:::     :::

4 แข้งพร้อมเฉิดฉายในศึกอาเซียนคัพ

วันอังคารที่ 07 ธันวาคม 2564 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
1,014
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ทีมชาติไทย กำลังดำเนินภารกิจในศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ 2020 หลังจากเกมแรกประเดิมชนะ ติมอร์ เลสเต้ ไปด้วยสกอร์มิตรภาพ 2-0 นัดต่อไปวันเสาร์นี้จะลงสนามพบกับ เมียนมาร์ ที่พ่าย สิงคโปร์ เจ้าภาพมา 0-3

ทัวร์นาเมนต์นี้ นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีม ออกมาประกาศแล้วว่า นอกจากเงินรางวัลจากเอเอฟเอฟ จำนวน 300,000 เหรียญ หรือกว่า 10 ล้านบาทแล้ว "มาดามแป้ง" ยังอัดฉีดอีก 20 ล้านบาท หากทีมชาติไทยคว้าแชมป์นี้กลับมา รวมเป็น 30 ล้านบาท

นักเตะชุดนี้หลายคนน่าจับตามองอย่างมาก เพราะทำผลงานในเกมลีกได้อย่างยอดเยี่ยม และมีดาวรุ่งอยู่ 2 คนที่ขยับจากทีมชาติไทย อายุไม่เกิน 23 ปี ชุดชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก ที่มองโกเลีย เข้ามาต่อยอดประสบการณ์ในทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก

วันนี้ขอลองคัด 4 ผู้เล่นที่น่าส่องแสงสปอตไลท์เป็นพิเศษใน เอเอฟเอฟ ซูซูกิ 2020 หากได้รับโอกาสลงสนามจาก มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือชาวบราซิล-เยอรมัน ที่ทำทีมในรายการนี้เป็นครั้งที่สองในชีวิต หลังจากปี 2012 เขาเคยทำงานในบทบาทมือขวาของ วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือชื่อดังจากเมืองเบียร์


วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ (บีจี ปทุม ยูไนเต็ด)

ดาวเตะคนใหม่ของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ออกเดินทางไปประเทศสิงคโปร์ เพื่อไล่ล่าแชมป์ "เจ้ายิม" ถือเป็นผู้เล่นที่ถูกจับตามองในทัวร์นาเมนต์ครั้งนี้อย่างมาก กับเอเอเอฟ ซูซูกิ คัพ ครั้งแรกในชีวิต แม้ว่าคู่แข่งในตำแหน่งเกมรุกจะมีตัวเลือกให้โค้ชใช้งานเยอะเหลือเกิน

ทั้ง ชนาธิป สรงกระสินธ์ (คอนซาโดเล่ ซัปโปโร), ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร (เลสเตอร์ ซิตี้), ศิวกรณ์ เตียตระกูล (ลีโอ เชียงราย) , ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, ปกเกล้า อนันต์ (ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด) แต่ "ยิม" มีผลงานการันตีด้วยการเป็นจอมทัพคนไทยที่ยิงมากที่สุดในไทยลีก 2021/2022 ในช่วงเลกแรก และเป็นนักเตะที่ค่าตัวในการโยกย้ายแพงสุดเป็นอันดับต้นๆ ในประวัติศาสตร์ของเมืองไทย

8 ประตู 4 แอสซิสต์ ที่ทำไว้เท่ากับ ศุภชัย ใจเด็ด กองหน้าจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เพื่อนร่วมทีมชาติ ทำให้เขาพร้อมแล้วสำหรับโอกาสลงสนามกับทีม "ช้างศึก" ที่สำคัญ มาโน่ โพลกิ้ง ยังคอยไปติดตามนั่งชมเกมที่ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ลงเล่นให้ ชลบุรี เอฟซี อยู่หลายนัด ซึ่งคงเห็นอะไรดีๆ ในตัวของดาวเตะวัย 24 ปีรายนี้แบบเต็มตาไปบ้างแล้ว

จุดเด่นของ "ยิม"  นอกจากการสร้างสรรค์เกม, ลูกจ่ายที่เฉียบคม และการทำประตูที่เด็ดขาด เขายังอัพเกรดตัวเองในการลงมาช่วยเกมรับให้กับทีมได้อีกด้วย นี่เป็นอีก 1 ข้อที่ทำให้ทุกคนมองว่าเขาโตขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก พร้อมหลุดพ้นจากคำว่า "ดาวรุ่งตลอดกาล" ได้เต็มตัว


ศุภชัย ใจเด็ด (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)

นอกจากจะยิง 8 ประตู พร้อมกับทำ 4 แอสซิสต์ "อาร์ม" ยังเป็นดาวซัลโวคนไทยในตำแหน่งกองหน้าของเลกแรกอีกด้วย

ทัวร์นาเมนต์นี้จะเป็นหนที่สองของเขา หลังได้รับโอกาสติดทีมชาติภายใต้การนำของ มิโลวาน ราเยวัช ทำศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 นอกจากนี้ยังเคยคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมในเกมที่ทีมชาติไทยถล่มสิงคโปร์ 3-0 แม้ว่าสุดท้ายทีมชาติไทย จะไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศได้ก็ตาม

ทัวร์นาเมนต์นั้น เขายิงได้ถึง 3 ประตู ซึ่งถือเป็นใบเบิกทางกับทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ในการไปลุย เอเชียน คัพ 2019 ก่อนที่จะเปลี่ยนมือกุนซือมาเป็น "โค้ชโต่ย" ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย และ อากิระ นิชิโนะ เขาก็ยังคงมีชื่ออยู่ในแผนการเล่นของโค้ชทุกๆคน

ความมั่นใจที่พกติดตัวมาจากผลงานในไทยลีก ที่มีส่วนช่วยให้ "ปราสาทสายฟ้า" จบเลกแรกด้วยการเป็นแชมป์ และประสบการณ์กับการเล่นทีมชาติไทยชุดใหญ่ต่อเนื่องมาโดยตลอด ทัวร์นาเมนต์นี้ อาจจะถึงเวลาแล้วก็ได้ที่เขาจะระเบิดผลงานแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวเสียที


กฤษดา กาแมน (ชลบุรี เอฟซี)

ลงเล่นทุกเกมให้กับ ชลบุรี เอฟซี จนเป็นตัวหลักที่ทีมจะขาดไปไม่ได้ในตำแหน่งกองกลางตัวรับ ไม่แปลกใจเลยที่ มาโน่ โพลกิ้ง เลือกเขาเข้ามาเล่นในทีมชาติไทยชุดใหญ่ ซึ่งถือว่ากำลังเหมาะสม เพราะด้วยฟอร์มการเล่นของเขาที่ทำไว้กับต้นสังกัด มันช่างโดดเด่นเสียเหลือเกิน

ในเลกแรก กฤษดา กาแมน คือ ขุนพลเอกของ "โค้ชเตี้ย" สะสม พบประเสริฐ ในการลงสนามให้กับ "ฉลามชล" และยังเป็นคนเล่นเซ็ตพีซเบอร์ต้นๆของทีม โดยเฉพาะลูกยิงระยะไกลที่พลังเตะหลังเท้าของเขาหนักหน่วงไม่เป็นสองรองใครในลีก

การเข้ามาเป็น 1 ใน 30 คนครั้งนี้ มาโน่ โพลกิ้ง เล็งเห็นออฟชั่นพิเศษตรงที่ "และห์" สามารถถอยมายืนเซนเตอร์ฮาล์ฟได้ด้วย อีกทั้งยังมีจุดเด่นในเรื่องการออกบอลบิวด์อัพเกมทำให้ทีมไม่จำเป็นต้องเลือกกองกลางเข้ามาเพิ่มอีก 1 คน 

ในเกมแรกกับ ติมอร์ เลสเต "และห์" ได้ลงประเดิมสนามนัดแรกกับทีมชาติชุดใหญ่ไปแล้ว ถือว่าทำได้ตามมาตรฐานไม่มีข้อผิดพลาดอะไรให้เห็น ซึ่งในอนาคตเชื่อเหลือเกินว่าเขาจะก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักคนสำคัญของทีมชาติไทยได้ไม่ยาก โดยเฉพาะความเป็นผู้เล่นสารพัดประโยชน์ที่เล่นได้ทุกตำแหน่งในเกมรับ


โจนาธาน เข็มดี (โอบี โอเดนเซ่)

หลังผลงานเป็นที่ประจักษ์ในศึก ยู 23 ชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก ที่มองโกเลีย ด้วยการยืนเป็นตัวหลักในเกมรับทั้ง 3 นัด จนพาทีมเข้ารอบสุดท้าย ที่อุซเบกิสถาน และเมื่อกลับไปที่ โอบี โอเดนเซ่ ในลีกเดนมาร์ก ก็มีข่าวว่าทีมจากไทยลีก สนใจที่อยากจะได้ตัวไปร่วมทีม จนต้นสังกัดต้องปักป้ายค่าฉีกสัญญาไว้ 1 ล้านยูโร

ในทัวร์นาเม้นท์ดังกล่าว โจนาธานสร้างความประทับใจให้กับแฟนบอลไทย, โค้ชไทย รวมไปถึง มาโน่ โพลกิ้ง เป็นอย่างมาก ด้วยแพสชั่นความทุ่มเทเล่นด้วยหัวใจเกิน 100% เป็นแนวรับร่างใหญ่ ที่ไม่เชื่องช้าและเล่นบอลกับพื้นได้ดี ตรงคอนเซปต์ของกุนซือคนใหม่ทัพ "ช้างศึก"

เมื่อกวาดสายตาไปมองในเกมรับของทีมชาติไทย โดยเฉพาะตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟชุดนี้ที่มีแต่ผู้เล่นรูปร่างสูงใหญ่ทั้งนั้น ไม่ว่าจะ ปวีร์ ตัณฑะเตมีย์ (ราชบุรี มิตรผล เอฟซี), มานูเอล ทอม เบียห์ร (ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด) และ เอเลียส ดอเลาะ (การท่าเรือ เอฟซี)

รายการนี้แหละจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า หัวใจของไอ้หนูวัย 19 กะรัต จะแข็งแกร่งมากเพียงใด เพราะนี่จะเป็นทัวร์นาเมนต์ที่รวมเสือ สิงห์ กระทิง แรด ย่านอาเซียนมากมาย หากว่าผ่านในถ้วยใบนี้ โอกาสไปเล่นทำผลงานโดดเด่น เพื่อสร้างมูลค่าให้เพิ่มขึ้นในศึก ยู 23 ชิงแชมป์เอเชีย รอบสุดท้าย ที่อุซเบกิสถาน

แม้นัดแรกจะยังไม่มีชื่อใน 23 คน แต่นัดต่อๆ ไปไม่น่ามีปัญหาที่ โจนาธาน จะได้รับโอกาสบ้างเพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเขาดีพอสำหรับการเล่นให้ทีมชาติชุดใหญ่แล้วจริงๆ 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด