ฟุตบอลโลก 2018 ผ่านเกมนัดแรกของรอบแบ่งกลุ่มไปแล้ว เพียงพอต่อการมองเห็นอย่างรำไรว่าใครจะรุ่งใครจะรอด
ในยอดพ่อค้าแข้งทั้งหลายที่หวังใช้ "เวิลด์ คัพ" เพื่อประกาศศักดาว่าเป็นหนึ่งในใต้หล้า หรืออยากจะอัพเกรดตัวเองขึ้นมาเป็นยอดนักเตะ ทัวร์นาเม้นต์นี้ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้โชว์ฝีเท้า เพราะนี่คือรายการที่สายตาทั่วโลกจับจ้อง
ระยะเวลาหนึ่งเดือนนับจากนี้ ทุกคนที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันต้องแย่งชิงกันเค้นฟอร์มออกมาอย่างดีที่สุดนอกจากเพื่อทีมแล้วก็เพื่อตัวเองนี่แหละ
แน่นอนว่าบรรดานักเตะที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นหนีไม่พ้น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่จะการตะบันแฮตทริคใส่ สเปน ในเกมที่ โปรตุเกส ไล่ตามตีเสมอ 3-3
หรือจะเป็น โรเมลู ลูกากู ดาวยิงเบลเยี่ยมที่ซัดสองเม็ด รวมถึงคนที่ทำผลงานได้ดีอย่าง ดีเอโก้ คอสต้า หรือ เดนีส เชรีเชฟ รวมถึง แฮร์รี่ เคน ที่พังตาข่ายช่วยให้ทัพอังกฤษคว้าสามคะแนนแบบหืดจับ
ในทางตรงข้ามมีคนทำได้ดีย่อมมีคนทำได้แย่ ทว่านั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะแย่ไปจนถึงสุดท้ายเมื่อไร มันก็แค่เกมแรกเท่านั้น
แต่ก็ขอหยิบยกบรรดาซูเปอร์สตาร์ที่ผลงานน่าผิดหวังสุดในเกมเปิดสนามที่ผ่านมาละกัน
โธมัส มุลเลอร์
ทีมชาติเยอรมัน
หนึ่งในนักเตะที่ได้รับการจับตามอง ไม่ใช่แค่เรื่องของการยิงประตู แต่หวังสูงถึงตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมของทัวร์นาเม้นต์ด้วยซ้ำ
เพราะผลงานกด 5 ประตูในฟุตบอลโลก 2010 ตามด้วยฟุตบอลโลก 2014 ก็ซัดอีก 5 ลูกเช่นกัน คงไม่แปลกที่สตาร์จาก บาเยิร์น มิวนิค จะถูกยกให้เป็นดาวเด่นประจำชาติรวมถึงเวิลด์ คัพหนนี้
แต่คงไม่มีใครคิดว่าเกมเปิดสนามดาวเตะ 10 ประตูในรอบสุดท้ายกลับไม่สามารถช่วยทีมได้ แถมถึงขั้นที่ทีมลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ให้กับ เม็กซิโก 0-1 ด้วยซ้ำ
ไม่ใช่แค่ยิงประตูไม่ได้ แต่ มุลเลอร์ ไม่อาจจะช่วยสร้างสรรค์เกมให้กับทีมได้เลย หรือหากได้ดูเกมจะบอกว่าเจ้าตัวไม่วิ่งช่วยทีมมากเท่าที่ควรด้วยซ้ำ
แต่หากจะพูดกันให้แฟร์ๆ ก็ต้องบอกว่าแนวรุกในเกมดังกลาวของ เยอรมัน ไม่ว่าจะเป็น เมซุต โอซิล, ยูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์ หรือ ทิโม แวร์เนอร์ ก็ต่างผลงานห่วยแตกด้วยกันทั้งสิ้น
หวังว่า โธมัส มุลเลอร์ จะกลับมาได้ในอีกสองเกมที่เหลือ
ราฮีม สเตอร์ลิ่ง
ทีมชาติอังกฤษ
ในบรรดานักเตะทีมชาติอังกฤษ นอกจาก แฮร์รี่ เคน แล้ว ดูเหมือนว่า แกเร็ธ เซาธ์เกต จะมอบความไว้วางใจให้กับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง มากกว่าใครเพื่อน
ซึ่งก็ต้องบอกว่าไม่แปลกเมื่อผลงานกับต้นสังกัดอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลที่ผ่านมาต้องบอกว่า "ยอดเยี่ยม" กับการทะลวงตาข่ายถึง 23 ประตูในทุกรายการ จนได้รับความคาดหมายว่าจะพาทัพ "สิงโตคำราม" ทะยานสูงในเวิลด์ คัพฉบับรัสเซีย
ด้วยสถิติที่ไม่ดีนักในการเล่นทีมชาติยิงได้แค่สองประตูจาก 38 เกมก่อนหน้า ถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะเพิ่มจำนวนประตูจากฟอร์มสุดแจ่ม
และยิงเกมเปิดสนามกับคู่แข่งที่ถือว่าไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากมายถึงแม้ไม่มีประตูมาฝากแต่ก็น่าจะมีผลงานที่โดดเด่นใช้ได้ในเกมนี้
ทว่าความห่วยแตกยามเล่นทีมชาติที่ผ่านมาเป็นยังไง เกมเปิดหัวฟุตบอลโลกครั้งนี้ก็ไม่เปลี่ยนแปลง จนถึงขนาดโดนเปลี่ยนตัวออกจากสนามตั้งแต่นาทีที่ 68 ของเกมโดยเป็น มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ลงเล่นแทน
แถมแฟนๆยังโหวตให้ดาวเตะจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ควรจะได้ออกสตาร์ทในเกมนัดที่สองกับ ปานามา มากกว่า สเตอร์ลิ่ง อีกด้วย
หากเจ้าตัวจะหลุดเป็นสำรองในเกมถัดไปต้องบอกว่าไม่แปลกเลย
อองตวน กรีซมันน์
ทีมชาติฝรั่งเศส
การยิงประตูในเกมเปิดสนามไม่ได้หมายความว่าลงานส่วนตัวของ อองตวน กรีซมันน์ จะดีเลิศประเสริฐศรีอะไรนัก
หรือต้องบอกว่าไม่ได้ดีถึงขนาดที่ได้รับการคาดหวังว่าจะเป็นคนที่นำพาทัพ "ตราไก่" ไปไกลถึงรอบลึกๆอย่างที่ได้รับการคาดหมายตั้งแต่ก่อนเริ่มทัวร์นาเม้นต์
โอกาสยิง 5 ครั้งตลอดทั้งเกม เกือบครึ่งที่ทีมทำได้ (12 ครั้ง) แบ่งเป็นเข้ารอบ 3 หน หนึ่งในนั้นคือจุดโทษ รวมถึงการต้องแบกเกมรุกที่ต้องเล่นกันดาวรุ่งอย่าง อุสมาน เดมเบเล่ และ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้
หรืออีกนัยหนึ่ง ระบบการเล่นของ ดิดิเยร์ เดส์ช็องส์ ไม่ค่อยเอื้อกับการเล่นของ กรีซมันน์ มากเท่ากับที่ แอตเลติโก มาดริด เท่านั้นไม่พอ ดาวเตะวัย 27 ปียังโดนเปลี่ยนออกจากสนามในนาทีที่ 70 ของเกมอีกด้วย
ดาวยิงตราหมีน่าจะมีกองหน้าตัวเป้าคอยช่วยอย่าง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ กองหน้าร่างใหญ่เหมือนกับที่สโมสรมี ดีเอโก้ คอสต้า น่าจะช่วยให้เจ้าตัวทำผลงานได้ดีกว่านี้
หากหวังให้ กรีซมันน์ โชว์ผลงานให้ดีที่สุด คงต้องเริ่มแก้จากนายใหญ่ของทีมก่อนล่ะ
เนย์มาร์
ทีมชาติบราซิล
ดาวยิงหมายเลขหนึ่งของทีม ความหวังของคนทั้งชาติ สุดยอดดาวยิงที่ได้รับการคาดหมายว่าจะทำลายทุกสถิติการยิงประตูในทีมชาติ คือนิยามที่บ่งบอกถึงความคาดหวังที่มีในตัวของ เนย์มาร์
หลังจากอาการบาดเจ็บทั้ง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ บราซิล ต้นสังกัดต่างประคบประหงมอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ดาวยิงรายนี้กลับมาลงสนาให้ทันฟุตบอลโลกให้ได้
จากผลงานที่สวยหรูในเกมอุ่นเครื่อง แม้ว่าสภาพร่างกายจะยังไม่ได้เต็มที่เหมือนกับก่อนหน้าที่จะบาดเจ็บ แต่ก็ตีความหมายได้ว่า เนย์มาร์ พร้อมกลับมาโลดแล่นอีกครั้ง
แต่จะด้วยแบกความกดดันมากเกินไป หรือว่าเป็นเป้าโดนอัดของฝ่ายตรงข้าม ผลงานที่ออกมากับผลการแข่งขันที่ทีมเก็บได้แค่หนึ่งคะแนนจาก สวิตเซอร์แลนด์ ต้องบอกว่าน่าผิดหวัง
มองในแง่ดีคิดซะว่าสภาพร่างกายในเกมเปิดสนามยังไม่ถือว่าเข้าที่เข้าทางละกัน น่าจะพอเป็นข้อแก้ตัวทีดีที่สุดสำหรับหัวหอกเบอร์หนึ่งแดนกาแฟ
แต่ถ้าเกมที่สองกับ คอสตาริก้า วันศุกร์นี้ยังเล่นไม่ออกและจนถึงขั้นทีมคว้าชัยไม่ได้ ก็อาจจะต้องโบกมือลา บราซิล หนึ่งในเต็งแชมป์เหมือนกัน
ลิโอเนล เมสซี่
ทีมชาติอาร์เจนติน่า
อันดับหนึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากนักเตะที่หลายคนยกให้เป็นสุดยอดแข้งเบอร์หนึ่งของโลกยุคปัจจุบันอย่าง ลิโอเนล เมสซี่
กัปตันทีมชาติอาร์เจนติน่ามาพร้อมกับความหวังอย่างสูงที่จะพาทีมคว้าแชมป์โลกให้ได้หลังจากที่สี่ปีก่อนเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศแต่พ่ายให้กับ เยอรมัน ไปอย่างน่าเจ็บใจ
ดาวเตะจากบาร์เซโลน่าที่ยังไม่เคยประสบความสำเร็จในการพาทีมคว้าทีมชาติชุดใหญ่คว้าแชมป์อะไรเลย หวังว่าจะทำสำเร็จได้ ถึงขนาดที่เคยออกมาบอกว่าพร้อมจะแลกรางวัลบัลลง ดอร์ที่ได้มากับแชมป์รายการเมเจอร์ในทีมชาติเลย
ทว่าแค่เกมแรกก็แทบหงาบหลังเมื่อทำได้แค่เสมอกับ ไอซ์แลนด์ 1-1 ทั้งที่เหนือกว่าทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทีมได้จุดโทษ และก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เมสซี่ นี่เองที่ยิงไม่เข้าทำให้ทีมเก็บได้แค่คะแนนเดียวจากเกมเปิดสนาม
ยังไม่รวมถึงผลงานส่วนตัวที่เล่นแทบไม่ออก ต่างจากการเล่นกับสโมสรอย่างสิ้นเชิง
หากสุดท้าย อาร์เจนติน่า ไปไม่ถึงฝั่งฝัน หรือกระทั่งร่วงตกรอบแบ่งกลุ่มไป คงไม่แปลกหากเห้นข่าว ลิโอเนล เมสซี่ ออกมาประกาศอำลาการเล่นทีมชาติ
