คริสเตียโน่ โรนัลโด้ - ลิโอเนล เมสซี่ ชื่อนี้มีอะไรดึงดูดเสมอไม่ว่าจะกล่าวถึงในแง่ไหนก็ตาม
ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลงานส่วนตัว จำนวนประตูหรือโทรฟี่กับสโมสรล้วนแล้วแต่คือเรื่องที่ถูกหยิบขึ้นมาว่าใครเหนือกว่ากัน
ยิ่งเมื่อมหกรรมฟุตบอลโลกมาถึง ยอมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ผลงานกับทีมชาติของทั้งสองนักเตะจะถูกหยิบยกขึ้นมาเปรียบเทียบกันอีกครั้ง
ซึ่งที่ถูกพูดถึงในเวลานี้ก็คือผลงานกับทีมชาติว่าในเวิลด์ คัพที่รัสเซีย ชาติไหนจะไปได้ไกลกว่ากันหลังจากที่ อาร์เจนติน่า เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศเมื่อปี 2014 ลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ให้กับ เยอรมัน ขณะที่ โปรตุเกส ผงาดคว้าแชมป์ยูโร 2016 มาครอง
ฟุตบอลโลกที่เปิดฉากขึ้นแล้วพร้อมกับความร้อนแรงของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ตะบันแฮตทริคให้ทีม "ฝอยทอง" เสมอกับ สเปน 3-3 ขณะที่ ลิโอเนล เมสซี่ ผลงานแย่แถมพลาดจุดโทษทำให้ อาร์เจนติน่า ทำได้แค่เสมอกับ ไอซ์แลนด์ 1-1
วัดกันแล้วผลงานของทีมอาจจะมีหนึ่งคะแนนเหมือนกัน แต่ผลงานส่วนตัวสตาร์จาก เรอัล มาดริด ดีกว่าเห็นๆ
วันนี้จะพาไปดูกันว่าเหตุผลที่ทำให้ โปรตุเกส มีโอกาสที่จะถึงตำแหน่งแชมป์โลกมากกว่า อาร์เจนติน่า
ฟอร์มการเล่นที่ดีกว่า
ฟุตบอลคือเกมที่เล่นกันเป็นทีม แน่นอนเรื่องนี้ได้ยินกันมายาวนาน แม้แต่นักบอลที่เก่งที่สุดในโลกก็ต้องการเพื่อนร่วมทีมที่คอยสนับสนุนให้เฉิดฉายได้
ทั้ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่ ต่างก็เป็นสุดยอดนักเตะของโลกด้วยศักยภาพส่วนตัวที่หาตัวจับได้ยาก แต่นั่นยังไม่เพียงพอกับการพาให้ทีมชาติประสบความสำเร็จ นั่นคือเหตุผลว่าเพื่อนร่วมทีมก็ต้องทำงานหนักไม่แพ้กันในการผลักดันให้ทีมก้าวไปข้างหน้า
เมื่อดูจากผลงานของทั้งสองชาติ โรนัลโด้ มีเพื่อนร่วมทีมที่สนับสนุนการเล่นของเขามากกว่าอย่างชัดเจน จริงอยู่ที่ชื่อชั้นของนักเตะทีม "ฝอยทอง" สู้บรรดาสตาร์ในทีม "ฟ้า-ขาว" ไม่ได้ แต่เมื่อรวมกันแล้วต้องบอกว่าทำได้ดีกว่าจริงๆ โดยเฉพาะในเกมเปิดสนามที่เสมอกับ สเปน 3-3
หรือกระทั่งการย้อนกลับไปเมื่อปี 2016 ในศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปรอบขิงชนะเลิศ แม้ว่า โรนัลโด้ จะเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหวต้องโดนเปลี่ยนตัวออกไป เพื่อนร่วมทีมก็พร้อมที่จะช่วยกันเล่นทำหน้าที่แทนได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
กับ เมสซี่ ที่อาจจะสร้างปาฏิหารย์ได้บ่อยครั้งจากฝีเท้าส่วนตัว แต่เมื่อขาดเพื่อนร่วมทีมที่รู้ใจก็ทำอะไรไม่ได้เลย ประกอบกับผลงานในทีมชาติมักไม่โดดเด่นเมื่อเทียบกับสโมสรอย่าง บาร์เซโลน่า ทำให้เห็นชัดเจนว่ามีปัญหา
ซึ่งองค์ประกอบรวมนี้น่าจะทำให้ โปรตุเกส มีโอกาสดีกว่า อาร์เจนติน่า กับฟุตบอลโลกที่รัสเซีย
โรนัลโด้ กำลังเข้าฝัก
จริงอยู่เรื่องที่ว่าใครเก่งกว่ากันระหว่าง คริสตียโน่ โรนัลโด้ กับ ลิโอเนล เมสซี่ คงเถียงกันไม่จบ ใครชอบฝ่ายไหนก็คงหยิบคงข้อดีขึ้นมาเทียบกัน
ที่ผ่าน สตาร์จาก เรอัล มาดริด มักโดนโจมตีกับการที่ชอบเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของทีม บอลต้องมาถึง ฟรีคิกต้องเล่น จุดโทษต้องยิง การขึ้นเกมขึ้นอยู่กับเขาคนเดียวเท่านั้น แต่กับทีมชาติเขาได้รับการยกย่องถึงความพยายามที่จะช่วยทีมอย่างสุดความสามารถ แตกต่างจาก เมสซี่ มีมีอิทธิพลกับการเล่นของทีมโดยรวม
ทว่าบ่อยครั้งที่ โรนัลโด้ สร้างสรรค์เกมและทำประตูได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพาการเล่นของทีม ซึ่งนั่นอาจจะเป็นข้อได้เปรียบอีกอย่างหนึ่งกับความหลากหลายที่เล่นกับทีมก็ได้ พังประตูเองก็ได้ด้วยสองขาอันแข็งแกร่ง
อย่างเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกที่พบกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง รวมถึง ยูเวนตุส กับผลงานสุดยอดที่พิสูจน์ให้เห็นว่า "เจ็ตโด้" สามารถตัดสินเกมได้แม้ในยามที่ทีมเล่นได้ไม่ดีนัก
ด้วยวิธีการเล่นนี้สตาร์วัย 33ปีสามารถนำพา โปรตุเกส ไปได้ไกลแม้กระทั่งในยามที่พวกเขาอาจะทำผลงานในเกมได้ไม่ดี
ไร้ความกดดัน
เมื่อเทียบกับ อาร์เจนติน่า กับความหวังในการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกแล้ว ต้องบอกว่า โปรตุเกส เล่นแบบไร้ความกดดันมากกว่าเยอะ
เวิลด์ คัพ กับทัพ "ฟ้า-ขาว" นั้นเปรียบเสมือนทุกอย่าง ด้วยขุมกำลังที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้ชาติไหนในโลกโดยเฉพาะในแนวรุก ทุกครั้งที่ทำศึกมักจะถูกคาดหมายว่าจะเป็นหนึ่งในทีมที่คว้าแชมป์อยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีดาวเตะที่พวกเขายกย่องให้เป็นเบอร์หนึ่งของโลกอย่าง ลิโอเนล เมสซี่
สตาร์จากบาร์เซโลน่าแบกทุกอย่างไว้บนบ่าโดยเฉพาะความหวังของคนในประเทศว่าเขาจะพาทีมไปถึงฝั่งฝันเหมือนเมื่อครั้งที่ ดีเอโก้ มาราโดน่า ทำได้มาแล้วเมื่อปี 1986
แต่จากความผิดหวังในฟุตบอลโลก 2014 ต่อด้วยการเข้าชิงฟุตบอลโกปา อเมริกา ที่ลงเอยด้วยการพ่ายแพ้ในการดวลจุดโทษชวดแชมป์อีกคราถึงขนาดทำให้ เมสซี่ น้ำตกตาจนถึงขั้นประกาศเลิกเล่นทีมชาติก่อนโดนโน้มน้าวให้กลับมาสู่ทีมอีกครั้ง
กับฟุตบอลโลกหนนี้ซึ่งอาจจะเป็นหนที่ เมสซี่ อยู่ในช่วงที่พีคกว่านี้อีกไม่ได้แล้ว แชมป์โลกจึงเป็นสิ่งที่แฟนบอล "ฟ้า-ขาว" ปรารถนาที่สุด เพราะไม่รู้กว่าอีกสี่ปีข้างหน้าดวยิงกัปตันทีมก็จะอายุ 34 ซึ่งคงไม่ได้อยู่ในฟอร์มแบบนี้อีกแล้ว และก็ไม่รู้อีกกี่ปีถึงมีดาวเตะฝีเท้าขนาดนี้ขึ้นมาอีก
กับ โปรตุเกส ที่ไม่ได้ถูกยกให้เป็นทีมเต็งอะไร พวกเขาเข้าร่วมฟุตบอลโลกแบบไร้ความกดดัน หรืออีกนัยหนึ่งคือกดดันน้อยกว่า อาร์เจนติน่า แน่นอน นั่นทำให้พวกเขาไม่ได้เป็นที่จับตามองนักและน่าจะทำให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และผองเพื่อนมีโอกาสที่จะนำชาติสู่รอบลึกๆได้
แรงบันดาลใจจากความสำเร็จ
เช่นเดียวกับ เยอรมัน, สเปน, ฝรั่งเศส, เบลเยี่ยม และ บราซิล ที่กำลังอยู่ในช่วงที่ฟอร์มกำลังขึ้น โปรตุเกส กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ดีในการประสบความสำเร็จหลังจากที่เพิ่งคว้าแชมป์ยูโร 2016 มาครอง
ไม่มีใครคาดคิดว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จะถึงขนาดพาให้ โปรตุเกส ก้าวไปถึงตำหน่งแชมป์โลก อย่างไรก็ตาม แชมป์ยูโรเมื่อสองปีที่แล้วก็เป็นหลักฐานที่สามารถอ้างอิงได้ว่าทัพ "ฝอยทอง" สามารถทำได้แม้ว่าจะไม่ได้เป็นทีมที่ได้รับการคาดหมายว่าจะคว้าแชมป์ก็ตาม
เช่นเดียวกับศึกที่แดนตราไก่เมื่อปี 2016 ก็ไม่มีใครคิดว่า โปรตุเกส จะไปไกลถึงตำแหน่งแชมป์โลกจากฟอรืมการเล่นที่ลุ่มๆดอนๆ แต่การก้าวไปทีละก้าวอย่างแข็งแกร่ง ไม่ได้หวือหวาหรือโดดเด่นซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ดีของการแข่งขันฟุตบอลระดับเมเจอร์จากตัวอย่างที่ผ่านมา
ในใจของนักเตะฝอยทองทุกคนย่อมแอบหวังอยู่ในใจว่าทีมจะสามารถสร้างเซอร์ไพรส์ได้อีกครั้งกับการทำชัยชนะมาสู่ชาติเฉกเช่นเดียวกับยูโร 2016
ซึ่งการที่ไม่มีใครคาดคิดรวมถึงแรงผลักดันนี่แหละอาจจะทำให้ใครหลายคนได้แปลกใจอีกครั้ง