คิงเคนนี่ลาออก จุดสิ้นสุดยุคทองของหงส์แดง
มันคือวันที่ เคนนี่ ดัลกลิช ประกาศลาออกจากตำแหน่งกุนซือของทีม ทั้งที่ประสบความสําเร็จในอังกฤษมากมายก่ายกอง ซึ่งในตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้ตัดสินใจลาออกกะทันหัน มีเพียงการคาดเดาว่าน่าจะมาจากการที่เขาร่วมอยู่ในเหตุการณ์สะเทือนอารมณ์ทั้งเฮย์เซลและฮิลส์โบโร่ ผลกระทบที่ตามมาหลังจากการลาออกในวันนั้น คือการเป็นจุดเริ่มต้นความตกต่ำของหงส์แดง และเป็นการส่งต่อความยิ่งใหญ่ในเกาะอังกฤษไปให้คู่ปรับอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างไม่ตั้งใจในเวลาเดียวกัน ย้อนความหลังกันคร่าว ๆ เคนนี่ ดัลกลิช เป็นชาวสกอตแลนด์โดยกำเนิดและเป็นแฟนบอลของ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส มาตั้งแต่เด็ก ตอนอายุ 15 ปีเขาเคยถูกเชิญตัวให้มาทดสอบฝีเท้าในอังกฤษกับ ลิเวอร์พูล และ เวสต์แฮม มาแล้ว ซึ่ง บิล แชงค์ลี่ย์ ถูกอกถูกใจฝีเท้าของ ดัลกลิช เป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายครอบครัวของนักเตะไม่อยากให้ย้ายไปต่างประเทศ เขาจึงได้ลงเอยกับ กลาสโกว์ เซลติค แทน ว่ากันว่ามีเหตุผลสองข้อที่ครอบครัวของ ดัลกลิช อยากให้เขาไปเล่นกับม้าลายเขียวขาว หนึ่งคือทาง เรนเจอร์ส ไม่เคยสนใจในตัว ดัลกลิช เลยสักครั้ง แบะข้อสองคือทาง เซลติค เองมี จ็อค สตีน กุนซือระดับปรมาจารย์คุมทีมอยู่ ซึ่งน่าจะช่วยให้เขาเติบโตและพัฒนาฝีเท้าได้ดีกว่า ดัลกลิช เล่นให้ เซลติค ชุดใหญ่นานถึง 10 ปี แรกเริ่มเขาถูกจับไปเล่นกองกลางก่อนจะขยับขึ้นมาเป็นหน้าต่ำและระเบิดฟอร์มได้อย่างเด็ดดวงจนถูก ลิเวอร์พูล ดึงตัวมาร่วมทีมในปี 1977 ด้วยค่าตัว 440,000 ปอนด์ ซึ่งการมาของเขาคือการนำมาแทนที่ คิงเคฟ เควิน คีแกน ที่ย้ายไปเล่นในบุนเดสลีกาพอดิบพอดี ช่วงเวลาสมัยเป็นนักเตะ ดัลกลิช เป็นคู่หูในแดนหน้าที่เข้าขารู้ใจกับ เอียน รัช อย่างมาก เขาลงสนามให้ทัพหงส์แดงไป 515 นัด ยิงได้ 172 ประตู คว้าแชมป์ลีกสูงสุด 5 สมัย, ยูโรเปี้ยน คัพ 3 สมัย, ลีก คัพ กับ แชริตี้ ชิลด์ อย่างละ 4 สมัย และได้แชมป์ ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ อีก 1 สมัย จุดเปลี่ยนที่เริ่มกระทบจิตใจของ ดัลกลิช ครั้งแรกเกิดขึ้นในรอบชิงชนะเลิศถ้วยยูโรเปี้ยน คัพ ปี 1985 กับโศกนาฏกรรมเฮย์เซลที่มีแฟนบอลเสียชีวิตก่อนเริ่มเกม 39 คน ในคราวนั้นทั้ง ลิเวอร์พูล และ ยูเวนตุส คู่ชิงต่างไม่อยากเตะเกมนี้อีกต่อไปแล้ว แต่ทางฝ่ายจัดยืนกรานให้เตะต่อตามโปรแกรมเดิม สุดท้าย ลิเวอร์พูล พ่ายไป 0-1 จากจุดโทษของ มิเชล พลาตินี่ โดยตัวของ ดัลกลิช เองเคยให้สัมภาษณ์ว่านี่คือเกมที่นักเตะทุกคนในสนามไม่มีกะจิตกะใจจะเล่นเลยสักนิด เรื่องนี้มันกระทบกระเทือนจิตใจทุกคนที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก หลังจบเกมนัดนัดนั้น โจ เฟแกน กุนซือของทีมประกาศลาออกทันที ก่อนที่บอร์ดของ ลิเวอร์พูล จะตัดสินใจแต่งตั้ง เคนนี่ ดัลกลิช ขึ้นเป็นผู้เล่น-ผู้จัดการทีมแทนหลังจากนั้น เหตุการณ์ที่เฮย์เซลส่งผลกระทบต่อวงกว้างมากกว่าที่คิด สโมสรจากอังกฤษถูกแบนห้ามเข้าร่วมสังฆกรรมในฟุตบอลรายการยุโรปนานถึง 5 ปี ส่วน ลิเวอร์พูล โดนหนักกว่าเพื่อนคือแบน 6 ปี นั่นจึงทำให้ตลอดช่วงเวลาที่ ดัลกลิช คุมทีมนั้น เขาไม่เคยได้พาทีมลงเล่นถ้วยยุโรปเลยสักนัด ดัลกลิช ทำผลงานในการคุมทีม ลิเวอร์พูล ได้ยอดเยี่ยมมากนะครับ เขาพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุด กับ แชมป์ เอฟเอ คัพ อย่างละ 2 สมัย และได้แชมป์แชริตี้ ชิลด์ อีกถึง 3 สมัย โดยในปีแรกที่คุมทีมยังได้ดับเบิ้ล แชมป์ แถมตัวเขาเองยังเป็นฮีโร่ยิงประตูชัยใส่ เชลซี พาทีมคว้าแชมป์ลีกในปี 1986 ด้วยตัวเองอีกด้วย ดัลกลิช เฝ้ารอการได้คุมทีมในเวทียุโรปในสักวัน แต่แล้วตอนปี 1989 ก็ดันมามีอีกหนึ่งโศกนาฏกรรมอย่างฮิลส์โบโร่ห์ซึ่งแฟนบอล ลิเวอร์พูล เสียชีวิตมากมายถึง 96 คน เหตุการณ์นี้รุนแรงต่อความรู้สึกของ ดัลกลิช มากที่สุด เขามาให้สัมภาษณ์ภายหลังจากตอนที่ลาออกเพิ่มเติมว่า ยิ่งตัวเขาไปงานศพของญาติ ยิ่งทำให้รู้สึกหดหู่และเริ่มรู้สึกอยากพักจากงานคุมทีมมากขึ้นเรื่อย ๆ กอปรกับเหตุการณ์ที่เฮย์เซลกับฮิลส์โบโร่ห์นั่นอีก มันทำให้เขารู้สึกว่าฟุตบอลเริ่มไม่สวยงามแบบที่เขาเคยรู้จักอีกแล้ว หลังคว้าแชมป์ในปี 1989-90 เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูกาล 1990-91 ดัลกลิช พาทีมออกสตาร์ตได้ดีด้วยการชนะในลีก 12 จาก 13 นัด ก่อนจะเริ่มสะดุดตั้งแต่เดือนธันวาคมเป็นต้นมา เสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการซื้อตัวของเขาเริ่มดังมากขึ้น รวมไปถึงการไม่สามารถผ่องถ่ายทีมไปสู่สายเลือดใหม่ได้ทันเวลา จนทำให้ผลงานของ ลิเวอร์พูล เริ่มแย่ลงเรื่อย ๆ ความจริง ดัลกลิช เองเคยเปรย ๆ ก่อนเริ่มฤดูกาลไปแล้วว่าอยากลาออก แต่สุดท้ายคำขอนั้นก็ไม่เกิดขึ้น จนกระทั่งความอดทนต่าง ๆ ที่ได้เจอมาตลอดก็ถึงจุดสิ้นสุดหลังจากเสมอกับ เอฟเวอร์ตัน 4-4 ในเกมเอฟเอคัพ 22 กุมภาพันธ์ 1991 เคนนี่ ดัลกลิช ประกาศต่อหน้านักเตะของเขาในห้องแต่งตัวว่าเขาจะขอลาออกจากตำแหน่งนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป จากนั้นจึงมีการประกาศลาออกผ่านสื่อซึ่งเป็นข่าวใหญ่ที่สุดของวงการฟุตบอลอังกฤษในเดือนนั้นเลยทีเดียว ทุกคนช็อค ทุกคนรู้สึกได้ถึงการสูญเสียบุคลากรสำคัญของทีม และเช่นเดียวกันก็มีแฟนบอลบางกลุ่มสัมผัสได้ตั้งแต่นั้นว่ายุคทองของ ลิเวอร์พูล ได้เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญแล้ว เคนนี่ ดัลกลิช จากลาทีมพร้อมประวัติศาสตร์มากมายก่ายกองเกินจะสาธยาย เขาสร้่างตำนานให้กับทีมทั้งในฐานะนักเตะไปจนถึงตอนเป็นกุนซือ ทุกวินาทีของเขาในแอนฟิลด์ไม่มีเลยที่จะไม่เต็มที่เพื่อสโมสร ดังนั้นการอำลาทีมของเขาจึงไม่มีใครโกรธได้ลง คิงเคนนี่ ได้พักตามที่เขาต้องการในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 1991 มันคือวันที่หัวใจอันบอบช้ำได้พัก แต่ก็เป็นวันที่ ลิเวอร์พูล สูญเสียฟันเฟืองสำคัญของเครื่องจักรสีแดงชิ้นสุดท้ายไปด้วยในเวลาเดียวกัน