:::     :::

สิงห์บลูส์กับเบอร์ 9 ต้องสาป

วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน 2565 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
1,089
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หมายเลขที่บ่งบอกถึงความเป็นยอดดาวยิงนั้นดูห่างไกลจากถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

กองหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหลายคนในโลกฟุตบอลต่างเลือกใส่เบอร์ 9 กับทั้งสโมสร และทีมชาติ ตั้งแต่ อลัน เชียร์เรอร์ ไปถึง โรนัลโด้, จาก กาเบรียล บาติสตูต้า ไปถึง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

อย่างไรก็ตาม ที่ เชลซี ผู้เล่นที่ใส่หมายเลข 9 ดูเหมือนจะต้องคำสาป โดยเหล่าผู้เล่นตลอดทั้งยุคพรีเมียร์ลีกที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ต่างก็ต้องดิ้นรนในขณะที่สวนเสื้อหมายเลขดังกล่าว

ช่วงแรกของพรีเมียร์ลีก (1992-2000)

ผู้เล่นคนแรกที่สวมเสื้อหมายเลข 9 ในยุคพรีเมียร์ลีก ของ เชลซี ก็คือ โทนี่ คาสคาริโน่ ในช่วงปี 1992-1994 เขาคือต้นแบบแห่งความโชคร้ายสำหรับนักเตะเบอร์นั้นในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ โดยทำได้เพียง 6 ประตูในลีกจาก 2 ฤดูกาล

อย่างไรก็ตาม ผู้เล่น 2 คนถัดมาที่รับช่วงต่อหมายเลขนั้นก็ค่อนข้างจะประสบความสำเร็จ โดย มาร์ค สไตน์ สวมมันในช่วงปี 1994-96 ทำไป 25 ประตู จาก 63 เกมให้ เชลซี นี่คือช่วงที่พวกเขายังเป็นทีมระดับกลางตารางก่อนยุค โรมัน อบราโมวิช

จานลูก้า วิอัลลี่ คือคนต่อมา โดยได้กลายเป็นตำนาน สิงห์บลูส์ ในช่วงเวลาที่เขาสวมใส่เบอร์ 9 ตั้งแต่ปี 1996-1999 เขาร่วมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และคัพ วินเนอร์ส คัพ ก่อนจะก้าวมาควบตำแหน่งผู้จัดการทีมด้วยในปี 1998

อย่างไรก็ตาม คำสาปเบอร์ 9 ก็กลับมาอีกครั้งในปี 1999-2000 โดย คริส ซัตตัน ที่ทำได้เพียงลูกเดียวในลีก ทั้งที่ย้ายมาจาก แบล็คเบิร์น ด้วยค่าตัวถึง 10 ล้านปอนด์ ซึ่งถือว่ามากในเวลานั้น

จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์ (2000-04)

ก่อนที่จะพบเรื่องแย่ นี่คือผู้เล่นเบอร์ 9 ที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดคนหนึ่งของ เชลซี ในยุคพรีเมียร์ลีก

เขาถูกเซ็นสัญญามาจาก แอต. มาดริด ด้วยสถิติสโมสร 15 ล้านปอนด์ ซึ่ง ฮัสเซลเบงค์ ทำประตูในเกมประเดิม โดยรวมแล้วยิงได้ 26 ลูกในซีซั่นแรกของเขา และ 29 ประตูในปี 2001-02

จำนวนประตูของเขาลดลงเล็กน้อยใน 2 ฤดูกาลสุดท้ายในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ แต่ก็ยังเป็นส่วนสำคัญของทีมสุดท้ายก่อนถึงยุค 'เสี่ยหมี' จากนั้นก็ถูกขายให้กับ มิดเดิ้ลสโบรช์ ในปี 2004

มาเตย่า เคซมัน (2004-05)

ซีซั่น 2004-05 ถือเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่ของ เชลซี เมื่อพวกเขาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ภายใต้การคุมทัพของ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่มีการเซ็นสตาร์ดังเข้ามาหลายคน

ดาวเตะทีมชาติเซอร์เบียอย่าง เคซมัน ก็เดินทางมาพร้อมชื่อเสียงอันโด่งดังตั้งแต่สมัยค้าแข้งกับ พีเอสวี แต่เขาทำได้เพียง 4 ประตู จาก 25 เกม และก็ถูกขายให้กับ แอต. มาดริด เมื่อจบฤดูกาล

เอร์นาน เครสโป (2005-06)

ดาวเตะทีมชาติอาร์เจนตินาได้หมายเลข 9 ที่ว่างลง หลัง เคซมัน จากไป และถึงแม้จะมีการพูดคุย เครสโป ว่าไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ในทีม เชลซี แต่เขาก็เป็นส่วนสำคัญในการคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 2 ติดต่อกัน

เครสโป ยิงไป 13 ประตูในทุกรายการ แต่เขา และครอบครัวก็ไม่สามารถปรับตัวกับการใช้ชีวิตในอังกฤษได้เลย ซึ่งหมายความว่าสาวก สิงห์บลูส์ ไม่เคยได้เห็นเขาในจุดพีคของอาชีพ

เขาถูกปล่อยยืมไป เอซี มิลาน ในฤดูกาลถัดมา และปีถัดมาก็ไป อินเตอร์ จนกระทั่งหมดสัญญากับ เชลซี ในที่สุด

คาลิด บูลาห์รูซ (2006-2007)

นี่คือผู้เล่นตำแหน่งแปลกที่สุดที่จับจองเสื้อเบอร์ 9 ของ เชลซี โดยกองหลังชาวดัตช์ดันมาเลือกใส่หมายเลขของกองหน้าตัวเป้า

บูลาห์รูซ ถูกเซ็นสัญญามาจาก ฮัมบูร์ก ในช่วงซัมเมอร์ ปี 2006 และหลังจากที่ เครสโป จากไป เขาก็เลือกเบอร์นี้ที่ว่างอยู่ในทันที

ด้วยอาการบาดเจ็บ และปัญหาฟอร์มการเล่นทำให้เขาแทบไม่มีโอกาสโชว์ตัวในสนามสักเท่าไหร่ และจากนั้นก็ถูกขายทิ้งหลังผ่านไปเพียงซีซั่นเดียว

สตีฟ ซิดเวลล์ (2007-08)

คำสาปเบอร์ 9 ของ เชลซี ยิ่งชัดไปใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการเซ็นสัญญาที่ไร้คุณภาพ หรือผู้เล่นที่ไม่ดีพอ กองหน้าไม่จำเป็นต้องใส่มันอีกต่อไป

ซิดเวลล์ คือตัวอย่างที่ชัดเจน มิดฟิลด์ตัวกลางย้ายมาจาก เร้ดดิ้ง แบบไร้ค่าตัว หลังทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจกับทีมที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาใหม่ แต่การมายัง เชลซี เหมือนจะเป็นก้าวกระโดดที่ใหญ่เกินตัว

เขาลงเล่นไป 25 นัดในฤดูกาลนั้นก่อนที่จะถูกขายทิ้ง ดังนั้นเขาจึงเป็นอีกคนที่เป็นแข้งเบอร์ 9 เชลซี ที่ได้อยู่กับทีมแค่ฤดูกาลเดียว

ฟรังโก ดิ ซานโต (2008-09)

สิ่งที่ดีที่สุดที่สามารถพูดถึง ดิ ซานโต ในฐานะผู้เล่นเบอร์ 9 ของ เชลซี ก็คืออย่างน้อยมันก็กลับมาอยู่กับกองหน้าอีกครั้ง

ดาวรุ่งอาร์เจนไตน์ในเวลานั้นไม่เคยมีประสบการณ์ หรือมีความสามารถมากพอที่จะทำลายคำสาป โดยหนึ่งฤดูกาลกับทีมที่แทบไม่มีโอกาสทำให้เขาต้องย้ายไป แบล็คเบิร์น แบบยืมตัวในปี 2009-10 ก่อนที่จะถูกขาบให้ วีแกน หลังจากนั้น

เขาลงเล่นในพรีเมียร์ลีก 8 เกม และทำประตูให้ เชลซี ไม่ได้เลย

เฟร์นานโด ตอร์เรส (2011-14)

นับตั้งแต่การจากไปของ ดิ ซานโต ถึงเดือนมกราคม ปี 2011 เชลซี ไม่มีผู้เล่นที่ใส่เบอร์ 9 เลย

ตอร์เรส ย้ายมาจาก ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัวสถิติเกาะอังกฤษในเวลานั้นจำนวน 50 ล้านปอนด์ ซึ่งมีความหวังเป็นอย่างมากว่าคำสาปหมายเลข 9 จะสิ้นสุดลงแล้ว แต่สุดท้ายเขากลับเป็นหนึ่งในการย้ายทีมที่ล้มเหลวมากที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก

แม้จะก้าวไปถึงแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก ในปี 2012 แต่ ตอร์เรส ก็ไม่มีประตูเลยตลอด 903 นาทีนับตั้งแต่ย้ายมายัง สิงห์บลูส์ ครั้งแรก หรือจะเป็นช็อตติดตากับการพลาดหมูหกครั้งใหญ่ในเกมกับ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อเดือนกันยายน ปี 2011

ราดาเมล ฟัลเกา (2015-16)

หลังไม่มีผู้เล่นเบอร์ 9 ในฤดูกาล 2014-15 เชลซี ก็เซ็นสัญญากับ ฟัลเกา แม้ว่าเขาจะเพิ่งล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการเล่นแบบยืมตัวกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลก่อนหน้านั้นก็ตาม

หัวหอกชาวโคลอมเบียก็ยังไม่สามารถแจ้งเกิดในพรีเมียร์ลีกได้เหมือนเดิม โดยทำได้เพียงประตูเดียวจาก 10 นัด

ดาวเตะวัย 29 ปีในตอนนั้นถูกส่งตัวกลับ โมนาโก แบบไม่ต้องคิดมากในซัมเมอร์ ปี 2016

อัลบาโร่ โมราต้า (2017-18)

เชลซี กลับมาไร้ผู้เล่นที่สวมเบอร์ 9 อีกครั้งในปี 2016-17 ก่อนที่จะพยายามล้างอาถรรพ์กองหน้าอีกครั้งด้วยการทุ่มเงินเซ็นสัญญาหัวหอกทีมชาติสเปน

อย่างไรก็ตาม โมราต้า ที่ค่าตัวร่วม 70 ล้านปอนด์ และเซ็นสัญญา 5 ปี ไม่เคยสร้างความประทับใจที่ เชลซี ได้อย่างเต็มที่เลย และได้รับอนุญาตให้ย้ายทีมแบบยืมตัวหลังผ่านไปเพียง 18 เดือน

เขากลับมาสู่ทีมในปี 2019-20 แต่ก็เปลี่ยนไปใส่เบอร์ 29 เพื่อหนีเบอร์ต้องคำสาป

กอนซาโล่ อีกวาอิน (2019)

อีกวาอิน มีสถานะเป็นยอดกองหน้าในเวลานั้น เป็นดาวดังกับทุกสโมสรไม่ว่าจะเป็น เรอัล มาดริด, นาโปลี และ ยูเวนตุส แถมยังพาทีมชาติอาร์เจนตินาเข้าถึงรอบชิงฟุตบอลโลกด้วย เขาคือแข้งเบอร์ 9 อีกคนหนึ่งที่น่าลืมมากที่สุดของ เชลซี

เขาใช้เวลา 6 เดือนในสัญญายืมตัวกับ เชลซี ตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2019 หลัง โมราต้า ได้รับอนุญาตให้ย้ายออกจากทีม แต่ อีกวาอิน ก็ไม่เคยปรับตัวให้เข้ากับจังหวะของพรีเมียร์ลีกได้เลย และมันก็ไม่เหมาะกับเขาอย่างสิ้นเชิง

5 ประตู จาก 18 เกม ไม่เพียงพอที่ เชลซี จะซื้อขาด และเขาก็ต้องกลับไปยังอิตาลีเมื่อจบฤดูกาล

แทมมี่ อบราฮัม (2019-21)

หลังสร้างความประทับใจกับ แอสตัน วิลล่า แบบยืมตัว พร้อมกับการที่ เชลซี ถูกลงโทษห้ามซื้อขายผู้เล่น แฟร้งค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีมใหม่ในเวลานั้นจึงวางใจดาวเตะจากทีมอะคาเดมี่อย่าง อบราฮัม ให้ใช้เบอร์ 9 ในทีมของเขาก่อนซีซั่น 2019-20

ดาวเตะอังกฤษสร้างความประทับใจได้ดีเลยภายใต้การคุมทีมของ แลมพาร์ด โดยทำไป 18 ประตู จาก 47 นัดในซีซั่นนั้น โดย สิงห์บลูส์ คว้าตั๋วไปลุยแชมเปี้ยนส์ลีก

อย่างไรก็ตาม ฟอร์มของเขาหดหายไปในซีซั่นถัดมา เมื่อทำได้เพียง 12 ประตูตลอดทั้งฤดูกาล ซึ่งก็มีปัญหาทั้งอาการบาดเจ็บข้อเท้า และไม่ได้เป็นคนโปรดของ โธมัส ทูเคิ่ล ที่เข้ามาใหม่

อบราฮัม ถูกขายให้ โรม่า ในซัมเมอร์ ปี 2021 และก็กลายเป็นยอดดาวยิงได้ในเซเรีย อา เมื่อเทียบกับเบอร์ 9 ของ เชลซี คนอื่นๆ เขาถือว่าอยู่ในระดับบนเลย

โรเมลู ลูกากู (2021-22)

สาเหตุที่ อบราฮัม ถูกขายออกไปก็เพราะการกลับมาของ ลูกากู ที่มีค่าตัวมหาศาลถึง 97.5 ล้านปอนด์ และถือเป็นการท้ารบครั้งใหญ่ของแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก

แค่ 8 ประตู จาก 26 เกมในพรีเมียร์ลีก ก็เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจได้ว่านี่คือสิ่งที่้เลวร้ายมากเพียงใด ด้วยอาการบาดเจ็บ, ปัญหาฟอร์มการเล่น, การขาดความสนใจ ทั้งหมดที่เขาให้สัมภาษณ์กับสื่อยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก ทั้งหมดจึงอธิบายได้ว่าการกลับอังกฤษของ ลูกากู ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง

ตอนนี้เขาจะกลับไปยัง อินเตอร์ อีกครั้งแบบยืมตัว แต่แน่นอนว่าคำสาปหมายเลข 9 ของ เชลซี ก็ยังคงอยู่ต่อไป


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด