แมน : สวัสดีครับพี่เฮง ผมเห็นข่าวเรื่องที่ว่าฟีฟ่าสั่งลดบทบาทประธานเทคนิคห้ามยุ่งกับทีมชาติชุดใหญ่นี่คือยังไงหรอครับ 

โค้ชเฮง : อ๋อ ผมเห็นแล้วล่ะ ช่วยเอาไปเขียนให้ถูกต้องก็ดีเหมือนกัน เพราะสื่อนั้นพาดหัวและเขียนข่าวได้น่าเกลียดมาก มันเป็นการเขียนข่าวจากคนที่ไม่รู้เรื่องจริง หรืออาจจะรู้แต่อยากให้คนอ่านด่าผม ฟีฟ่าเขาออกนโยบายนี้มาตั้งนานแล้ว เขาไม่ได้ห้ามแต่เขาตั้งนโยบายมาเพื่อปกป้องประธานเทคนิคทั่วโลก เพื่อไม่ให้ตำแหน่งประธานเทคนิคถูกโยงไปเกี่ยวกับผลงานของทีมชาติ ผลงานจะดีหรือไม่ดี จะวางแท็กติกยังไง เลือกนักเตะแบบไหน เป็นเรื่องของโค้ชไม่ใช่ฝ่ายเทคนิค ผมไม่ได้มีหน้าที่ตรงนั้น และก็ไม่เคยไปก้าวก่ายอยู่แล้ว

แมน : จริงๆ แล้วเรื่องมันเป็นยังไงนะพี่ ถ้านโยบายมีมานานแล้ว ทำไมข่าวนี้ถึงเพิ่งออกมาครับ

โค้ชเฮง : ก็เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ฟีฟ่าเขามาเยือนเมืองไทย เขาก็มาพูดถึงนโยบายต่างๆ ก็มีผมและอีกคนเข้าไปนั่งฟัง ปรากฎว่าไม่รู้เขาเข้าใจแบบไหน เอาไปรายงานนายกฯ (บิ๊กอ๊อด) ว่าฟีฟ่าสั่งห้ามแล้วนะ ว่าไม่ให้ผมเข้าไปยุ่งกับทีมชาติชุดใหญ่ 

แมน : แล้วความจริง พี่เฮงทำงานกับทีมชาติแต่ละชุดยังไงบ้างครับ

โค้ชเฮง : กับชุดใหญ่ผมแค่คอยรับฟังและให้คำปรึกษากับทีมงานของ ราเยวัช กับชุดอื่นๆ ก็เหมือนกัน จะมีทีมงานที่คอยทำรายงานให้ผมในเรื่องการฝึกซ้อม และข้อมูลสถิติก่อนแข่งหลังแข่ง เพราะฝ่ายเทคนิคต้องมีข้อมูลตรงนี้เพื่อนำมาพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น การฝึกซ้ิอมพอเห็นรายงานเราก็จะรู้ถึงผลลัพธ์ว่าซ้อมแบบไหนเพื่ออะไร แล้วพอผลลัพธ์ออกมาเราก็จะรู้ว่าการฝึกซ้อมนั้นได้ผลลัพธ์ที่ต้องการหรือไม่ จริงๆ แล้วหน้าที่ของประธานเทคนิคฟีฟ่าเขาอยากให้มีทุกประเทศเพื่อพัฒนาโครงสร้างฟุตบอลภายในตั้งแต่กราสรูทขึ้นมา เขาไม่ได้ให้มาพัฒนาทีมชาติชุดใหญ่ของแต่ละประเทศครับ

เราไม่เคยก้าวก่ายงานกันนะ

แมน : เห็นมีเอาเรื่องเงินเดือนที่ปธ.เทคนิค กับ เลขาธิการทั่วไป ของสมาคมที่ฟีฟ่าจ่ายให้มาพูดถึงด้วยครับ

โค้ชเฮง : ฟีฟ่าเขามีงบประมาณให้กับทุกประเทศที่เป็นสมาชิก เพื่อเป็นการสนับสนุนและช่วยเหลือ 2ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่ฟีฟ่ามองว่าสำคัญที่สุดของทุกสมาคม ประธานเทคนิคเป็นคนวางโครงสร้าง ส่วน เลขาธิการ ก็เป็นคนทำงานทั่วไปทุกอย่างภายในสมาคม ซึ่งฟีฟ่าเขาก็จ่ายให้ทุกประเทศมานานแล้ว ถามหน่อยเถอะว่าก่อนหน้านี้ตำแหน่งประธานเทคนิคเคยมีใครวางโครงสร้างอะไรให้ฟุตบอลในประเทศไปบ้างหรือยัง

แมน : คือพี่เฮงมองว่าข่าวที่ออกมา ตั้งใจโจมตีดิสเครดิตพี่?

โค้ชเฮง : แน่นอนอยู่แล้ว ประเทศเราก็เป็นกันซะอย่างนี้แหละ ที่เขาเรียกว่าทำงานแบบคู่ขนานกัน คอยขัดขากัน ณพ(อรรณพ สิงห์โตทอง)เขายังเคยบอกผมว่าบ้านเราหาคนจริงจังจริงใจที่รักฟุตบอลไทยอยากพัฒนาจริงๆ แทบไม่ได้เลย เขาบอกว่าถ้าผมเลิกทำเมื่อไหร่เขาก็เลิกทำทีมชลบุรีเหมือนกัน บางคนมาคิดว่าผมอิจฉาราเยวัช อยากจะไปเป็นโค้ชทีมชาติซะเอง ผมบอกได้เลยว่าผมไม่เคยคิดกลับไปเป็นโค้ช ตำแหน่งประธานเทคนิคคือตำแหน่งที่ผมอยากทำให้ฟุตบอลไทยมานานแล้ว แต่คนทั่วไปยังไม่เข้าใจเลยว่าจริงๆ แล้วตำแหน่งนี้เขาทำงานอะไรอยู่

แมน : ทางสมาคมควรจะต้องมีฝ่ายสื่อสารองค์กรที่ช่วยรักษาภาพลักษณ์และนำเสนอข่าวที่ถูกต้อง อธิบายหน้าที่การทำงานของแต่ละหน่วยงานในสมาคมมั้ยเนี่ยพี่ เพราะผมเห็นเวลาบางสื่อนำเสนอข่าวออกมาในลักษณะนี้ คนทั่วไปก็จะพาลเข้าใจผิดไปด้วย เพราะคนทั่วไปก็คงไม่ได้รู้หรอกว่าจริงๆ แล้วหน้าที่ของฝ่ายเทคนิคคืออะไร และพี่เฮงกำลังทำอะไรอยู่

โค้ชเฮง : เรื่องนี้ผมไม่ขอออกความเห็นดีกว่า จริงๆ แล้วในสมาคมแต่ละคนก็ตั้งใจทำงานกันดี คุณพิสัณฑ์ (จุลดิลก เลขาธิการสมาคม) ก็ทำงานได้ดี และก็มีโจ (พาทิศ ศุภะพงษ์) เป็นรองเลขาฯที่ช่วยงานฝ่ายต่างประเทศ เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ มีคุณตุ๋ย (ธนศักดิ์ สุระประเสริฐ) คอยช่วยกันทำงาน ผมเองนอกจากต้องดูเรื่องการอบรมต่างๆ คอยดูการพัฒนาเยาวชนดูบอลหญิง เรื่องฟุตซอลก็ยกให้คุณป๋อม (อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ) ดูแล อย่างผมเองก็มี มร.ลิม (คิม ชอน วิทยากรจากเอเอฟซี) คอยช่วยงานในการอบรมไลเซนโค้ชทุกระดับ  

มร.ลิม คิม ชอน วิทยากรจากเอเอฟซีที่เข้ามาช่วยงานอบรมโค้ช

แมน : พี่เฮงเบื่อมั้ย ท้อมั้ยกับข่าวที่ออกมาแต่ละทีก็โดนคนด่าทุกที

โค้ชเฮง : ผมไม่เป็นไรหรอก เพราะผมรู้ตัวดีว่าเข้ามารับตำแหน่งนี้เพื่อจะทำอะไร ผมมีความตั้งใจผมเป็นคนบ้าฟุตบอล ผมดูบอลตลอดเวลา เปิดทีวีมาก็ดูแต่ฟุตบอลทั้งบอลไทยบอลนอกผมดูหมด อย่างตอนนั้นก็มีนักข่าวมาถามผมว่าถ้าไม่ได้แชมป์ซูซูกิ จะลาออกมั้ย คือถ้าจะให้ผมออกไปพร้อมกับโค้ชทีมชาติก็ได้นะถ้าจะเอาอย่างนั้น แต่รู้มั้ยว่าตำแหน่งผมกับทีมชาติทำงานกันยังไง เกี่ยวข้องกับแต่ละทีมยังไงบ้าง ถ้าผมออกผมก็คงกลับไปทำเด็กชลบุรี ผมมีความสุขจะตายเวลาเห็นเด็กๆ ที่ปั้นได้เติบโตขึ้นมา อย่างสัปดาห์หน้าจะมีบอลที่คลอง6 เดี๋ยวผมก็ไปดู แล้วเดี๋ยววันที่ 5 ก.ค. บอลกรมพละก็จะแข่งแล้ว 

แมน : พี่เฮงคอยให้คำแนะนำอะไรราเยวัชบ้าง เขาปรึกษาพี่เฮงบ่อยแค่ไหน

โค้ชเฮง : ก็มีนัดมาคุยกันทุกชุดอยู่เรื่อยๆ เมื่อวานนี้ก็เรียกโค้ชทุกชุดมาหารือเพื่อคุยถึงการเตรียมทีม แต่ไม่ได้คุยกับชุดใหญ่ อย่างที่จะอุ่นเครื่องกับ ฮ่องกง ก็น่าจะเป็นชุดเอเชียนเกมส์ เพราะทีมใกล้จะแข่งแล้วจำเป็นต้องมีโปรแกรมอุ่นเครื่องบ้าง ผมยังสงสารพวก โย่ง, ดาร์ท, หระ, ก้าง เลยเพราะเวลาเตรียมทีมก็ไม่ค่อยมีใครยอมปล่อยนักเตะให้ แล้วเวลาไปแข่งจะมีความพร้อมได้ยังไง

แมน : เอคโคโน่ตอนนี้หายไปไหนเลยครับ ไม่มีข่าวเลย

โค้ชเฮง : เขาก็ทำงานอยู่ตลอดครับ แต่สื่ออาจจะไม่ได้ให้ความสนใจเอง เขาก็ทำงานได้ดีมากในการพัฒนาผู้เล่นในระดับเยาวชน ซึ่งเป็นงานที่พวกเขาถนัดอยู่แล้ว ทั้งรุ่น 12,14,16,18 ปี

แมน : นักเตะเยาวชนที่เอคโคโน่พัฒนาอยู่มาจากไหนล่ะครับ ในเมื่อแต่ละชุดก็มีโค้ชทีมชาติอยู่แล้ว

โค้ชเฮง : ก็เป็นพวกนักเตะที่ถูกมาเรียกติดทีมชาตินี่แหละครับ เขาจะคอยเข้ามาช่วยแนะนำและเสริมการฝึกซ้อมต่างๆ เป็นรายบุคคล เป็นการพัฒนาให้เป็นแบบ High performance ในแต่ละจุดที่ควรเพิ่มเติมเข้าไป

แมน : พี่เฮงบอกว่าตำแหน่งของพี่คือการวางโครงสร้างเพื่ออนาคต แต่ถ้าในอนาคตสมาคมฟุตบอลมีการเปลี่ยนแปลง กลายเป็นขั้วอื่นที่เข้ามาทำงาน เขาจะไม่โละแผนของพี่ออกหมดหรอ แล้วที่วางเอาไว้จะมีประโยชน์อะไรถ้าใครเข้ามาก็เปลี่ยนเป็นโครงสร้างของตัวเอง

โค้ชเฮง : ถ้าเขาฉลาดพอเขาก็ต้องรู้ว่าอะไรที่ควรสานต่ออะไรที่ควร Overhaul(ยกเครื่อง) ดูอย่าง 3 ชาติที่ไม่ได้ฟุตบอลโลกสิ สหรัฐอเมริกา, อิตาลี, ฮอลแลนด์ พอเขาไม่ได้ไปบอลโลก เขาก็ Overhaulกลับมาทบทวนว่าที่ผ่านมามีอะไรผิดพลาดไปบ้างเพื่อจะปรับปรุงทันที ครั้งต่อไปจะได้ไม่พลาดอีก 

แมน : พูดถึงฟุตบอลโลก พี่ได้ดูคู่รัสเซีย กับ ซาอุฯ ใช่มั้ยครับ ซาอุฯเล่นในเอเชียเก่งมากชนะญี่ปุ่นได้ด้วย แต่พอไปเจอทีมยุโรปกลับหมดสภาพเลย ได้แต่ถ่ายบอลไปมาแต่หาจังหวะเข้าทำแทบไม่ได้ อะไรคือความแตกต่างที่ทำให้ทีมเอเชียยังเทียบชั้นกับพวกยุโรปไม่ได้ครับ

โค้ชเฮง : จริงๆ แล้ว ซาอุฯ เขาก็พยายามพัฒนาโครงสร้างฟุตบอลของเขาได้ดีขึ้นมากแล้ว แต่ในจุดบกพร่องเขาก็คงต้องกลับไปทบทวนเหมือนกัน  มันมีรายละเอียดยิบย่อยเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปแบบการเล่นและความแข็งแกร่งของร่างกาย

แมน : เป็นเรื่องการทำการบ้านของโค้ชหรือเปล่าครับ เพราะผมดูรัสเซียตอนอุ่นเครื่องก็ไม่ได้เล่นแบบนี้ เหมือนเขาศึกษามาแล้วว่าซาอุฯเล่นบอลกับพื้นและค่อยๆ ต่อบอลเข้าไปทำ รัสเซียก็เล่นเพรสซิ่งใส่และใช้จังหวะสวนกลับเร็วที่ต่อบอลกันแค่ 3-4 คนก็หาจังหวะจบได้ทุกที ในขณะที่ซาอุฯตอนเจอไทยว่าตัวใหญ่ แต่พอไปเจอรัสเซียกลายเป็นซาอุฯตัวเล็กกว่าเยอะเลย และก็เจาะเข้าไปหาโอกาสยิงประตูจะๆ ไม่ได้เลย

โค้ชเฮง : เรื่องศึกษาข้อมูลคู่แข่งนั้นแน่นอนอยู่แล้วครับ ทีมงานสตาฟฟ์มีความสำคัญมาก คุณลองไปดูออสเตรเลียสิ หรืออย่างรัสเซียก็ได้ เวลาเขาถ่ายรูปรวมทั้งทีมกัน เห็นมั้ยว่ากลุ่มนักเตะมีอยู่แค่นิดเดียว ที่เหลือเป็นทีมสตาฟฟ์ทั้งนั้นเลย แต่ทีมในเอเชียทีมสตาฟฟ์มีแค่กี่คนเอง เรื่องนี้เขาให้ความสำคัญกันมากนะ เพราะสตาฟฟ์แต่ละคนเขาจะมีการกำหนดบทบาทหน้าที่ชัดเจน ทำให้ทีมมีความพร้อมและความได้เปรียบคู่ต่อสู้มากที่สุด

ทีมสตาฟฟ์ของทีมชาติรัสเซีย เยอะมากๆ 

แมน : ในเอเชียนี่น่าจะเป็นจีนหรือเปล่านะครับ ที่ลงทุนพัฒนาโครงสร้างเยาวชนได้น่ากลัวที่สุด ผมเห็นเขาทุ่มทุนสร้างหมู่้บ้านขึ้นมาเลยเพื่อเอาเด็กๆ ไปฝึกและจ้างโค้ชจากต่างประเทศที่เก่งๆ เข้ามาฝึก

โค้ชเฮง : มันเป็นเรื่องของงบประมาณด้วยล่ะครับ เพราะนายกฯของจีนเขาเป็นนักกีฬา และเขาก็มีกำลังเงินสูง แต่ละประเทศก็จะมีวิธีการของตัวเอง แล้วแต่ว่าประเทศไหนมีต้นทุนแบบไหน

ศูนย์ฝึกฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดของโลกที่จีนสร้างขึ้นบนพื้นที่ 400 ไร่

แมน : ผมเห็นในเอเชียแต่ละทีมวางแผนที่จะไปฟุตบอลโลกปี 2026 ให้ได้ เพราะเอเชียจะได้ไป 8 ทีมหรือ 8 ทีมครึ่งเลย พี่เฮงคิดว่าไทยน่าจะมีโอกาสได้ไปมั้ย

โค้ชเฮง : มีโอกาสครับ อยุ่ที่ว่าเด็กชุด16-19 ปีจะพัฒนาตัวเองขึ้นไปได้แค่ไหน สมัยก่อนจะมีความคิดที่ว่าต้องเอาทีมเยาวชนไปเข้ารอบสุดท้ายเยาวชนชิงแชมป์โลกให้ได้ เดี๋ยวนี้เขาไม่คิดกันอย่างนั้นแล้ว เขาคิดว่าจะทำยังไงให้ทีมชาติชุดใหญ่ไปฟุตบอลโลกให้ได้ จะเป็นอีก 4 ปี หรือ 8 ปี ไม่ใช่แค่ประกาศว่าจะไปบอลโลก แต่ต้องมาคิดว่าจะทำยังไงถึงจะได้ไป

แมน : แต่เอาจริงๆ ผมเห็นเด็ก 16 หรือ 19 ปีของเราเจอแค่ทีมในอาเซียนก็กระอักแล้วนะพี่ แล้วเราจะหวังไปบอลโลกในอีก 8 ปีข้างหน้าได้จริงๆ หรอ

โค้ชเฮง : ปัญหาของเราคือเรื่องปริมาณนักเตะมากกว่าครับ เพราะทีมที่สร้างเด็กพวกนี้มีอยู่แค่ไม่กี่ทีมเอง อย่างจะหาทีมชาติชุดยู-16 ยังเลือกมาได้ไม่กี่คนเองที่สามารถเล่นไหว เราต้องช่วยกันสร้างเด็กๆ ขึ้นมาให้มากกว่านี้ ซึ่งก็ต้องหวังให้แต่ละสโมสรช่วยกันสร้างด้วย อย่างชลบุรีเอง เวลาผมเห็นอย่างพวกยิม, แจ๊บ, แระ  ขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ได้ผมมีความสุขนะ ทาง ณพ (อรรณพ สิงห์โตทอง) ก็บอกว่าคิดถูกแล้วที่สร้างเด็กพวกนี้ขึ้นมา เพราะเขาเล่นได้ สามารถพัฒนาขึ้นมาเป็นผู้เล่นตัวหลักให้สโมสรได้

แมน : เห็นพี่เฮงเคยบ่นว่าเด็กรุ่นหลังๆ พวกเกิดปี 42,43 มีปัญหาเรื่องวินัย ไม่เหมือนรุ่น ก้อง เกริกฤทธิ์, บาส ชนินทร์ หรือรุ่น ยิม วรชิต, แจ๊บ สหรัฐฯ ที่ว่านอนสอนง่าย ตอนนี้แก้ไขได้ดีขึ้นบ้างหรือยังครับ

โค้ชเฮง : มันเป็นปัญหาของเด็กทั่วโลกอยู่แล้วครับ ที่ต่างประเทศเขานิยามไว้ว่าทำบอลเด็กก็เหมือนอยู่กับระเบิดทำลายล้าง เป็นการจับปูใส่กระด้ง ไม่ว่ารุ่นไหนก็มีปัญหาหมดแหละ เพราะเด็กวัยนี้กำลังต้องเจอสิ่งยั่วยุมากมาย ทั้งเรื่องผู้หญิง, เหล้า, บุหรี่ หรืออื่นๆ อีกเยอะแยะ ก็อยู่ที่ตัวเด็กแล้วก็โค้ชด้วยว่าจะควบคุมและมีภูมิคุ้มกันกับเรื่องพวกนี้ได้มากแค่ไหน ที่เห็นว่ารุ่นหลังๆ เหลวไหลกว่าก็เพราะสมัยก่อนไม่มีโทรศัพท์ก็เลยไม่หนักเหมือนอย่างเดี๋ยวนี้ 

แมน : ย้า (สิทธิโชค ภาโส) น้ำหนักตัวลดหรือยังครับ เห็นพี่เฮงบอกว่าต้องลดน้ำหนักก่อนถึงจะสมควรติดทีมชาติไทยยู-19

โค้ชเฮง : น้ำหนักตัวไม่รู้สิ วันก่อนยู-19 มาุอุ่นกับชลบุรี ผมถามย้าว่าน้ำหนักตัวเท่าไหร่แล้วเนี่ย ย้าก็บอกว่าที่เห็นตัวใหญ่ขึ้นน่ะไม่ใช่ไขมันนะ เป็นกล้ามเนื้อล้วนๆ (หัวเราะ) มีคนมาบอกผมว่าย้ากินข้าวมันไก่มื้อเดียว 4 ห่อ ผมยังด่าอยู่เลยว่าเฮ้ยแกกินอะไรของแก ผมว่าเขาต้องระมัดระวังเรื่องการกินนี่แหละเป็นเรื่องใหญ่ เจ้าแจ๊บ (สหรัฐ สนธิสวัสดิ์) ก็เหมือนกัน กินขนมปังกับนมข้นหวานเป็นอาหารทานเล่นตลอด เรื่องโภชนาการนี่ที่ต่างประเทศเขาให้ความสำคัญมากเลยนะ แต่จะไปห้ามก็ไม่ได้เพราะไม่ได้นั่งเฝ้ากันตลอด ไม่ได้เห็นว่าเอาอะไรใส่ปากไปบ้าง อยู่ที่ตัวเขาเองแหละที่ต้องรู้ว่าอะไรเป็นอะไร

อาหารว่างของโปรดของเจ้าแจ๊บ เห็นแล้วก็อยากเลย

แมน : เด็กกำลังโตมั้งพี่ ฮ่าๆๆ 

โค้ชเฮง : เรื่องพวกนี้สำคัญนะ อย่างถ้าผมเรียกใครเข้าไปคุยที่ห้อง เด็กก็จะแซวกันว่าถูกเรียกเข้าห้องเย็น บางคนเงินเดือนแค่ 2 หมื่นก็ไปซื้อรถมาผ่อน พาผู้หญิงไปเที่ยวแล้ว คือผมคอยบอกเด็กๆ ตลอดว่าอย่าพอใจแค่สิ่งที่ตัวเองมี ถ้าพอใจแค่นี้ก็หยุดอยู่แค่นี้ ถ้าจะเติบโตไปกว่านี้ก็ต้องเป็นผู้ใหญ่และรู้จักวางเป้าหมายให้ชีวิตได้แล้ว เออๆ เดี๋ยวพอดีผมมีงานต้องไปทำแล้วครับ

แมน : โอเคครับพี่เฮง วันนี้ขอบคุณมากครับ

ถ้าชอบก็กดไลค์ ถ้าใช่ก็กดแชร์ฺกันด้วยนะครับ (แมน โกสินทร์ อัตตโนรักษ์)