แมนฯ ยูไนเต็ด

    นี่เป็นครั้งที่ 15 ที่ทีมผีแดงทะลุมาถึงรอบตัดเชือกอีเอฟแอล คัพ โดยมีเพียง ลิเวอร์พูล (17) ที่สถิติเหนือกว่าพวกเขาในประวัติศาสตร์รายการนี้

    โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือชาวนอร์เวย์เตรียมใช้ทีมชุดที่ดีที่สุดในนัดนี้ แต่จะยังไม่มี สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ และ ปอล ป็อกบา ที่บาดเจ็บ แถมยังต้องรอเช็กความพร้อมของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ซึ่งเดี้ยงจากเกมพบ วูล์ฟส์ จนถึงนาทีสุดท้ายเลยทีเดียว

    กระนั้น ในรายของ ลุค ชอว์, อองโตนี่ มาร์กซิยาล และ เจสซี่ ลินการ์ด หายป่วยพร้อมคืนทีมได้แล้ว ขณะที่ เอริก ไบยี่, ทิโมธี โฟซู-เมนซาห์ และ อักเซล ตวนเซเบ้ ยังคงชวดเหมือนเดิม

    แมนฯ ซิตี้

    เป๊ป กวาร์ดิโอล่า พาเรือใบเอาชนะได้ตลอด 5 นัดหลังสุดที่เล่นรอบตัดเชือกฟุตบอลถ้วยภายในประเทศ ตั้งแต่ที่แพ้ อาร์เซน่อล 1-2 ในรอบรองชนะเลิศเอฟเอ คัพ ปี 2016-17 โดย 4 ครั้งในนั้นเกิดขึ้นในอีเอฟแอล คัพ ซึ่งก็เป็นการคว้าชัยแบบ 2 เลกในการพบ บริสตอล ซิตี้ ในปี 2017-18 และ เบอร์ตัน ในปี 2018-19

    นายใหญ่ชาวสแปนิชได้ข่าวดี เมื่อ เอมเมอริก ลาปอร์กต์ กลับมาซ้อมได้แล้วหลังบาดเจ็บหนักไปตั้งแต่เดือนสิงหาคม แต่จะยังไม่มีส่วนร่วมในเกมนี้ เช่นเดียวกับ ลีรอย ซาเน่ ที่ยังพักยาวจากปัญหาเอ็นไขว้หน้าหัวเข่า

    ในรายของ นิโกลัส โอตาเมนดี้ กลับมาเป็นตัวเลือกได้อีกครั้ง โดยก่อนหน้านี้ก็พลาดมาตลอด 3 นัดหลังสุดเนื่องจากเจ็บกล้ามเนื้อ นอกนั้นขุมกำลังหลักรายอื่นๆ ต่างอยู่กันพร้อมหน้า

    11 ตัวจริงตามคาด

    แมนฯ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดาบิด เด เคอา - อารอน วาน ซิสซาก้า, วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ, ฟิล โจนส์, ลุค ชอว์ - เฟร็ด, เนมานย่า มาติช - แดเนียล เจมส์, อันเดรียส เปเรยร่า, มาร์คัส แรชฟอร์ด - อองโตนี่ มาร์กซิยาล

    แมนฯ ซิตี้ (4-3-3) : เคลาดิโอ บราโว่ - ไคล์ วอล์คเกอร์, แฟร์นันดินโญ่, เอริก การ์เซีย, แบ็งฌาแม็ง เมนดี้ - เควิน เดอ บรอยน์, โรดรี้ เอร์นานเดซ, แบร์นาร์โด้ ซิลวา - ริยาด มาห์เรซ, กาเบรียล เชซุส, ราฮีม สเตอร์ลิง

    ผู้ตัดสิน : ไมค์ ดีน

    แมนฯ ยูไนเต็ด อาจเก่งกับทีมใหญ่ในช่วงครึ่งซีซั่นแรก แต่เชื่อว่านัดนี้ แมนฯ ซิตี้ ที่มีบทเรียนแล้วคงแก้ลำมาเป็นอย่างดีแน่ เทียบทั้งฟอร์ม และขุมกำลังแล้วยังไงเรือใบก็ยังเหนือกว่า เชื่อว่าทีมเยือนมีลุ้นถึงบุกมาเอาชนะก่อนในเลกแรกนี้ได้เลยทีเดียว

    ผลที่คาด

    แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ แมนฯ ซิตี้ 1-2