เชลซี

ลิเวอร์พูล และ เชลซี เคยพบกันในเอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ มาแล้ว 1 ครั้งก่อนหน้านี้ ซึ่งเกิดขึ้นในปี 2012 โดย สิงห์บลูส์ เป็นฝ่ายเอาชนะไป 2-1 จากประตูของ รามิเรส และ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา

โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือชาวเยอรมันยังไม่ตัดโอกาสที่ มาเตโอ โควาซิช จะฟิตทันเกมนี้ หลังมิดฟิลด์ทีมชาติโครเอเชียมีปัญหาที่เอ็นข้อเท้ามาจากเกมที่ถล่ม ลีดส์ ยูไนเต็ด 3-0

ในรายของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ก็ต้องรอเช็กฟิตหลังมีปัญหาบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย จะต้องพลาดอย่างต่อเนื่องกับปัญหาที่แผ่นหลัง ส่วน เบน ชิลเวลล์ ก็ยังชวดเหมือนเดิม

ลิเวอร์พูล

ด้วยการพบกันครั้งนี้เหมือนซ้ำรอยกับคาราบาว คัพ นัดชิงในฤดูกาล 2021-22 โดย หงส์แดง กำลังมองหาโอกาสคว้าชัยได้ทั้งสองรายการฟุตบอลถ้วยในประเทศภายในซีซั่นเดียวเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2000-01

เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมันจะพลาดใช้งาน ฟาบินโญ่ ที่เจ็บเอ็นหลังหัวเข่า และจะเล่นไม่ได้ใน 3 เกมสุดท้ายของการแข่งขันในประเทศ แต่คาดว่าจะกลับมาทันนัดชิงแชมเปี้ยนส์ลีก กับ เรอัล มาดริด

เกมนี้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน จะทำหน้าที่แทน ขณะที่ ติอาโก้ อัลกันตาร่า ก็น่าจะกลับคืนตัวจริง เช่นเดียวกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน

11 ตัวจริงตามคาด

เชลซี (3-4-1-2) : เอดูอาร์ เมนดี้ - เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, ติอาโก้ ซิลวา, อันโตนิโอ รือดิเกอร์ - รีซ เจมส์, จอร์จินโญ่, มาเตโอ โควาซิช, มาร์กอส อลอนโซ่ - เมสัน เมาท์ - ไค ฮาแวร์ตซ์, ทิโม แวร์เนอร์

ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อาลีสซง เบ็คเกอร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน - นาบี เกอิต้า, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ติอาโก้ อัลกันตาร่า - โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่, หลุยส์ ดิอาซ

ผู้ตัดสิน : เคร็ก พอว์สัน

สนาม : เวมบลีย์ สเตเดี้ยม

ลิเวอร์พูล เป็นต่อในเกมนี้ แต่เชื่อว่ายังไงก็ไม่ง่ายแน่ เพราะนี่คือนัดชิงชนะเลิศ ยังไง เชลซี ก็ไม่มีทางยอม มองภาพจากขุมกำลังก็แข็งแกร่งทั้งคู่ ตัวของกุนซือก็ฝีมือเข้าขั้น เชื่อว่าทั้งสองทีมน่าจะสู้กันสูสี โอกาสลงเอยด้วยผลเสมอในเวลา 90 นาทีเป็นไปได้มาก

ผลที่คาด

เชลซี เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1