:::     :::

หักคอสิงห์คารัง

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เป็นอีกครั้งที่ อาร์เซน่อล ทวงคืนตำแหน่งจ่าฝูงกลับมาได้ และแสดงให้เห็นว่า "เติบโต" มากขึ้น หลังบุกชนะ เชลซี ได้เป็นฤดูกาลที่สามติดต่อกัน

แม้สกอร์ฉิวเฉียดเพียง 1-0 แต่เป็นเกมที่ แกรม พ็อตเตอร์ กุนซือ เชลซี ยอมรับว่า อาร์เซน่อล ทำได้เหนือกว่าชัดเจนและสมควรเป็นผู้ชนะ 

มิเกล อาร์เตต้า ได้กลับมาใช้งานชุดที่ดีที่สุดของตัวเองอีกครั้งหลัง โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ หายเจ็บกลับมาประจำการแบ็กซ้าย เป็นการคืนสนามรอบหนึ่งเดือนของแบ็กชาวยูเครน 

11 ตัวจริงชุดนี้เล่นด้วยกันครั้งแรกในเกมชนะ เชลซี 4-0 ตอนปรีซีซั่นที่สหรัฐฯ ต่อด้วย เอมิเรตส์ คัพ ชนะ เซบีย่า 6-0 และสามนัดแรกในลีกที่ชนะ พาเลซ 2-0 , เลสเตอร์ 4-2 และ บอร์นมัธ 3-0 

อาร์เตต้า เปลี่ยนทีมครั้งแรกในเกมลีกนัดสี่ที่เปิดรังเฉือนชนะ ฟูแล่ม 2-1 วันนั้น ซินเชนโก้ บาดเจ็บ คีแรน เทียร์นีย์ จึงได้เล่นแทน 

จากเกมนัดสาม ชุดเก่ง อาร์เซน่อล กลับมาครบอีกครั้งในดาร์บี้แมตช์ชนะ สเปอร์ส 3-1 ที่ โธมัส ปาร์เตย์, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ และ มาร์ติน โอเดการ์ด หายเจ็บกลับมาพอดี 

ส่วน เชลซี เปลี่ยนไปเยอะทีเดียวจากการเจอกันล่าสุดที่อเมริกา แกรม พ็อตเตอร์ เข้ามาคุมทีมแทน โธมัส ทูเคิ่ล 

แบ็กขวา รีซ เจมส์ บาดเจ็บ เอแมร์ซอน ปัลมิเอรี่ ย้ายไป เวสต์แฮม ส่วนตรงกลาง รูเบน ลอฟตัสส ชีค ได้เล่นแทน คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ ขณะที่หน้าเป้า ติโม แวร์เนอร์ ย้ายกลับ ไลป์ซิก ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง อดีตหัวหอก อาร์เซน่อล ถูกดึงมาแทนที่

"โอบา" ถูกจับตาเป็นพิเศษในการลงเจอทีมเก่าที่เคยเป็นกัปตันทีมและพาทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ก่อนจบไม่สวยต้องแยกทางเมื่อต้นปีที่ไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า และกลับพรีเมียร์ลีกอีกรอบแต่เลือกสวมชุดน้ำเงินให้ เชลซี หนึ่งในคู่ปรับของ อาร์เซน่อล 

ก่อนเกมนัดนี้ โอบาเมย็อง โหมโรงเบาๆ ในการเจออดีตต้นสังกัดว่าไม่ใช่เรื่องส่วนตัว และเขากลายเป็น"บลู" หรือคนของ เชลซี แล้ว


อารอน แรมส์เดล ให้ความเห็นถึงคอมเมนต์ของ โอบา ในช่วงก่อนเกมเริ่มว่า "ไม่ ผมว่าไม่จำเป็นต้องตอบอะไร เราทุกคนต่างรู้ว่าตอนนี้เขาเล่นให้ใคร รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ผ่านมา"

"สำหรับ 90 นาที เขาจะไม่ใช่เพื่อน แต่หลังจากนั้น เราจะจับมือกัน ถามไถ่ว่าเขาเป็นอย่างไร เขาเล่นให้ เชลซี ส่วนเราคือ อาร์เซน่อล"

ในช่วงจับมือก่อนเกม กรานิต ชาคา ที่พ้นโทษแบนเกมยุโรปกลับมาช่วยทีมอีกครั้ง เป็นคนเดียวของฝั่ง อาร์เซน่อล ที่สวมกอด โอบาเมย็อง ส่วนคนอื่นก็เพียงจับมือ ไม่ได้มีอะไรมากเป็นพิเศษ 

ก่อนลงสนามเกมนี้ อาร์เซน่อล เป็นทีมที่เริ่มต้นเกมได้ดีมากในช่วง 30 นาทีแรกที่ยิงได้ถึง 11 ประตู มากกว่าทุกทีมในลีก และไม่เสียประตูเลย

นั่นคือสิ่งที่ อาร์เตต้า พยายามทำมาตลอดเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบให้ได้โดยเร็วที่สุด และพวกเขาก็เล่นด้วยแท็กติกนี้กับการมาเยือนสแตมฟอร์ด บริดจ์ ของ เชลซี

แข้งปืนใหญ่ลุยเข้าใส่ตั้งแต่ออกสตาร์ทที่ต่อบอลบุกได้น้ำได้เนื้อกว่า แค่ในช่วง 5-6 นาทีแรกก็เรียกฟรีคิกหน้าเขตโทษและเตะมุมอย่างละ 2 ครั้ง ขณะที่ เบน ไวท์ ได้ส่องอีก 2 ครั้งแต่ไม่เข้ากรอบ 

แต่โอกาสจะแจ้งสุดในครึ่งแรกคือการเปลี่ยนจากรับเป็นรุกที่แก้เพรสซิ่งหน้าเขตโทษตัวเองก่อนโต้กลับขึ้นทางซ้าย กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ โยกหาจังหวะเปิดโด่งเข้าเขตโทษ กาเบรียล เชซุส ทิ้งตัวโขกโดนบางไปนิด บอลจึงถากเสาออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย 

อาร์เซน่อล เล่นได้ดีกว่า สร้างโอกาสมากกว่า เพียงแต่ยังไม่สามารถเจาะประตูนำได้ใน 45 นาทีแรก

เริ่มครึ่งหลัง เกมของ เชลซี ยังไม่ปะติดปะต่อ เซซาร์ อัซปิลิกวยก้า กับ เทรโวห์ ชาโลบาห์ สองผู้เล่นเกมรับเจ้าถิ่นต้องงัดลูกหนักออกมาเบรกเกมเสียใบเหลืองทั้งคู่ตั้งแต่ 15 นาทีแรก  


โอบา แผลงฤทธิ์ไม่ออกและเล่นไม่จบเกม

ประตูที่ อาร์เซน่อล รอคอยเกิดขึ้นในจังหวะเตะมุมหลังผ่านหนึ่งชั่วโมงนิดๆ บูคาโย่ ซาก้า เปิดโค้งบอลตกเสาแรก ไม่มีใครเข้าชาร์จหรือสกัดโดน บอลเลยไปถึง กาเบรียล มากัลเญส หวดจ่อๆ หลาเดียวไม่พลาด

ในหลายนัด การเล่นของ อาร์เซน่อล มักจะแผ่วลงในครึ่งหลัง แต่เกมนี้ต่างออกไปเพราะทำได้ดีกว่าครึ่งแรก ยิ่งเล่นยิ่งแสดงให้เห็นว่ามีคุณภาพมากกว่าโดยเฉพาะเกมรับที่จัดการเกมรุก เชลซี ได้อยู่หมัด

โอบาเมย็อง กับการเจอทีมเก่าครั้งแรกแทบไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เขาได้สัมผัสบอลทั้งหมดเพียง 8 ครั้ง น้อยสุดในสนาม แถมได้ใบเหลืองจากการพุ่งเสียบหนักใส่ เบน ไวท์ สุดท้ายถูกถอดออกคนแรกในนาที 64 

อาร์เซน่อล ปิดเกมรุก เชลซี ด้วยการไล่บีบตรงกลางไม่ให้ จอร์จินโญ่ ออกบอลได้ง่าย แม้บอลไปถึง เมสัน เมาน์ท, ไค ฮาแวร์ตซ์ และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ได้บ้าง แต่ก็ขึ้นหน้าไปถึงพื้นที่อันตรายของ อาร์เซน่อล ไม่ได้ นั่นทำให้หน้าเป้าทั้ง โอบาเมย็อง และ อาร์มานโด้ โบรย่า ที่ลงมาแทนไม่ได้โอกาสง้างยิงเลย

โธมัส ปาร์เตย์ เป็นอีกคนที่โดดเด่นในเกมรับจากความสามารถในการอ่านเกมรุกสิงห์บลูส์ได้ทะลุปรุโปร่ง ชิงจังหวะตัดบอลได้บ่อยครั้งก่อนเปลี่ยนสถานการณ์จากรับเป็นรุกได้ทันที 

ส่วนคู่เซนเตอร์ วิลเลี่ยม ซาลีบา กับ กาเบรียล มากัลเญส ทำได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กันโดยเฉพาะ ซาลีบา ที่คุมเกมรับได้เนียบกริบ ไร้ข้อผิดพลาด เก็บจังหวะสำคัญได้หมด ช่วงท้ายโชว์สกิลเติมเกมรุกได้ด้วย เป็นอีกนัดที่เล่นได้สมบูรณ์แบบและคู่ควรกับตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ อย่างแท้จริง

อาร์เซน่อล เหนือกว่า เชลซี แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดตลอด 90 นาที หากจังหวะสุดท้ายละเอียดมากกว่านี้คงยิงชนะ 2-0 หรือ 3-0 


เชลซี ได้ลุ้นยิงเพียง 5 ครั้ง ครั้งเดียวที่เข้ากรอบก็ไม่ได้อันตรายในจังหวะที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ กึ่งยิงกึ่งเปิดจากขวา แต่โดนไม่เต็ม อารอน แรมส์เดล รับได้สบาย โดยครั้งล่าสุดที่้ได้ง้าง 5 ครั้งเท่ากันนี้เกิดขึ้นในเกมพบ แมนฯ ซิตี้ เมื่อเดือนกันยายนปี 2021 

"นี่เป็นอีกก้าวสำหรับเรา การมาเยือนที่นี่เจอกับคู่แข่งระดับท็อป ผู้เล่นระดับโลกทั่วสนาม แต่เราคอนโทรลเกมได้และชนะได้ก็เป็นสิ่งที่มีความหมายมากๆ มันเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่สำหรับเรา" อาร์เตต้า กล่าว 

"แฟนบอลของเราเหลือเชื่อมาก พวกเขากระตุ้นให้กำลังใจตลอด เราเล่นกันด้วยความกล้าหาญ ซึ่งไม่ง่ายที่จะทำได้"

"ผมคิดว่านักเตะเราสุดยอดมาก พวกเขาทำได้น่าประทับใจจริงๆ เราเป็นทีมพลังหนุ่ม แต่แสดงให้เห็นว่าเติบโตขึ้นมากกับการเล่นในสนามนี้ หวังว่าชัยชนะนี้จะทำให้ทีมมีความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น" 

เส้นทางฤดูกาลนี้ยังอีกยาวไกล แต่ อาร์เซน่อล ทำให้เห็นอีกครั้งกับการคว้าชัยชนะในเกมเยือนทีมใหญ่

เป็นก้าวที่พวกเขาเติบโตขึ้น กล้าแกร่งขึ้น และพร้อมสำหรับความท้าทายที่ยากยิ่งขึ้น


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด