:::     :::

วิกฤติที่ยังต้องฝ่า

วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม 2564 คอลัมน์ สิงห์สนามจริง โดย ยักษ์เดนส์
1,067
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ผลเสมอที่โมลินิวซ์ กราวน์ด ตอกเป็นสิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงปัญหาการขาดนักเตะในทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล อีกครั้ง

         นั่นทำให้ เชลซี ชนะแค่เกมเดียวจาก 4 เกมหลัง และเก็บได้แค่ 5 จาก 12 คะแนนเต็ม ตอนนี้กลายเป็นโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่คว้าชัยชนะมา 8 เกมติดทิ้งห่างไป 6 คะแนนแล้ว

         เท่ากับว่า "สิงห์บลูส์" เก็บได้เพียง 13 จาก 24 คะแนนหลังสุด หายไปถึง 11 คะแนนเมื่อเทียบกับ "เรือใบ" จากที่นำเป็นจ่าฝูงก็หล่นมาอันดับ 3 โดย ลิเวอร์พูล ก็แซงพวกเขาไปด้วยเช่นกัน

         ก่อนที่จะลงเล่นเกมวันอาทิตย์ทาง เชลซี เองได้ยื่นเรื่องให้ทางพรีเมียร์ลีกพิจารณาเรื่องของเลื่อนการแข่งขันออกไปตั้งแต่วันเสาร์เพราะมีนักเตะติดโควิดแต่สุดท้ายโดนปฏิเสธ โดยทางพรีเมียร์ลีกมองว่ายังไม่เข้าข่ายถึงขั้นต้องเลื่อนเกมออกไปและแจ้งทางสโมสรในช่วงเข้าวันอาทิตย์ทำให้เกมต้องแข่งกันต่อ


         แม้ว่าด้วยศักยภาพโดยรวมนั้นทางฝั่ง เชลซี จะเหนือกว่าแต่แน่นอนว่าขาดตัวหลักในทีมชุดใหญ่มากถึง 7 รายและเกินครึ่งเป็นตัวจริงนั้นก็ส่งผลต่อความเฉียบขาดลงไปไม่น้อย

         จะมองไม่ยุติธรรมกับ เชลซี ในเมื่อเจอการระบาดเล่นงานเช่นกันกับหลายทีมแต่ไม่ได้เลื่อนเกมก็ได้ แต่ในเมื่อทางพรีเมียร์ลีกให้เล่นก็ต้องเล่น

         ก็คงทำได้แค่แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้ากันไป 

การจัดทีม


         รูเบน ลอฟตัส-ชีค และ จอร์จินโญ่ เป็นอีกสองคนที่ชวดลงเล่นเนื่องจากอาการบาดเจ็บ ทำให้ทีมต้องมีการปรับในแดนกลางอีกครั้ง โชคดีอยู่บ้างที่ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และ เทรโวห์ ชาโลบาห์ ฟิตพอลงสนามได้ ในขณะที่ มาเตโอ โควาซิช กลับมาเป็นตัวสำรองได้หลังเจ็บไปนาน

         จากการที่ทีมไม่ได้เลื่อนเกมทำให้ทาง โธมัส ทูเคิ่ล ประชดด้วยการส่งผู้เล่นที่มั้านั่งสำรองแค่ 6 แค่นั้นนั้น แถม 2 คนในนั้นยังเป็นผู้รักษาประตูทั้ง เกปา อาร์รีซาบาลาก้า และ มาร์คัส เบ็ตติเนลลี่ ส่วนที่เหลือนอกจาก โควาซิช ที่บอกไปก่อนหน้านี้ก็มีมี มาล็อง ซาร์, รอสส์ บาร์คลี่ย์ และ ซาอูล ญีเกซ

         ส่วน 11 ตัวจริงมี เอดูอาร์ เมนดี้ เฝ้าเสา สามเซนเตอร์มี เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, ติอาโก้ ซิลวา และ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ตรงกลางให้ เทรโวห์ ชาโลบาห์ ไปประสานงานกับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ โดยมี รีซ เจมส์ กับ มาร์กอส อลอนโซ่ อยู่ทั้งฝั่งขวา-ซ้าย ส่วนแนวรุก เมสัน เมาท์ ปั้นเกมกับ ฮาคิม ซิเย็ค กองหน้าตัวเป้า คริสเตียน พูลิซิช ทำหน้าที่อีกครั้ง


