 15
ขณะเดียวกัน สลาวิซ่า โยคาโนวิช เฮดโค้ชทีมชุดใหญ่ ก็เรียกขึ้นไปซ้อมด้วยในช่วงเวลานั้น ถือเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ดี
ไรอัน ถูกจับประเดิมสนามให้ทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุ 16 สร้างสถิติต่างๆ เอาไว้มากมายในฤดูกาลแรกในแชมเปี้ยนชิพ ที่จบซีซั่น 7 ประตูจาก 30 เกม ไม่เลวทีเดียวสำหรับดาวรุ่งที่เล่นตำแหน่งปีกซ้าย
บรรดาแมวมองจากสโมสรต่างๆ ในพรีเมียร์ลีก เริ่มจับตา ไรอัน แบบไม่ยอมคลาดสายตา กูรูฟุตบอล สื่อสำนักต่างๆ ต่างยกย่องฝีเท้า และเชื่อมั่นว่าฟุตบอลอังกฤษได้ค้นพบดาวรุ่งดวงใหม่แล้ว
ซัมเมอร์ปี 2017 ลิเวอร์พูล, เอฟเวอร์ตัน, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือหนึ่งในสโมสรที่ตกเป็นข่าวให้ความสนใจ ไรอัน อย่างจริงจัง แต่ตามกฏของ เอฟเอ ต้องรอจนอายุครบ 17 ปีบริบูรณ์
แม้ค่าชดเชยอยู่ที่ 2 ล้านปอนด์ แต่ ไรอัน ไม่ยอมหักหลังต้นสังกัดที่ปลุกปั้นมา เซ็นสัญญานักฟุตบอลอาชีพฉบับแรกกับ ฟูแล่ม ในที่สุด
ชื่อของ ไรอัน เข้าไปพัวพันอยู่ในตลาดซื้อขายทุกช่วง หลังจากพา ฟูแล่ม เลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกในปี 2018 และก็ตกชั้นในปีต่อมา เวลาแห่งการย้ายทีมก็มาถึง และเป็น ท็อตแน่ม ที่ได้ตัวไปครอบครองในช่วงซัมเมอร์ปี 2019
25 ล้านปอนด์คือตัวเลขที่ ฟูแล่ม ได้รับ สำหรับการเลี้ยงดูปูเสื่อ ไรอัน มาตั้งแต่ยังเป็นเด็กๆ ขณะที่ ท็อตแน่ม ก็จับเซ็นสัญญายาว 5 ปี ที่มีออปชั่นขยายอีกปี ไปสิ้นสุดในปี 2025
ทุกอย่างเหมือนจะดูดี แต่หลังจาก ไรอัน ย้ายเข้ามาไม่กี่เดือน เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ก็ถูกปลดออกจากตำแหน่ง และแต่งตั้ง โชเซ่ มูรินโญ่ เป็นนายใหม่ หลายสิ่งหลายอย่าง เริ่มไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง
"เรื่องนั้น (ย้ายทีม) ไม่เคยเข้ามาอยู่ในหัวสมองผมเลย"
"ผมรู้ว่าผมคงต้องออกไปแบบยืมตัว ที่ที่ผมจะได้ลงเล่น และกลับมาพร้อมความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม แต่อาการบาดเจ็บก็ดันมาเกิดอีกครั้ง"
"แต่ก็ไม่เคยมีแวบเข้ามาในหัวผมเลยสักครั้ง เรื่องที่จะต้องอำลาทีม"
"แน่นอน มันเป็นอะไรที่หนักมากๆ ทุกคนรู้เรื่องนั้นดีอยู่แล้ว คนที่ใกล้ชิดกับผมมากจะรู้เลยว่ามันส่งผลกระทบกับผมมากแค่ไหน แต่ในเรื่องของความเชื่อมั่น ผมคิดว่าตอนนี้ผมได้ลบทิ้งเรื่องเหล่านั้นไปหมดแล้ว"
"ผู้คนดีๆ รอบตัวผมคอยช่วยเหลือ ทั้งครอบครัวและเพื่อนๆ และการได้พูดคุยกับคนที่ใกล้ชิด"
"ผมได้รับความช่วยเหลือที่ดีแบบตัวต่อตัวจากคนที่ดีกับผมมากๆ คนที่คอยผลักดันผมในทุกๆ วัน มอบพลังบวกให้อย่างที่ผมต้องการ ในแง่มุมของจิตวิทยา"
ในช่วงเวลาของ มูรินโญ่ ไรอัน ถูกปล่อยยืมไปเล่นกับ ฮอฟเฟนไฮม์ ฤดูกาลที่แล้ว แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก
และซีซั่นนี้ ไรอัน กลับสู่ ท็อตแน่ม เริ่มต้นกับ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ ก่อนเปลี่ยนมาเป็น อันโตนิโอ คอนเต้ ในระยะเวลาอันสั้น
เมื่อพิจารณาถึงระบบการเล่นกองหลังสามคนที่ คอนเต้ ชอบใช้ ที่อาจเป็น 3-4-3, 3-5-2, 3-4-1-2 หรือจะ 3-4-2-1 อะไรก็แล้วแต่ ไรอัน น่าจะมีโอกาสที่ดียิ่งขึ้น กับบทบาทวิงแบ็กฝั่งซ้ายที่ตนเองถนัด
"ผมคิดว่าสำหรับผมแล้วมันมีความสำคัญมาก เหมือนอย่างที่คุณพูด การเริ่มต้นปลุกอาชีพนักฟุตบอลอย่างแท้จริงของผม ขณะที่ผ่านมาต้องเล่นๆ หยุดๆ นับตั้งแต่ย้ายมาที่นี่ ด้วยเหตุผลหลายประการ"
"(วิงแบ็กซ้าย) นั่นคือตำแหน่งที่ผมเริ่มต้นที่ ฟูแล่ม ขณะที่ทุกคนรู้ว่าผมคือแบ็กซ้าย แล้วก็ถูกจับไปเป็นกองหน้า (ฝั่งซ้าย) ดังนั้นเมื่อคุณควบรวมสองบทบาทที่ผมสามารถเล่นได้ นั่นก็คือวิงแบ็ก สมบูรณ์แบบไปเลย"
ไรอัน คงต้องเรียกความมั่นใจทีละขั้นบันได เริ่มจากเกมยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก ที่มีความสำคัญน้อยที่สุดไปก่อน จากนั้นหากมีโอกาส อาจได้สอดแทรกและเสียบแทนตำแหน่งของ เซร์คิโอ เรกีลอน ในบางเกม
แต่ก่อนจะคิดถึงเรื่องนั้น ไรอัน เซสเซยง จะต้องเค้นฟอร์มเก่งเหมือนเมื่อ 3-4 ปีก่อน ออกมาให้ได้ ที่สำคัญไปกว่านั้น คงต้องภาวนาไม่ให้อาการบาดเจ็บกลับมาทักทายอีก
