ไอดี้ บูธรอยด์ กุนซือ อังกฤษ หวังแก้ตัวจากสองปีก่อนที่พาทีมจอดป้ายรอบรองชนะเลิศ หลังดวลจุดโทษแพ้ เยอรมนี ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นก็ตกรอบแบ่งกลุ่มสามครั้งติดต่อกัน (ปี 2011, 2013, 2015)
ทีมชุดนี้มีดาวดังอย่าง เจมส์ แมดดิสัน, ไรอัน เซสเซยง, อารอน วาน-บิสซาก้า, ฟิล โฟเด้น, แทมมี่ อาบราฮัม, โดมินิก โซลันกี และ บูธรอยด์ ก็เลือก เจค คล้าร์ก-ซัลเตอร์ เป็นกัปตันทีม
ฝรั่งเศส
ซิลแว็ง รีโปล เทรนเนอร์ ฝรั่งเศส พาทีมผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย ยูโร ยู-21 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2006 ที่ครั้งนั้นผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ แต่หลังจากนั้นตกรอบคัดเลือกมาตลอด 6 ครั้ง
ตัวหลักของทีมประกอบด้วย มาร์กแต็ง แตร์กริเยร์ กับ มุสซ่า เดมเบเล่ สองตัวรุกจาก โอลิมปิก ลียง ที่ยิงรวมกัน 12 ประตูในรอบคัดเลือก และยังมี มัตเตโอ เกนดูซี่ เป็นหัวใจแดนกลาง
11 ผู้เล่นตามคาด
อังกฤษ (4-2-3-1) : ดีน เฮนเดอร์สัน - อารอน วาน-บิสซาก้า, เจค คล้าร์ก-ซัลเตอร์, ฟิคาโย่ โทโมรี่, เจย์ ดาซิลวา - ฮัมซ่า ชูดูรี่, ฟิล โฟเด้น - ดีมาเร เกรย์, เจมส์ แมดดิสัน, ไรอัน เซสเซยง - โดมินิก โซลันกี
ฝรั่งเศส (4-3-3) : ปอล แบร์นาร์โดนี่ - เกลแว็ง อาเมียง, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, มาลัง ซาร์, โฟเด้ บาโย่-ตูเร่ - ลูกัส ตูซาร์, มัตเตโอ เกนดูซี่, อุสเซม อาอูอาร์ - มาร์กแต็ง แตร์กริเยร์, มุสซ่า เดมเบเล่, โจนาธาน บัมบ้า
ผู้ตัดสิน : เซอร์ยาน โยวาโนวิช (เซอร์เบีย)
สนาม : สตาดิโอ ดีโน่ มานุซซี่, เชเซน่า