:::     :::

ไม่คู่ควรอีกต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน 2561 คอลัมน์ เด็กเก็บบอล โดย ยักษ์เดนส์
11,331
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หากจะบอกว่าทีมไหนทำผลงานได้ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ออกสตาร์ทฟุตบอลฉบับรัสเซีย ทุกเสียงต้องชี้เป้าไปที่อาร์เจนติน่าอย่างแน่นอน
         ท่ามกลางเสียงวิจารณ์จากฟอร์มการเล่นที่แสนจะห่วยแตก ช่วงพระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรกแบบนี้ ดูเหมือนว่าอะไรดูจะไม่เป็นใจให้กับทัพ "ฟ้า-ขาว" เลยนอกจากมีโอกาสเข้ารอบจากเกมสุดท้ายที่ต้องเอาชนะ ไนจีเรีย ให้ได้ แล้วก็ต้องลุ้นผลอีกคู่ในขณะเดียวกัน
         ไม่ว่าจะทำอะไรในช่วงนี้ก็ดูขัดหูขัดตาไปหมด, ฮอร์เก้ ซามปาโอลี นายใหญ่ของทีมโดนกระซวกแบบไม่มีชิ้นดี ตั้งแต่การเลือกนักเตะมาติดทีมจนถึงแท็คติคและแผนการเล่น
         หรือจะเป็น ลิโอเนล เมสซี่ ที่เล่นไม่ออกก็โดนวิจารณ์อย่างหนักหน่วงถึงฟอร์มการเล่นที่เทียบไม่ได้กับการเล่นกับต้นสังกัดอย่าง บาร์เซโลน่า 
         แน่นอนล่ะว่าเมื่อผลงานแย่ทุกอย่างก็พร้อมจะโดนขุดขึ้นมาถล่มอย่างช่วยไม่ได้
         ความหวังในการคว้าแชมป์รายการเมเจอร์ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1993 (โกปา อเมริกา) ดูแล้วอาจจะยังต้องร้องเพลงรอต่อไปอีก
         และสิ่งที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงคงหนีไม่พ้นบรรดาสตาร์ของทีมที่ต้องโดนหางเลข โดยเฉพาะผลงานที่ไม่เอาอ่าว นั่นคือใครไม่สมควรที่จะได้ติดทีมชาติอีกต่อไป
         งานนี้ "แพะ" ที่โดนโจมตีใครกันบ้างไปดูกัน
เอดูอาร์โด้ ซัลวิโอ
ตำแหน่ง : ปีก
                       
         ตำแหน่งไหนคือพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับ เอดูอาร์โด้ ซัลวิโอ? ปีก, วิงแบ็ค, ตัวรุกหรืออะไรกันแน่ นี่คือคำถามที่ ฮอร์เก้ ซามปาโอลี โดนโยนใส่กับการเรียกนักเตะรายนี้มาติดทีม
         นั่นคือคำถามที่บรรดาแฟนบอลอาร์เจนติน่าสงสัยใคร่รู้ว่าการเรียกตัวดาวเตะจาก เบนฟิก้า รายนี้มาติดทีมมีประโยชน์กับทีมตรจุดไหน
         อดีตแข้งของ แอตเลติโก มาดริด ก่อนโดนปล่อยออกจากทีมเมื่อปี 2012 ไปเล่นในโปรตุเกส ดูจะยังไม่มีใครรู้ว่าอะไรคือจุดแข็งของเขา
         จากสองเกมที่ผ่าน นัดแรกกับ ไอซ์แลนด์ เล่นเต็ม 90 นาที กับนัดที่สองโดนเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 56 ของเกม ผลงานที่ออกมาต้องบอกว่า "น่าผิดหวัง"
         บอกได้เลยว่าแค่สภาพร่างกายฟิตไม่ใช่เหตุผลกับการลงเล่นให้ทีมชาติอย่าง อาร์เจนติน่า ที่มีเป้าหมายรอบก่อนรองชนะเลิศเป็นอย่างต่ำเท่านั้น
นิโกลัส โอตาเมนดี้
ตำแหน่ง : กองหลัง
                       
         ไม่ปฏิเสธว่าความสำเร็จในฤดูกาลนี้ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีชื่อของ นิโกลัส โอตาเมนดี้ เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งยวด
         กับการยืนปราการหลังอย่างแข็งแกร่งให้กับทัพเรือใบคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกพร้อมทำลายสถิติอะไรมากมายดูเป็นอะไรที่สมเหตุสมผลกับการที่จะเป็นหนึ่งในขุนพลทีมชาติอาร์เจนติน่า และต้องเป็นตัวหลักด้วย
         แต่ถ้ามองกับในความเป็นจริงของระยะยาวและจากช่วงที่ผ่านมากับซิตี้ ไม่ใช่แค่ในฤดูกาลที่ผ่านมาเท่านั้น ต้องบอกว่า ปราการหลังวัย 30 ปีมักจะมีลูกเหวออยู่บ่อยครั้งเหมือนกัน
         ย้อนกลับไปที่เกมอุ่นเครื่องที่ อาร์เจนติน่า โดนทัพ สเปน ไล่ถล่มยับเยิน 1-6 เมื่อเดือนมีนาคม ก็ถือเป็นสัญญาณบ่งบอกอยู่แล้ว แต่สุดท้าย ฮอร์เก้ ซามปาโอลี ก็ไม่เปลี่ยนใจ
         โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมเปิดสนามกับ ไอซ์แลนด์, โอตาเมนดี้ เป็นนักเตะที่ได้คะแนนการเล่นต่ำที่สุด ตอกย้ำความย่ำแย่ของเขาได้เป็นอย่างดี
         มาถึงเกมกับ โครเอเชีย ความล้มเหลวในการทำหน้าที่ การยืนตำแหน่ง และ 2 ใน 3 ประตูที่เสียเขาควรต้องรับผิดชอบ ไม่รวมจังหวะอัด อีวาน ราคิคิช ที่สมควรโดนใบแดงด้วย
         ด้วยวัย 30 ปี คงถึงเวลาที่ "ฟ้า-ขาว" คงต้องกล่าวขอบคุณและบอกลาการทำหน้าที่ของกองหลังรายนี้ได้แล้ว
เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" 
ตำแหน่ง : กองหน้า
                       
         อาจจะเป็นอะไรที่ยากเกินไปสักหน่อยกับการที่ต้องบอกว่า เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน"  ไม่ควรติดทีมชัดนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาคือหนึ่งในนักเตะที่ผลงานน่าผิดหวังที่สุด
         ปัญหาก็คือ "ความคาดหวัง" กับผลงานที่ยอดเยี่ยมเสมอมา พร้อมทั้งความสำเร็จในทีมชิาตกับแชมป์โลกยู-20 ปี 2005 และ 2007 รวมถึงเหรียญทองโอลิมปิกในปี 2008 ด้วย
         "เอล กุน" ถือเป็นหนึ่งในปรากฎการณ์ของวงการลูกหนังอาร์เจนติน่านับตั้งแต่เติบโตขึ้นมากับ อินเดเปนเดียนเต้ ในบ้านเกิด ก่อนมาเล่นในสเปนกับ แอตเลติโก มาดริด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปัจจุบันกับผลงาน 323 ประตูจาก 582 ลูกในการเล่นกับสโมสร
         ยิ่งจำนานประตู 38 ประตูจาก 87 เกมกับทีมชาติ ฟังดูเหมือนว่าสถิตินี่แหละเป็นตัวบ่งชี้ชั้นยอดว่าเขาคือคนที่จะนำพาทีมไปสู่ความสำเร็จได้ แต่นั่นก็คือฉากหน้าเท่านั้น เพราะ กุน ยังไม่เคยพาทีมประสบความสำเร็จในรายการเมเจอร์เลย
         เพราะถ้ามองให้ลึกลงไป 20 ประตูที่ทำได้มาจากเกมกระชับมิตร มันอาจจะเพิ่มจำนวนประตูให้ได้แต่ก็ต้องบอกว่า "ไร้ค่า" ขณะที่การลงเล่ยในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเขายิงได้แค่ลูกเดียวเท่านั้นจาก 10 เกม
         "ท่าดีทีเหลว" อาจจะเป็นคำพูดที่ใช้ได้ดีกับดาวยิงรายนี้ในการรับใช้ชาติ
อังเคล ดิ มาเรีย
ตำแหน่ง : กองกลาง
                       
        หนึ่งในขุนพลชุด "โกลเด้น เจเนเรชั่น" ชุดเดียวกับ เซร์คิโอ อเกวโร่ ที่ได้รับการคาดหมายว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นจุนพลที่นำพาทีมชาติสู่คามยิ่งใหญ่
         จาก โรซาริโอ เซนทรัล มาถึง เบนฟิก้า ก่อนจะก้างขึ้นมาเป้นนักเตะระดับโลกเต็มตัวกับการโยกไปเล่นในสเปนกับยอดทีมอย่าง เรอัล มาดริด กระทั่งเซ้งต่อมาที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวสูงถึง 59.7 ล้านปอนด์
         แต่ถามว่าหนสุดท้ายที่ อังเคล ดิ มาเรีย ยิงประตูในนามทีมชาติเกิดขึ้นเมื่อไหร่?
         ต้องย้อนไปในเกมกับชับมิตรเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้วในเกมกับสิงคโปร์ ส่วนในฟุตบอลโลกก็คือเมื่อปี 2014 ในเกมกับ สวิตเซอร์แลนด์ รอบ 16 ทีมสุดท้าย
         ความตกต่ำของฟอร์มการเล่นของสตาร์รายนี้เริ่มจะออกลายกับการเล่นที่อังกฤษเมื่อค้าแข้งในเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้นก่อนโดน "ปีศาจแดง" ปล่อยตัวให้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 
         จริงอยู่ว่าที่ลีก เอิง เขาจะโชว์ผลงานยอดเยี่ยมแต่แฟนบอลไม่น้อยยังปรามาสว่าในฝรั่งเศส "เปแอสเช" เหนือกว่าทีมอื่นแบบไม่เห็นฝุ่นจึงไม่อาจที่จะบอกได้ว่าเขาอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยมรึเปล่า
           ผลงานในเกมกับ ไอซ์แลนด์ ต้องบอกว่าย่ำแย่ไม่อาจสร้างสรรค์เกมได้อย่างที่ถูกฝากความหวัง จนไม่น่าแปลกใจที่เกมกับ โครเอเชีย จะไม่ได้ลงเล่นแม้กระทั่งในฐานะตัวสำรอง
ลิโอเนล เมสซี่
ตำแหน่ง : กองหน้า
                       
         หนึ่งในนักเตะที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดตลอดกาลของทีมชาติอาร์เจนติน่าเป็นรองเพียง ดีเอโก้ มาราโดน่า พร้อมกับความคาดหวังอย่างใหญ่หลวงในทุกทัวร์นาเม้นต์ที่ลงแข่ง
         แม้รางวัลส่วนตัวจะมากมายก่ายกอง แต่กับทีมชาติชุดใหญ่ต้องบอกว่าโทรฟี่เป็น "ศูนย์" 
         จากแชมป์โลกชุดยู-20 ตามด้วยเหรียญทองโอลิมปิก 2008, ลิโอเนล เมสซี่ ยกระดับตัวเองขึ้นมาเป็นนักเจะเบอร์ 1 ของโลกอย่างเต็มภาคภูมิกับความสำเร็จที่ไม่มีใครเทียบได้กับ บาร์เซโลน่า
         ทว่ากับทีมชาติ คำว่า "เกือบ" กับรองแชมป์โลก 2014 รวมถึงรองแชมป์โกปา อเมริกาอีกสองหน ไม่เพียงพอกับความต้องการไม่ใช่แค่กับแฟนบอลแต่กับเจ้าตัวเองถึงขั้นประกาศเลิกเล่นทีมชาติมาแล้วก่อนโดนกล่อมกลับมารับใช้ชาติอีกครั้ง
         เพียงแต่มันอาจจะเป็นการเพิ่มความช้ำใจให้เจ้าตัวมากกว่าเดิมกับความล้มเหลวที่กำลังจะเกิดขึ้นในฟุตบอลโลก 2018 เพราะนี่อาจจะเป็นทัวร์นาเม้นต์ที่ทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ที่สุดเมื่อดูจากสองเกมที่ผ่านมา
         ไม่ว่าจะผลงานส่วนตัวไม่ดี หรือว่าเพื่อนร่วมทีมไม่ดี ผลการแข่งขันที่ออกมาเป็นตัวชี้วัดอยู่แล้ว 64 ประตูในนามทีมชาติซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในเวลานี้ และอาจจะเป็นไปได้ที่ตัวเลขอาจจะหยุดอยู่แค่นี้
         ไม่ต้องแปลกใจหากสุดท้ายหลังฟุตบอลโลกที่รัสเซีย ข่าวการประกาศอำลาทีมชาติของ ลิโฮเนล เมสซี่ จะขึ้นเป็นหน้าหนึ่งของทุกสำนัก
         และคงไม่มีการกลืนน้ำลายหวนติดธงเป็นคำรบสามแน่


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด