เยอรมันนี ต้องชนะสวีเดนในค่ำคืนนี้ให้ได้เท่านั้น หากยังหวังจะผ่านเข้าสู่รอบต่อไปของศึกฟุตบอลโลก 2018 นี่คืองานที่พวกเขาจะพลาดอีกไม่ได้
เปิดหัวได้ไม่ดีนักสำหรับแชมป์เก่าอย่าง “อินทรีเหล็ก” เยอรมันนี เมื่อประเดิมสนามนัดแรกในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้ายด้วยการพ่ายแพ้ให้กับ “จังโก้” เม็กซิโก ด้วยสกอร์ 0-1
ชนิดที่ช็อคไปทั้งโลกพร้อมกับหักปากกาเซียนไปหลายด้าม!
เพราะก่อนลงฟาดแข่งทัพเยอรมันฯ เป็นต่ออยู่หลายขุมทั้งในเรื่องตัวผู้เล่นที่มีนักเตะระดับเวิล์ดคลาสอยู่หลายต่อหลายคน ประสบการณ์การลงเล่นหรือแม้แต่กึ๋นของกุนซือ เมื่อมองดูแล้วยังไงๆ เยอรมันฯ ก็เหนือกว่าทุกขุมกำลัง
แต่สำหรับแมตช์นี้มันไม่ใช่!
ก่อนหน้าที่ทั้งสองทีมพบกันเป็นทัพอินทรีเหล็กกดเม็กซิโก้ได้อยู่หมัด 5 นัดที่พบกันเยอรมันฯ ไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับเม็กซิโกเลยแม้แต่ครั้งเดียว (ชนะ 3 เสมอ 2) แถมยังกระทุ้งได้มากถึง 10 ประตู โดยการพบกันล่าสุดในศึกคอนเฟดเดอร์เรชั่น คัพก็เป็นเยอรมันฯ ที่เก็บชัยด้วยสกอร์ 4-1
เมื่อพิจารณาตามสถิติ เยอรมันนีลูบปากทุกทีที่เจอเม็กซิโก
แต่เกิดอะไรขึ้นกับเกมนี้ ?
ผู้เล่นที่ ‘โยอาคิม เลิฟ’ เฮดโค้ชของเยอรมันฯ ส่งลงสนามล้วนแต่เป็นนักเตะที่มีประสบการณ์สูงทั้งสิ้น เคยผ่านแมตช์ใหญ่ๆ มานักต่อนัก ไม่ว่าจะเป็น ‘มานูเอล นอยเออร์’ ‘แม็ต ฮุมเมิลล์’ ‘เมซุต โอซิล’ ‘โทนี่ โครส’ ‘โทมัส มุลเลอร์’ เอ่ยชื่อมาแค่นี้แฟนบอลก็อุ่นใจได้แล้ว ยิ่งผสมผสานกับผู้เล่นคนอื่นยิ่งทำให้ขุมกำลัง 11 คนแรกของเยอรมันฯ แกร่งทั่วแผ่นจริงๆ
“3 แต้มมีแน่แต่จะยิงได้กี่ประตูเท่านั้นเอง” นี่คือความคิดเห็นจากเซียนหลายสำนักก่อนที่กรรมการจะเป่านกหวีดเริ่มเกม
และแล้วเกมก็เริ่มขึ้น เป็นไปตามคาดช่วง 10 นาทีแรกนักเตะเยอรมันนีพยายามกดดันใส่เม็กซิโก้อย่างหนักหวังทำประตูขึ้นนำให้เร็วที่สุดหลายจังหวะในช่วงต้นที่ ‘กิลเยอร์โม โอชัว’ นายด่านของทีมชาติเม็กซิโก้ต้องออกแรงเซฟและก็ทำได้ดีทีเดียวในการรับมือลูกยิงที่พุ่งตรงเข้ากรอบ
เมื่อเยอรมันฯ ทำไม่ได้จึงโดนทัพจังโก้ลงโทษ โดยเคาร์เตอร์แอทแทค ชนิดที่แฟนบอลเยอรมันฯ เงียบกริบทั้งสนาม จากจังหวะ‘ชิชาริโต้ เฮอร์นานเดช’ ผ่านบอลให้ ‘เออร์วิง โลซาโน่’ ดาวรุ่งวัย 22 ปีซัดบอลผ่านมือผู้รักษาประตูที่ขึ้นชื่อว่าเหนียวหนึบคนหนึ่งของโลกอย่าง "นอยเออร์" เข้าไปซุกอยู่ก้นตาข่าย
และนั่นก็เป็นประตูโทนที่ส่งให้ทัพจังโก้เก็บสามแต้มแรกได้สำเร็จแถมยังเป็นการเก็บแต้มจากแชมป์เก่าเสียด้วย
อะไรที่ทำให้เม็กซิโก้ทำผลงานได้ดีขนาดนี้
ข้อแรกของชื่นชมในกึ๋นของ ‘ฆวน คาร์ลอง โอโซริโอ้’ กุนซือทัพจังโก้ที่วางหมากเกมรับได้อย่างรัดกุม แผงแนวรับทำผลงานได้ตามเป้าประกบผู้เล่นเยอรมันนีได้อยู่หมัด ทั้ง ‘ทีโม แวร์เนอร์’ ‘โทมัส มุลเลอร์’ หรือแม้แต่ ‘จูเลี่ยน แดร็กเลอร์’ สามประสานแนวรุกทัพอินทรีเหล็กทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ติดๆ ขัดๆ ไปเสียหมด และไม่ใช่แค่เกมรับดี เหนียว แน่น หนึบเท่านั้น จังหวะสวนกลับก็ทำได้ไม่เลว รุกเร็ว ทำเร็ว และทุกครั้งที่ทำเกมขึ้นมาเม็กซิโก้จบด้วยการยิงประตู
เข้าไม่เข้านั้นอีกเรื่อง ขอให้ได้จบไว้ก่อน อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ได้ง้างเท้ายิงประตู
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ทัพจังโก้คว่ำแชมป์เก่าลงได้นั่นคือ ขุมกำลังชุดตะลุยบอลโลกหนนี้เต็มไปด้วยนักเตะที่มีพลังงานเหลือล้น แดนกลางของเม็กซิโก้วิ่งไล่ต้อนนักเตะเยอรมันนีทุกจังหวะ โทนี่ โครส เคดิร่า โอซิล ไม่สามารถสร้างสรรค์ได้ถนัดถนี่ และดูเหมือนว่าจะเชื่องช้ากว่านักเตะของเม็กซิโก้ด้วยซ้ำไป
นักเตะอย่าง ‘คาร์ลอส เวล่า’ ‘มิเกล ลายุน’ ‘เออร์วิง โลซาโน่’ ร่วมกันทำผลงานได้ดีในเกมสวนกลับ ขณะที่กับเกมรับมีสองปราการสุดแกร่ง ‘เฮคเตอร์ โมเรโน’ ‘คาร์ลอส ซัลเซโด้’ ผนึกกำลังสกัดเกมบุกของเยอรมันนีได้อยู่หมัด
ไหนจะมี ‘ราฟาเอล มาเกวซ’ เซนเตอร์แบ็คตัวเก๋าที่ถูกส่งมาคุมแนวรับในช่วงท้ายเกมยิ่งทำให้แผงหลังยิ่งแน่นปึ้กเข้าไปใหญ่ทำให้เยอรมันนีบุกเจาะไม่เข้า ทำอะไรก็ไม่ได้และแพ้ไปในที่สุด
ความพ่ายแพ้ในเกมแรก ถือว่า งานเข้าเสียแล้วสำหรับแชมป์เก่า
หลายคนเริ่มวิจารณ์ว่า โยอาคิม เลิฟ อาจจะคิดผิดที่ไม่พาเจ้าหนู ‘เลอร์รอย ซาเน่’ ปีกตัวจี๋ดมาร่วมทีม เพราะจังหวะกระชากลากเลื้อยด้วยความเร็ว เลี้ยงจี้เข้าหาประตู และอย่างที่เห็นๆ กันการจบสกอร์เจ้าตัวก็ทำได้ แดนกลางแทงบอลแม่นๆ ให้ซาเน่ใช้ความเร็วเล่นงานแผงหลังฝั่งตรงข้าม ไม่แน่แผนนี้อาจจะเข้าท่าก็ได้
อีกประเด็นสำคัญ คือ เลิฟต้องจัดการยืนตำแหน่งของเกมรับเสียใหม่โดยเฉพาะฝั่งขวา ‘โจชัว คิมมิช’
แม้ว่าเจ้าตัวจะเติมเกมรุกได้มันเหลือเกิน หลายต่อหลายครั้งที่เข้าไปปั่นป่วนในกรอบเขตโทษของเม็กซิโก แต่กับเกมรับเจ้าตัวปล่อยให้หลุดตำแหน่งกลายเป็นโอซิลที่ต้องมาคอยประคองไว้ตลอด
นัดต่อไปของเยอรมันจะพบกับทีมชาติสวีเดนในคืนนี้ แม้ว่าจะเป็นต่อแต่อย่าลืมว่าทัพไวกิ้งมีนักเตะสปีดสูงอย่าง ‘เอมิล ฟอร์สเบิร์ก’ กองหน้าจากไลป์ซิกที่พอจะเข้าอกเข้าใจสไตล์การเล่นของเยอรมันเป็นอย่างดี
และเกมที่แพ้ให้กับเม็กซิโกเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับสวีเดนในการนำรูปแบบการเข้าทำไปใช้เล่นงานแผงหลังทัพอินทรีเหล็ก หากคิมมิชยังลอยขึ้นสูงและปล่อยให้ตำแหน่งตัวเองว่าง เปิดช่องให้คู่แข่งเจาะทะลวงอย่างต่อเนื่อง
น่าคิดเหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากปีนี้อินทรีบินได้ไม่ไกล ตกรอบแรกตามอาถรรพ์แชมป์เก่า
ตอนนี้ต้องติดตามกันว่า แชมป์เก่าจะมีดีพอที่จะได้ไปต่ออีกหรือไม่ เลิฟต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อทำให้เยอรมันกลับมาเก็บชัยให้ได้
หากยังแก้ไม่ตก คืนนี้ "อินทรีเหล็ก" ก็เตรียมโบกมือบ๊ายบายฟุตบอลโลกหนนี้ พร้อมกางปีกกลับบ้านได้เลย!