โดยมีเจ้าบุญทุ่มของลีกหลายทีม พร้อมอ้าแขนรอต้อนรับ ท่ามกลางกระแสต่อต้านจากแฟนบอลที่ไล่ให้ดาวเตะเชิงสูง “หนีไป”
ส่วนหนึ่งเชื่อว่าการเล่นในต่างประเทศย่อมดีกว่าย้ายมาโกยเงินบาทบนแผ่นดินสยามแน่แท้
ซึ่งเจ้าตัวก็ออกมาดับเทียนอย่างทันควันว่าต้องการหาความท้าทายในเวทียุโรปและไม่รีบกลับมาค้าแข้งในประเทศไทย ตามที่เป็นข่าว ทำให้กระแสเงียบหายไปกับสายลม
อย่างไรก็ตามตลอด 1 เดือนที่ผ่านมาหลายสโมสรในไทยลีก ต่างคว้านักเตะต่างชาติที่ผ่านสมรภูมิลูกหนังมาอย่างโชกโชน เข้ามาเติมแกร่งเพื่อล่าความสำเร็จในฤดูกาลหน้า ซึ่งแต่ละคนดีกรีไม่ธรรมดา
ไม่ว่าจะเป็นแชมป์เก่า “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่สอย แฟรงค์ คาสตาเญด้า หัวหอกโคเคน โคลอมเบีย ที่เคยดวลแข้งกับ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ในศึกลูกหนังยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา
และเขาพา เชอรีฟฟ์ ติราสโพล ทีมแชมป์ลีกมอลโดวา สร้างประวัติศาสตร์บุกไปเอาชนะยอดทีมจากแดนกระทิงดุถึงถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว เลยทีเดียว
หรือจะเป็น “โกรัน เคาซิซ” ที่เคยไล่อัด เนย์มาร์ ซูเปอร์สตาร์ทีมชาติบราซิล ของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในศึกชิงเจ้ายุโรป สมัยค้าแข้งกับ เรด สตาร์ เบลเกรด ในบ้านเกิดเซอร์เบีย
รวมถึง ลิโอเนล เมสซี สตาร์ดังทีมชาติอาร์เจนติน่า สมัยค้าแข้งกับ บาร์เซโลน่า ซึ่งตอนนั้นจอมบู๊เลือดเซิร์บค้าแข้งกับ โอซาซูน่า ในลาลีก้า สเปน
ขณะที่ กาซิโอ ไชด์ เซ็นเตอร์แบ็คป้ายแดงของ “บีจี ปทุม ยูไนเต็ด” รองแชมป์เก่าก็เคยดวลแข้งกับ ดาร์วิน นูนเญซ กองหน้าราคา 100 ล้านยูโร ของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล มาแล้วเช่นกันสมัยค้าแข้งบนแผ่นดินฝอยทอง
นี่ยังไม่รวมนักเตะอีกหลายคนที่พกดีกรีหรูมาวาดลวดลายในฟุตบอลลีกอาชีพของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ยังมีนักเตะอีกหลายคนทั้งไทยและต่างชาติ ใช้เวทีลูกหนังไทยปล่อยของจนถูกกระชากตัวไปเล่นกับสโมสรชั้นนำในเอเชีย ก่อนก้าวไปประสบความสำเร็จคว้าแชมป์มาแล้วก็มี
นักเตะบางรายตอนนี้ยังเนื้อหอม ได้รับความสนใจจากหลายทีมในเอเชียอีกด้วย
นี่เป็นการยืนยันว่าฟุตบอลลีกอาชีพของไทยมีคุณภาพไม่น้อยกว่าลีกอื่นเลย บางทีมมีเงินเปย์ค่าเหนื่อยไม่แพ้ในลีกยุโรปเลยทีเดียว
แถมลีกยังพัฒนาในหลายๆ ด้านอย่างการใช้ VAR มาช่วยตัดสิน ซึ่งช่วยให้การตัดสินแม่นยำกว่าในอดีตเยอะ แม้จะมีจุดบกพร่องอยู่ แต่ทุกอย่างพัฒนาขึ้นได้
แต่สิ่งที่ฟุตบอลไทยยังโดนแฟนบอลด้อยค่า และไม่อยากให้นักเตะที่ค้าแข้งในต่างแดนกลับมาเล่นในไทยอาจเป็นเพราะการทีมบริหารทีมที่ไม่เป็นมืออาชีพของบางสโมสรเท่านั้น
หากทุกสโมสรมีการบริหารจัดการฟุตบอลแบบมืออาชีพ มีการแข่งขันภายในทีมที่เข้มข้น นักเตะกระหายอยากพัฒนาตัวเองตลอดเวลา เชื่อว่าน่าจะทำให้แฟนบอลเชื่อมั่นขึ้น
นอกจากนี้ยังทำให้ฟุตบอลลีกบ้านเราพัฒนาไปข้างหน้า พร้อมขึ้นไปเทียบเคียงลีกใหญ่ของเอเชียในอนาคต นั่นย่อมส่งผลดีต่อฟุตบอลทีมชาติไทยต่อไปอีกด้วย
ถ้าทำได้เหมือนที่ร่ายยาวมา อุตสาหกรรมฟุตบอลจะเติบโตขึ้น และลูกหนังไทยลีก จะมีเสน่ห์มากขึ้นอีกโข
