"ดิโอโก้ทำได้ดีมาก เขายิงประตูที่ยอดเยี่ยมมากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และเขามีช่วงเวลาที่ดีกับที่นั่น เป็นโอกาสแฟนบอลทั้งสองทีมจะได้จับตามองเขา พวกเรามีความสุขมากๆกับดิโอโก้ที่เขาได้เก็บประสบการณ์ในการลงสนามอย่างเต็มตัวที่นั่น ซึ่งเป็นสโมสรระดับไอคอน และได้รับมาตรฐานระดับที่เหมาะสมในแต่ละสัปดาห์"
นี่คือคำพูดเก่าของ "โอเล่ กุนนาร์ โซลชา" ที่เคยกล่าวเอาไว้ถึงการกลับมาโอลด์แทรฟฟอร์ดอีกครั้งของ "ดิโอโก้ ดาโลต์" เมื่อเดือนมีนาคม ต้นปี2021 ที่ผ่านมา(ซีซั่นที่แล้ว) ในยามที่แมนยูไนเต็ดจะต้องเจอกับเอซี มิลาน ในถ้วยยูโรปาลีก
จากบทความนี้ "มันไม่ใช่การสปรินท์ มันคือมาราธอน" Diogo Dalot
https://www.thsport.com/column-5160.html
ทำให้เราได้รับรู้ถึงช่วงเวลาที่ดาโลต์ ไปยืมตัวอยู่กับเอซี มิลานว่า เขาได้ประสบการณ์ในการเจอกับการเล่นฟุตบอลในสไตล์ที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงกับบอลอังกฤษ และการยืมตัวอันล้ำค่าที่ดำเนินไปได้ด้วยดี จากการที่เขาเป็นนักเตะไม่กี่คนในเอซี มิลาน ปีก่อนที่พร้อมจะลงสนามได้ในทุกๆนัด
ดาโลต์รู้สึกว่าตัวเองร่างกายฟิตพร้อมมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ แถมยังลงเล่นได้หลายตำแหน่ง รวมถึงการเรียนรู้เรื่องต่างๆในฐานะมนุษย์ ทั้งในและนอกสนาม
จากการให้สัมภาษณ์ในบทความนั้น ดาโลต์ยังพูดถึงไอดอลของเขาอย่าง "คริสเตียโน่ โรนัลโด้" ด้วย ถึงการกลับมายังแมนยูไนเต็ด ซึ่งดาโลต์เป็นหนึ่งในคนแรกๆที่ข้อความไปคุยกับพี่โด้ตอนกลับมาที่นี่ และรับประกันได้ว่าโรนัลโด้ยังกระหายและอยากมอบสิ่งดีๆให้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเหมือนเดิม และนักเตะแนวรับในทีมเราก็จะได้รับประสบการณ์และการฝึกซ้อมที่โหดหิน จากตัวรุกระดับโรนัลโด้ และ คาวานี่ ในสนามซ้อม
ผู้เขียนเชื่อว่า นั่นเป็นหนึ่งใน "เหตุผลสำคัญ" ที่ทำให้แฟนผีในตอนนี้ได้เห็นกันจะจะว่า ดิโอโก้ ดาโลต์ พัฒนาเกมรับขึ้นอย่างก้าวกระโดด เป็นเพราะการที่ในสนามซ้อม เขาหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเผชิญหน้ากับตัวรุกระดับพระกาฬในทีมตัวเองที่มีอยู่เยอะแยะไปหมดจนนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็น แรชฟอร์ด ซานโช่ โรนัลโด้ คาวานี่ กรีนวู้ด บรูโน่ รวมถึง มาร์กซิยาล และพวกดาวรุ่งจี๊ดๆแบบ อามัด เดียโล่ หรือ แอนโธนี เอแลงก้า
ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมคนทุ่มเทแบบเขาถึงพัฒนาได้ขนาดนี้ เพราะแค่คิดว่า วันๆนึงดาโลต์ต้องรับมือแนวรุกระดับพี่โด้ เอดี้ หรือตัวอันตรายสุดๆอย่างซานโช่ แทบทุกวันในการฝึกซ้อม มันสยองขนาดไหนในสนามซ้อม!!
ซึ่งในการเปิดเผยของ Diogo Dalot เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เล่าให้เราฟังว่า เขาเพลิดเพลินอย่างมากในทุกๆโอกาสที่ได้ลงเล่นร่วมกับดาวเตะเพื่อนร่วมชาติ และไอดอลของตัวเขาเองอย่าง "คริสเตียโน่ โรนัลโด้" ขนาดไหน
นักฟุตบอลที่มาจากถิ่นฐานในโปรตุเกส ไม่มีใครอีกแล้วที่จะโด่งดังไปกว่านักเตะหมายเลข7ของเราคนนีี้ และดาโลต์ก็ได้ร่วมลงสนามยืนเคียงข้างกับ "นักเตะที่เก่งที่สุดตลอดกาล" ทั้งในนามสโมสร และทีมชาติโปรตุเกส
ในบทสัมภาษณ์แบบ exclusive กับ Inside United นิตยสารอย่างเป็นทางการของสโมสร ดาโลต์ผู้เป็นเจ้าของเสื้อหมายเลข 20 เล่าเรื่องถึงสิ่งที่เขาชอบในการเล่นฟุตบอลร่วมกับคริสเตียโน่ และเขาเคยตามเป็นติ่งพี่โด้มายังไงตั้งแต่สมัยเด็กๆ
ซึ่งแม้ว่าดาโลต์จะเล่นในตำแหน่งฟูลแบ็ค ไม่ได้เป็นตัวรุกตามโรนัลโด้ แต่แบ็ควัยเพียงแค่ 22 ปี ชาวเมืองBragaโดยกำเนิด ได้กล่าวว่า โรนัลโด้คือแหล่งพลังงานสำคัญอันเป็นแรงบันดาลใจที่เขาเติบโตขึ้นมา ดังคำบอกเล่านี้
"ความทรงจำแรกของผมเลยนะ ก็คือตอนที่พี่โด้ยังอยู่กับยูไนเต็ด นั่นคือช่วงที่ผมเริ่มรู้จักเขา และปลื้มวิธีการเล่นของเขามากๆ" อดีตดาวรุ่งจากระบบเยาวชนของ "ปอร์โต้" กล่าว
"ผมเคยพูดถึงคริสเตียโน่บ่อยมากๆ เขาเป็นต้นแบบอ้างอิงที่มีอิทธิพลต่อการเติบโตของผมมาก แล้วในที่สุดผมก็มีโอกาสได้เจอเขาในการเล่นทีมชาติ และตอนนี้ก็กลายเป็นเพื่อนร่วมทีมของเขาไปแล้ว มันถือเป็นเรื่องนึงของผมที่ประสบความสำเร็จด้วยเหมือนกัน เพราะว่าเมื่อคุณเติบโตขึ้นมา คุณย่อมอยากที่จะเล่นกับคนที่เป็นที่สุด และเล่นให้เต็มที่ที่สุดเช่นกัน"
"มันเป็นช่วงเวลาที่ผมภาคภูมิใจมากๆในอาชีพนักฟุตบอล"
นอกจากนี้เขายังอธิบายต่อถึงการมีอิทธิพลของโรนัลโด้ในประเทศโปรตุเกสด้วย
"ประเทศเราไม่มีใครไม่รู้จักเขา ทุกๆคนติดตามเขา และเขามีอิทธิพลสูงมากๆ"
"มันอยู่อีกระดับหนึ่งเลยนะ บางอย่างเราไม่สามารถอธิบายด้วยคำพูด เพียงแค่สนุกสนานในขณะที่พวกเรายังคงได้ทำอยู่ และเขายังคงลงเล่นอยู่ และตอนนี้ผมโคตรมีความสุขที่เขามาอยู่ที่นี่"
ดิโอโก้เป็นหนึ่งในผู้ชมที่สนาม Estadio do Dragao ในตอนที่ตำนานเบอร์7ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดรายนี้ อัดเต็มหลังเท้าด้วยลูกยิง Rocket ระยะ 40หลาใส่ Porto ในเกม UEFA Champions League ในรอบ8ทีมสุดท้าย ย้อนกลับไปช่วงเดือนเมษายนในปี 2009 ฤดูกาลสุดท้ายของ CR7 กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
"ครั้งแรกที่ผมได้เห็นเขาคือตอนอยู่ที่ปอร์โต้ แล้วเขายิงประตูโคตรไกลเกือบร้อยหลาเลยมั้งนั่น!(ฮา)"
"ผมอยู่ในสแตนด์หลังโกล และผมไม่ค่อยแฮปปี้สักเท่าไหร่หรอกเพราะผมเชียร์ปอร์โต้น่ะ (ยิ้ม) แต่นั่นคือความทรงจำแรกที่ผมได้เห็นเขาตัวเป็นๆเลยนะ ผมพยายามจะเป็นเหมือนเขา ตอนที่ผมยังเด็ก ซึ่งเขาติดทีมชาติไปแล้ว แต่ความทรงจำแรกจริงๆมันคือเกมนั้น แล้วหลังจากนั้นผมก็ตามดูเขาในเน็ต แล้วก็ดูจากคลิปต่างๆเหมือนทุกๆคนนี่แหละ"
ถ้ากลายเป็น "สแตนด์ของโรนัลโด้" ได้ ดาโลต์ก็คงทำไปแล้วแหละ!!
จนกระทั่งทุกวันนี้ ดาโลต์ยังคงยกย่องการถล่มประตูและพรสวรรค์ของโรนัลโด้อยู่ แต่สิ่งที่ประทับใจดาโลต์มากที่สุด คือเรื่อง "ความเป็นProfessional" ของนักเตะในวัย 36 ปีผู้นี้
"ผมคิดว่าสิ่งที่ประทับใจสุดคือวิธีการปฏิบัติตัวของเขา และการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเกม"
"มันอยู่อีกระดับเช่นกัน มันเป็นสิ่งพิเศษที่ได้ตามดูเขาในสมัยก่อน แล้วตอนนี้คุณได้มาเห็นเขาเองตัวเป็นๆจากเบื้องหลังด้วย แล้วก็ผสานทุกสิ่งเข้าด้วยกัน มันมหัศจรรย์มากๆที่ได้รับพลังงาน และระดับจิตใจเช่นนั้น ในห้องแต่งตัวเองก็ไม่ต่าง ผมว่าเขากระตุ้นทุกๆคนได้ และนั่นเป็นสิ่งที่เป็นพลังงานด้านบวกให้พวกเราอย่างมากเลย
นอกจากเรื่องโรนัลโด้แล้ว ดิโอโก้ ดาโลต์ ยังยืนยันถึงความมุ่งมั่นที่จะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้สโมสร หลังจากที่ได้ลงเป็นตัวจริงในทั้งสองเกมที่ปีศาจแดงเอาชนะอาร์เซนอล และ คริสตัล พาเลซได้
ฟูลแบ็คโปรตุกีสรายนี้ยกย่องเพื่อนร่วมทีมอย่างมาก ในเกมวันอาทิตย์ที่แมนยูคว้าชัยได้ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด และชี้ว่าเขาจะมีความสุขกับทุกๆโอกาสที่เขาได้รับ
"ผมอยู่ที่นี่เพื่อสิ่งนั้น" ดาโลต์กล่าวกับสื่อของทางสโมสร อย่าง สจ๊วต การ์ดเนอร์ หลังเกม
"มันไม่ง่ายเลยเวลาที่คุณหลุดตัวจริงของทีม แล้วไม่ค่อยได้ลงสนาม แต่ว่ามันเป็นหน้าที่และงานของเราที่จะต้องเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอตลอดเวลา และผมคิดว่าผมทำหน้าที่นอกสนามได้ดีเยี่ยมเลย ด้วยการเตรียมตัวเองให้พร้อม"
แบ็ควัย22 เล่นได้อย่างมีชีวิตชีวา และคุมพื้นที่ฝั่งขวาตลอด90นาทีที่โอลด์แทรฟฟอร์ด ซึ่งเขาได้รับโอกาสจากการที่อารอน วาน-บิสซาก้า ได้รับบาดเจ็บจากเกมเจอเชลซีก่อนหน้านั้นไม่นาน
ด้วยผลงานในสนามที่มากมาย และยามที่การเล่นของทีมรุนแรงและรวดเร็ว ในช่วงที่ทีมทำผลงานได้ดี ดาโลต์ชี้ว่าเขามีความสุขกับโอกาสในปัจจุบันที่ได้รับในทีม
"เวลาที่โอกาสมันมาถึง ผมรู้สึกว่าผมจะต้องเดินหน้าแบบนี้ต่อไปให้ได้ และทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างในสนามด้วย"
ปีศาจแดงคุมเกมได้ดีในนัดเจอพาเลซ และได้ประตูชัยจากนักเตะที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเขา จากประตูสุดกระหึ่มของ "เฟร็ด" ที่ยิงประตูฆาตกรรมคู่แข่งได้สำเร็จ ในยามที่เวลาเหลือแค่ 13 นาที และสามารถทำให้ทีมคว้าชัยสามนัด จากสี่เกมหลังสุดได้
ดาโลต์เอ่ยถึง "เพื่อนร่วมทีมร่างทองรายหนึ่ง" ที่พูดภาษาโปรตุกีสเหมือนกันกับเขาไว้ดังนี้ (ชาวบราซิลพูดโปรตุกีส)
"เขาถูกมองว่าฝีเท้าไม่ถึง ทุกๆคนวิจารณ์เขากันหมด แต่เขาไม่ได้เป็นกังวล และลงไปเล่นในสนาม ซึ่งทุกๆเกมเขาทุ่มเทให้ทีมแบบสุดชีวิต นั่นแหละคือตัวตนของสโมสรแห่งนี้เลยล่ะ"
"ถึงคุณจะเล่นพลาด ทำเสียบอล หรือยิงไม่ตรงกรอบ คุณจะต้องพยายามเรื่อยๆในครั้งต่อๆไป และจะต้องสู้เพื่อทีมอย่างไม่หยุดยั้ง และนั่นคือสิ่งที่เราต้องการ นักเตะแบบนี้แหละคือคนที่พวกเราต้องการ"
และนี่คือความชัดเจนของมุมมองจากเพื่อนร่วมทีม ต่อนักเตะที่ถูกตั้งแง่อย่างมากจากแฟนบอลทีมตัวเองที่มีอคติกับเฟร็ดมากเกินกว่าความเป็นจริง ที่แม้ว่าเฟร็ดมักจะเล่นพลาดบ่อยมากๆ นั่นคือเรื่องจริง
แต่แฟนบอลจำนวนมากก็มองเห็นจุดดำๆไม่กี่จุดแค่อย่างเดียว แต่จุดสีขาวที่เขาพยายามเพื่อทีมอย่างมาก และสร้างประโยชน์ได้ในทุกๆนัด คนเหล่านั้นมักจะไม่เคยมองเห็น แต่ดาโลต์ และเพื่อนร่วมทีมหลายๆคนมองเห็นสิ่งนี้จากเฟร็ดแน่นอน
รวมถึงตัวของ ดิโอโก้ ดาโลต์ ผู้มีความฝัน และทำให้มันเป็นจริงอยู่ขณะนี้ด้วยการทุ่มเททุกครั้งที่ได้รับโอกาสอันน้อยนิดลงสนาม อยู่สู้ต่อในทีม ทั้งๆที่โดนเมินเป็นตัวเลือกแรกในยุคโซลชามาตลอด
เมื่อฟุตบอลมีการเปลี่ยนระบบการเล่นในยุคของ "ราล์ฟ รังนิค" ซึ่งต้องการความเร็ว เซนส์บอลธรรมชาติ และความเข้าใจเกมที่สูงขึ้น บวกกับ "ความพยายาม" ที่มีอยู่เต็มตัว และactiveมากกว่าคู่แข่งแย่งตำแหน่งของเขามาก
ดาโลต์เริ่มแสดงให้เห็นถึงความเป็นนักเตะที่ทุ่มเทมากที่สุดอีกคนนึงในทีม ตามหลังคนที่เห็นชัดๆอย่างพวกบรูโน่ โรนัลโด้ คาวานี่ เฟร็ด พวกนี้เรื่อยๆแล้ว
แถมที่สำคัญ ดาโลต์เป็นหนึ่งในนักเตะที่มี "Passionกับทีม" สูงปรี๊ดมากๆ ผ่านการแสดงออกในสนามของเขา
ทำให้ดูเหมือนว่า ดิโอโก้ ดาโลต์ จะยึดตำแหน่งตัวจริง Right-Back ในปรัชญาฟุตบอล Death Metal ของราล์ฟ รังนิค ซะแล้ว ซึ่งในอนาคตหากว่าทีมพัฒนาไปเรื่อยๆตามระบบ จากPhase 1-2 ที่ปรับปรุงเรื่องการครองบอล การเล่นเกมรับก่อน
หากว่าอนาคตทีมเริ่มที่จะฝึก "Gegenpressing" เมื่อไหร่ ผู้เขียนรับประกันได้เลยว่า สิ่งที่แฟนผีกำลังปลื้มกับดาโลต์ในตอนนี้ มันจะยิ่งไปไกลกว่านี้อีก เนื่องจากว่า Gegenpressing จะทำให้ High Pressing ของทีม เล่นบีบพื้นที่คู่แข่งกันอย่างเข้มข้นมากกว่านี้ ในระดับที่สามารถดันเอา "แบ็คฝั่งเรา" ขึ้นมาบีบใส่ "แบ็คคู่แข่ง" ได้เลยทันทีเวลาที่แบ็คเค้าได้รับบอล หรือเจอโถมบุกใส่
นั่นละครับ RB ทีมสีขาว คือจุดที่ดาโลต์ จะดันสูงขึ้นไปขึงริมเส้นด้านบนสุดในแนวหน้าของทีม!!!!
แบ็คซ้ายคู่แข่ง จะเจอทั้ง ปีกขวาเรา(ซานโช่) และ แบ็คขวา(ดาโลต์) บีบคู่อย่างน้อยๆสองคน และอาจจะโดนบีบด้วย "Trap สามเหลี่ยม" ในอนาคต ที่จะเติมเข้ามาจากมิดฟิลด์ บีบอัดตัวรับบอลเข้าไปอีกคน
เมื่อได้เล่นในแดนสูงมากขึ้น Diogo Dalot จะยิ่งฟอร์มโหดกว่านี้อีก ด้วยเกมรุกที่เนียนเป็นธรรมชาติคนละระดับกับ AWB รวมถึงลูกครอสที่มีวิถีโคตรน่าสะพรึงกลัวคล้ายๆกับ อเล็กซ์ เตลีส
ขอแค่ฝึกเพิ่มเติมให้ดาโลต์อีกหน่อย ทำให้ลูกครอสมันชัวร์กว่านี้ คุมน้ำหนักบอลให้เนี้ยบๆ บอลครอสของดาโลต์จะกลายเป็น "แส้ปลิดชีวิต" ที่ฟาดเข้าไปฆ่าคู่แข่งด้วย "คอมโบเปิดโหม่ง" จากการเติมสูงและคุมพื้นที่ริมเส้น ของวิงแบ็คในปรัชญาการเล่นของ ราล์ฟ รังนิค แน่นอน
ด้วยอายุเพียงแค่ 22 ปีเท่านั้น (ที่หลายคนลืมกันไปแล้วว่าเขายังอายุน้อยอยู่มากๆ) เขาสามารถที่จะยึดตำแหน่งแบ็คขวาระยะยาวให้กับทีมไปได้อีกนานเป็นสิบปี ตราบใดที่ยังคงมุ่งมั่นทุ่มเทเพื่อตราสโมสรอยู่ เชื่อว่าเขาสามารถที่จะ "เล่นข้ามทศวรรษ" ให้กับเราได้ไม่ยาก
ถ้าจะมีตัวไหนที่น่าตื่นเต้นที่สุดในทีม ตอนนี้ไม่มีใครน่าดูไปกว่า "ดิโอโก้ ดาโลต์" กับ "เจดอน ซานโช่" อีกแล้วล่ะ
จากทีมที่เบ้ซ้าย ต่อไปอาจจะย้ายมาเบ้ขวาก็เป็นได้!!!
-ศาลาผี-
References
https://www.manutd.com/en/news/detail/exclusive-solskjaer-discusses-man-utd-v-ac-milan-11-march-2021
https://totalfootballanalysis.com/analysis/ralf-rangnick-tactical-analysis-tactics?