เจ้าบ้านที่คึกคัก

         การออกสตาร์ทช่วงต้นเป็นเจ้าบ้านที่เดินหน้าบุกแบบไม่กลัวและได้ลุ้นก่อนนาทีที่ 4 ราอูล ฮีเมเนซ ให้บอลมาที่ ดาเนี่ยล โปเดนซ์ ยิงนอกกรอบบอลติด ติอาโก้ ซิลวาออกหลังไป

         มาถึงนาทีที่ 15 วูล์ฟส์ ก็มาส่งบอลสู่ก้นตาข่ายได้จังหวะที่ แฟร์นานโด มาร์ซาล หลุดมาทางซ้ายก่อนตบเข้ากลาง ราฮูล ฮีเมเนซ ยิงไม่โดนบอลเลยไปเสาสอง ดาเนี่ยล โปเดนซ์ แปด้วยขวาเข้าไป แต่หลังจากเช็กวีเออาร์ผู้ตัดสิน เดวิด คูท เป่าเป็นจังหวะล้ำหน้าของ ฮีเมเนซ ในจังหวะก่อนหน้าแล้ว

         เกมของ เชลซี แทบไม่ได้สร้างความอันตรายอะไรให้กับเจ้าบ้านเลย แม้จะครองบอลได้บ้างแต่จังหวะเข้าทำไม่ได้มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย

         ท้ายครึ่งหลัง "หมาป่า" ยังเกือบได้ประตูอีกครั้ง ดาเนี่ยล โปเดนซ์ เปิดบอลเข้าเขตโทษ เลอันเดร เดนดองเกอร์ สอดมาคนเดียวขึ้นโหม่งแต่น้ำหนักไม่ดีและทาง เอดูอาร์ เมนดี้ ก็ยืนตำแหน่งดีรับเข้ามือไป ครึ่งแรกเลยยังไม่มีสกอร์เกิดขึ้น


ครึ่งหลังที่น่าอึดอัด

         โธมัส ทูเคิ่ล เปลี่ยนตัวคนแรกตั้งแต่ช่วงพักครึ่งโดยเอา เทรโวห์ ชาโลบาห์ ออกแล้วส่ง ซาอูล ญีเกซ ลงเล่นแทน โดยนอกจากจะให้มิดฟิลด์ธรรมชาติลงเล่น ยังเป็นการเอาแข้งวัย 22 ปีออกมาพักด้วยหลังจากที่ครึ่งแรกมีจังหวะไปปะทะกับ ติอาโก้ ซิลวา จนเจ็บไป

         เกมของทั้งสองยังแทบไม่ได้ลุ้นอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย จนกระทั่งนาทีที่ 65 นายใหญ่ชาวเยอรมันขยับเปลี่ยนตัวคนที่สองเอา มาเตโอ โควาซิช ลงเล่นแทน ฮาคิม ซิเย็ค

         เชลซี มาได้ลุ้นสองจังหวะซ้อน หนแรกจาทีที่ 77 เมสัน เมาท์ จ่ายบอลทะลุช่องให้ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ตัวเล็กกว่าแต่เบียดใส่ โรแม็ง ไซอิสส์ จนได้ยิงแต่ทาง ไซอิสส์ ก็ล้มตัวบล็อได้หวุดหวิด


         อีกนาทีให้หลังทีมน่าได้ประตูอย่างที่สุด เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ไหลบอลให้ มาร์กอส อลอนโซ่ ทางซ้ายต่อเข้ากลาง คริสเตียน พูลิซิช สอดมาเกี่ยวบอลเข้าเขตโทษด้านซ้ายแล้วสับไกแต่ โชเซ่ ซา ออกมาขวางบอลติดแขนซ้ายออกหลังไป

         ท้ายเกมทีมยังได้ลุ้นอีกครั้งจากลูกเตะมุมของ เมสัน เมาท์ มาถึง อันโตนิโอ รือดิเกอร์ โหม่งบอลข้ามคาน จบเกมเสมอกันไร้สกอร์ 0-0

         อย่างน้อยก็เห็นได้ว่าเกมในครึ่งหลังของทีมกลับมาทำได้ดีและเหนือกว่าแถมมีโอกาสเข้าทำที่น่าได้ประตู แม้จะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่ก็ถือว่าเป็นการแก้เกมที่น่าพอใจ


เกมถัดไป

         เชลซี มีโปรแกรมบุกไปเยือน เบรนท์ฟอร์ด ในเกมคาราบาว คัพรอบ 8 ทีมสุดท้าย หลังจากนั้นในสัปดาห์หน้าจะเจอกับ แอสตัน วิลล่า ที่กำลังห้าวในเกมพรีเมียร์ลีก


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด