:::     :::

"ยศกร บูรพา" ความหวังใหม่ของวงการลูกหนังไทย

วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม 2566 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
490
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
รูดม่านปิดฉากลงไปแล้วสำหรับซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ซึ่ง ทีมชาติไทย ทำได้เพียงแค่เหรียญเงินเท่านั้น พลาดการยืนบัลลังก์แชมป์เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน หลังจากที่พ่าย อินโดนีเซีย ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-5 ถึงกระนั้นหากมองในแง่ดี "ช้างศึก" ก็ได้ค้นพบเพชรเม็ดงามที่กำลังจะก้าวมาเป็นอนาคตในภายภาคหน้าต่อไป

เรากำลังกล่าวถึง “มิค”ยศกร บูรพา ที่ซัดไปทั้งสิ้น 4 ประตูในรายการนี้ เป็นดาวซัลโวสูงสุดของทีมร่วมกับรุ่นพี่จาก การท่าเรือ เอฟซี อย่าง ธีรศักดิ์ เผยพิมาย แม้ทีมจะไม่สมหวัง แต่หัวหอกที่กำลังจะอายุครบ 18 ปี ในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ กลับพุ่งทะยานขึ้นรับคำชื่นชมจากแฟนบอลอย่างไม่ขาดสาย

แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ เรื่องราวเบื้องหลังของเขาก็มีความสนใจไม่น้อย เพราะต้องผ่านอะไรมาเยอะ ก่อนได้รับโอกาสจาก ชลบุรี เอฟซี ที่เห็นแววและรับเข้าเป็นแข้งในอคาเดมี่ของทีมตั้งแต่วัยเยาว์


หนุ่มเมืองจันท์ บ้านทำสวนทุเรียน 

 8 มิ.ย.2548 ครอบครัวตระกูล “บูรพา” ที่อาศัยอยู่ ณ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ได้ให้กำเนิดลูกชายอย่าง “มิค ยศกร” ในวิถีชีวิตชาวสวน เพราะที่บ้านทำสวนทุเรียน ที่เป็นรายได้ในช่วงฤดูร้อน จากการเก็บผลผลิตผลไม้ที่เป็นดั่ง “อัญมณี” ชนิดนี้

เจ้าตัวเริ่มต้นจริงจังกับการเล่นฟุตบอลตอน ม.1 หลังมีโอกาสไปทดสอบฝีเท้ากับ ราชนาวี และด้วยสรีระในตอนนั้นที่สูงกว่าเพื่อนในรุ่นเดียวกัน มีแรงปะทะด้วยความแข็งแกร่ง บวกกับทักษะการวางเท้ายิงที่หนักแน่น ทรงพลัง ทั้งสองเท้า จนฉายแววโดดเด่นท่ามกลางเด็กที่มาคัดหลายพันคนต่อหน้าโค้ชในทีมเยาวชน

ด้วยฝีเท้าและรูปร่างที่เตะตา ทำให้เขาถูกเลือกเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของอคาเดมี “ตะหานน้ำ” และใช้ที่นั่นเป็นแหล่งบ่มเพาะศาสตร์ลูกหนังให้มีความแข็งแกร่งมากกว่าเดิม และได้ลงแข่งขันทัวร์นาเมนต์ต่างๆ จนค่อยๆ มีเสียงล่ำลือถึงเด็กหนุ่มคนนี้มากขึ้น


ยิงให้ “กองเรือรบ” จนมาพบ “อรรณพ สิงห์โตทอง”

 ย้อนกลับไปเมื่อกลางปี 2022 เขาถูก กองเรือรบ ยูไนเต็ด ดึงตัวไปเล่นในวัยเพียงแค่ 16 ปีเท่านั้น และยิงไปทั้งสิ้น 7 ประตู พาทีมเลื่อนชั้นขึ้นสู่ศึกไทยลีก 3 โซนตะวันออก ฉลองวันเกิดในช่วงอายุ 17 ขวบ ได้อย่างน่าทึ่งต่อหน้าแฟนบอล

ณ ตอนนั้นมีชายคนหนึ่งที่มานั่งดูและจับตามองเขาเป็นพิเศษ เพราะทีมกองเรือรบ มาใช้สนาม เบียร์ช้าง และ ชลบุรี ยูทีเอ สเตเดี้ยม ทำการฟาดแข้งศึก ไทยแลนด์ อเมเจอร์ลีก ชายผู้นั้นก็คือ “อรรณพ สิงห์โตทอง” รองประธานสโมสรชลบุรี เอฟซี ที่เริ่มถูกตาต้องใจกับลีลาการเล่นของเด็กหนุ่มผู้นี้

แข็งแกร่ง ดุดัน ตัวใหญ่ ยิงได้หนักหน่วงทั้งสองเท้า และเมื่อจบทัวร์นาเมนต์นั้น ชลบุรี เอฟซี ขอเปิดโต๊ะเจรจากับ กองเรือรบ แบบตรงไปมา ก่อนได้ไฟเขียวให้ไปคุยกับครอบครัวของ “เจ้ามิค” ซึ่งทุกอย่างราบรื่นมากๆ จนกระทั่งได้เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของ “ฉลามชล”


ส่งไปลับคมกับ “วัยรุ่นปราการ”

"ฉลามชล" รู้ดีว่าเด็กคนนี้มีแวว แต่อาจจะยังอ่อนเยาว์เกินไปสำหรับลีกสูงสุดและจำเป็นต้องมีเวทีเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อกลับมาเป็นหัวหอกหลักของทีมในอนาคต ประจวบเหมาะว่าในช่วงปรีซีซั่น "พี่ณพ" กำลังเข้าไปช่วยดูตัวผู้เล่นให้กับ สมุทรปราการ ซิตี้ ที่มี “โค้ชโบ้” จักรพันธ์ ปั่นปี เป็นกุนซือ และผู้ช่วยคือ “โค้ชต่าย”ศราวุฒิ จันทพันธ์ ซึ่งทั้งคู่เป็นโค้ชในคาถาของชลบุรีอยู่แล้ว

ด้วยรูปร่างที่ใหญ่โตเกินวัย บวกกับผลงานในการฝึกซ้อม ทำให้เขาถูกวางเป็นตัวจริงอยู่บ่อยครั้ง และยิงประตูแรกให้กับทีมในเกมเอาชนะ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด 2-0 ในวัย 17 ปี 3 เดือน

 เบ็ดเสร็จในการค้าแข้งอาชีพหนแรกของพ่อหนุ่มจาก จ.จันทบุรี เขายิงให้ สมุทรปราการ ซิตี้ ทั้งหมด 7 ประตู จาก 31 เกมที่มีส่วนในไทยลีก 2 นับว่าไม่เลวเลยหากมองด้วยข้อเท็จจริงว่าเขาเพิ่งอายุ 17 ปีเท่านั้น และมีส่วนช่วยสำคัญในการพาทีมรอดตกชั้นในฤดูกาลนี้


เข้าตา “โค้ชหระ” จนได้ระเบิดฟอร์มในซีเกมส์

 7 ประตูที่ “เจ้ามิค” ฝากเอาไว้ในลีกพระรอง เพียงพอในการทำให้สตาฟฟ์โค้ชทีมชาติไทย ร่อนจดหมายขอตัวจาก สมุทรปราการ ซิตี้ เพื่อดึงตัวมาพร้อมกับ พงสกร ตรีศาสตร์ แบ็คขวาจอมบุก ไปลุยศึกซีเกมส์ที่กัมพูชา

ในเกมแรกที่เจอกับ สิงคโปร์ เขาลงมาในช่วง 10 นาทีสุดท้าย พร้อมโอกาสยิง 1 ครั้งแต่หลุดออกหลังไป ทว่ามาในนัดสองที่ถล่ม มาเลเซีย 2-0 เขาลงเป็นตัวสำรองมากดประตูตอกฝาโลง พาทีมเอาชนะ 2-0 พร้อมกับท่าเต้น “ตัวตึงเยาวราช” 

กระทั่งแมตช์สาม ที่เขาได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงหนแรก คราวนี้เขาตอบแทนด้วยการยิง สปป.ลาว 2 ลูก ก่อนจบเกมเอาชนะไปได้ 4-1 จนมาถึงในรอบชิงชนะเลิศเขาได้ลงสนามใน น.90+5 และจากนั้นเพียง 3 นาที ก็เกือบกลายเป็นฮีโร่ เมื่อสามารถแตะบอลเข้าไปยิงประตูสุดสวย ตีเสมอ อินโดนีเซีย 2-2 ในจังหวะสุดท้ายของเวลาปกติได้สำเร็จ แม้สุดท้ายจะพ่ายในการต่อเวลาไป 2-5 แบบเจ็บช้ำและเต็มไปด้วยเหตุการณ์ดราม่ามากมาย แต่บทสรุปของ "มิค" จากยอดรวมการลั่นสกอร์ในทัวร์นาเม้นท์นี้ 4 เม็ด ทำให้เขากลายเป็นดาวซัลโวร่วมของทีม ที่แจ้งเกิดได้แบบเต็มตัว


กลับไปซ้อม “ฉลาม” เพื่อให้ “เทกุ” ยลโฉม

เส้นทางของ “ยศกร บูรพา” ก็เหมือนกับรุ่นพี่อีกหลายคน ไม่ว่าจะเป็น พงศกร ตรีศาสตร์, รชต หมอรักษา, นิติธร ศรีประมาณ, จักรพงษ์ แสนมะฮุง, กษิดิศ กาฬสินธุ์, ชาคร พิลาคลัง, กิตติพงษ์-กิตติกร เขตภารา, เสฏฐวุฒิ วงค์สาย, วรากร ทองใบ นั่นคือการกลับมาอยู่กับ ชลบุรี เอฟซี

โดยในวันที่ 10 มิ.ย.นี้ ที่ มาโกโตะ เทงุระโมริ” กุนซือคนใหม่ของ “ฉลามชล” จะเรียกทุกคนกลับมาซ้อมปรีซีซั่นให้เห็นฟอร์มด้วยตาตัวเอง หากสามารถทำผลงานผ่านบททดสอบของเทรนเนอร์จากแดนซามูไรได้ ฤดูกาลใหม่ก็อาจจะมีชื่อลุยในลีกสูงสุดของเมืองไทยทันที

อย่างไรก็ตาม หากสุดท้าย ชลบุรี ยังมองว่า “เจ้ามิค” จำเป็นต้องเพิ่มเลเวลไปก่อน ทางสโมสรก็น่าจะหาทีมที่เหมาะสมให้กับกองหน้ารายนี้ได้ไม่ยาก เพื่อสั่งสมประสบการณ์เพิ่มเติม และเสริมกระดูกให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นต่อไป โดยเฉพาะ สมุทรปราการ ซิตี้ เอฟซี ที่แสดงความชัดเจนอยู่แล้วว่าพร้อมใช้งานกองหน้าวัยย่าง 18 ปีรายนี้เพื่อเป้าหมายลุ้นเลื่อนชั้นในซีซั่นหน้า


มั่นใจได้เลยว่า เด็กหนุ่มคนนี้มีความเพียบพร้อมสู่อนาคตอันสดใสกับ “ฉลามชล”ชลบุรี เอฟซี รวมถึงทีมชาติไทยในอีกหลายๆ รุ่นอายุ หลังจากพิสูจน์ตัวเอง จนทำให้แฟนบอลได้รู้จักชื่อของเขากันไปทั่วทั้งประเทศเรียบร้อยแล้ว


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด