:::     :::

เมนู (ไม่) เด็ดของ "ซามเปาลี"

วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน 2561 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
2,961
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
อาร์เจนติน่า มาฟุตบอลโลกครั้งนี้ในฐานะทีมเต็งแชมป์ แต่ตอนนี้พวกเขาเสี่ยงเหลือเกินต่อการตกรอบแรก


เกมฟุตบอลมันก็มีสูตรสำเร็จคล้ายกับอาหาร ปรุงรสดีๆ ก็อร่อยแต่ถ้าปรับเปลี่ยนบ่อยๆ ความอร่อยก็หายไป ไม่คุ้นลิ้นเหมือนเคยจนในที่สุดก็ไม่มีคนอยากจะกิน


จั่วหัวมาขนาดนี้ ไม่ได้มารีวิวอาหารจานเด็ดที่ไหนแค่อยากจะบอกให้ทราบกันว่า ‘อาร์เจนติน่า’ เริ่มไม่น่าเชียร์เสียแล้ว เพราะจากสองนัดที่ผ่านมาทำให้รู้ว่า "รสชาติ" ของพวกเขาไม่อร่อยเสียแล้ว


‘ฮอร์เก้ ซามเปาลี’ เฮดโค้ชทัพฟ้าขาวชุดฟุตบอลโลก 2018 ก็เหมือนเชฟกระทะเหล็กที่พยายามปรุงแต่งรสชาติ คัดสรรวัตถุดิบเพื่อให้อาหารออกมาดีที่สุด โดยมีเคล็ดลับจานเด็ดอยู่ที่ ‘ลีโอเนล เมสซี่’ ที่เสมือนเครื่องชูรสให้กลมกล่อม


อร่อยไม่อร่อยก็อยู่ตรงนี้


แต่เหมือนว่าส่วนผสมอื่นๆ จะไม่เข้ากัน ทำให้อาร์เจนติน่าพังพ่ายเละเทะ





หากย้อนกลับไปในแมตช์แรกที่พบกับไอซ์แลนด์ ซามเปาลีใช้สูตรการเล่น 4-4-1-1 มีการใช้แนวรับถึงสี่คนนั่นทำให้เห็นว่าทีมต้องการเกมที่รัดกุมจึงผนึก ‘นิโคลัส โอตาเมนดี้’ เข้ากับ ‘มาร์กอส โรโฮ’ วาง ‘เอลดูอาร์โด้ ซัลวิโอ้’ และ ‘นิโคลัส ทาเกลียฟิโก้’ เป็นวิงแบ็คขวาซ้ายตามลำดับ เกมแดนกลางปล่อยให้ ‘อังเกล ดิมาเรีย’ เดินเกมร่วมกับ ‘มักซิมิเลียโน่ เมซ่า’ โดยที่ ‘ฮาเวียร์ มาสเคราโน่’ และ ‘ลูคัส บิเกีย’ เป็นตัวเชื่อมจากหลังไปหน้าให้สองตัวรุกอย่าง ‘เมสซี่’ และ ‘กุน อเกวโร่’ คอยล่าประตู


แล้วก็อย่างที่เห็นผลจบด้วยสกอร์ 1-1 


สูตรนี้ไม่เวิร์ก รสชาติไม่ถึงกับแย่แต่ยังไม่ดีพอ ในเกมนัดที่สองซามเปารีจึงต้องปรับปรุงสูตรขึ้นใหม่บวกกับเปลี่ยนส่วนผสมเล็กน้อย โดยที่เจ้าตัวอาจคิดมันดี มันใช่และน่ากินจึงหันมาใช้ระบบ 3-4-3 มีการเปลี่ยนผู้เล่นในหลายตำแหน่งวิงแบ็คฝั่งซ้ายเลือกใช้ ‘มาร์กอส อากุนญ่า’ แล้วโยก ทาเกียฟิโก้ ไปยืนเซนเตอร์แบ็คเป็นตัวที่สามและดรอปโรโฮไปเป็นตัวสำรอง


แผงกองกลางซามเปารีเลือกใช้ ‘เอ็นโซ เปเรซ’ ลงทำหน้าที่สลับกับบิเกียแนวรุกยังคงเป็นเมสซี่และกุนเป็นแกนหลัก โดยที่ขยับเมซ่าขึ้นมาทำเกมร่วมกันกลายเป็นสามประสานที่ดูเหมือนจะน่ากลัวแต่สภาพความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เลย





สุดท้ายก็แพ้แถมโดยถลุงถึง 3 เม็ด!


อะไรที่ทำให้อาร์เจนติน่าทำผลงานได้ย่ำแย่เหลือเกิน 


ลองมาคิดย้อนดูมีอยู่สองสามปัจจัยหลักๆ แต่หนักเอาเรื่อง เริ่มจากความผิดพลาด ชนิดที่เรียกได้ว่า "เหวอ" ของผู้รักษาประตู ‘วิลลี่ กาบาเยโร่’ ออกบอลในจังหวะที่มีผู้เล่นของโครเอเชียวิ่งบีบพื้นที่เข้ามาในระยะเกือบจะประชิด หากพี่เขาไม่โชว์เหนือเปลี่ยนจากชิบบอลย้อยๆ เป็นสาดโด่งไปแดนหน้า ‘อันเต เรบิช’ กองหน้าตราหมากรุกก็คงไม่ตะบันเต็มข้อเข้าประตูไปอย่างสวยงามแบบนั้นแน่ๆ


และอีกหลายจังหวะที่กาบาเยโร่ออกบอลให้เพื่อนเล่นยากมันแสดงให้เห็นว่าผู้รักษาประตูมาตรฐานยังต่ำเกินไป


ต่อมาเป็นกองกลางทั้งแผงของฟ้าขาวที่แทบจะทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากส่งบอลไปมา มีบ้างบางจังหวะที่แทงตามช่องให้อเกวโร่สอดเข้าไปทำประตูกับอีกจังหวะที่เล่นชิง 1-2 ให้ ‘กอนซาโร่ อิกัวอิน’ ตัวสำรองหลุดถึงเส้นหลังก่อนปาดเข้ามาหน้าประตูให้เมสซี่เข้าชาร์จ นอกนั้นอะไรก็ติดขัดไปเสียหมดแม้แต่ลูกครอสด้านข้างก็โยนทิ้งโยนคว้าเสียอย่างนั้น


และในเกมนี้ตัวทีเด็ดรสเผ็ดอย่างเมสซี่ก็ยังได้บอลน้อยเกินไป เกมของอาร์เจนติน่าเน้นรุกทางกราบซ้ายเสียเป็นส่วนใหญ่ทำให้บอลไปไม่ถึงเมสซี่ แม้ว่าเจ้าตัวจะพยายามขยับตัวเองเข้ามายืนเป็นตัวกลางเพื่อลำเลียงบอลไปในกรอบเขตโทษและอีกหลายครั้งที่พยายามทำชิ่งกับเพื่อนร่วมทีมแต่เหมือนว่าความเข้าอกเข้าใจยังไม่ตรงกัน


ผิดกับทางฝั่งโครเอเชีย ‘ลูก้า โมดริช’ และ ‘อีวาน ราคิติช’ สองมิดฟิลด์โครแอตสร้างสรรค์เกมได้ดีกว่าเยอะ





แต่ที่ "ขัดใจ"-เป็นที่สุดคือการจัดทัพลงเล่นในเกมนัดนี้ แนวรุกตัวจัดอย่าง ‘เปาโล ดิบาล่า’ ‘คริสเตียน ปาวอน’ ที่พิสูจน์ผลงานให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาแฟนบอลทั่วโลกกลับถูกดรอปให้เป็นสำรองทั้งๆ ที่ทีมต้องการสามแต้มแรกของทัวร์นาเม้นต์มันต้องเติมเกมรุกให้สุดเพื่อทำประตู แต่ซามเปารีเลือกที่จะไม่ทำ หากเป็นจากเมซ่าเป็นดิบาล่าหรือปาวอนก็อาจจะทะลุทะลวงแนวรับโครเอเชียเข้าไปในกรอบเขตโทษเพื่อลุ้นทำประตูได้มากกว่าที่เป็น


นี่ยังไม่นับการเปลี่ยนอเกวโร่ออกในนาทีที่ 55 ทั้งที่ทีมตามหลังอยู่แท้ๆ แต่กลับเปลี่ยนนักเตะที่พักบอลได้ เก็บบอลดี เซนต์บอลทันเมสซี่ออกไปหน้าตาเฉยแล้วส่งอิกัวอินลงมาในตำแหน่งเดียวกันเป๊ะ หากในสนามมีทั้งสามคนที่ว่าเล่นร่วมกันรูปเกมอาจไม่ออกมาเป็นแบบนี้


นั่นแหละครับ อาหารที่จะอร่อยต้องประกอบไปด้วยส่วนผสมที่ลงตัว หวานไป เผ็ดไปก็ไม่ดีจริงมั้ย


เกมนัดสุดท้ายที่จะพบกับไนจีเรีย หากเชฟซามเปาลียังหาสูตรที่ลงตัวไม่ได้


อาหารที่มีชื่อว่า อาเจนฯ เตรียมถูกเขี่ยออกจากมื้อค่ำนาม "เวิล์ดคัพ" ได้เลย


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด