กลายเป็นลุกลามบานปลายไปทั้งลีกอเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล จากคอมเมนต์ของประธานาธิบดีของแดนมะกัน โดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันศุกร์ (ตามเวลาท้องถิ่น) 

ผู้นำคนที่ 45 ของดินแดนเสรีภาพกล่าวขณะไปเดินสายยัง รัฐอลาบาม่า ถึงสถานการณ์ต่างๆซึ่งเกิดในโลก ทว่ามีช่วงหนึ่งมันส์ปากลามมาถึงเรื่องการไม่ยืนเคารพเพลงชาติสหรัฐฯก่อนการแข่งขัน อเมริกัน ฟุตบอล 

คำต่อคำจากท่านผู้นำคนที่ 45 ของสหรัฐฯ 

แรงส์!! บอกเลย เพราะเหมือนเอาน้ำมันไปราดใส่กองไฟที่กำลังลุกไหม้จากความคับอก คับใจของลีกมาตั้งแต่ซีซั่นก่อน 

ต้นตอของการไม่ยืนเคารพเพลงชาติ "สตาร์ สแปนเกิลด์ แบนเนอร์" เริ่มมาจาก โคลิน แคปเออร์นิค ควอเตอร์แบ็กทีม ซาน ฟรานฯ 49 เนอร์ส นั่งคุกเข่าระหว่างบรรเลงเนื่องจากต้องการประท้วงความอยุติธรรมของ สหรัฐฯ  ต่อคนผิวสี 

แรกๆก็มีไม่กี่คนที่แสดงออกเช่นนี้ ควบล้อไปกันฝ่ายเห็นต่าง ซึ่งมองว่าควรจะแยกประเด็นของ 'กีฬา' ออกจาก 'การเมือง'

โคลิน แคปเออร์นิค (ขวา) ผู้เริ่มต้นการคุกเข่าขณะบรรเลงเพลงชาติ

อย่างไรก็ตามข่าวคราวนอกสนามฟุตบอลเกี่ยวกับคนแอฟริกัน-อเมริกัน โดนเจ้าหน้าที่รัฐรังแก ยังมีให้เห็นทุกเมื่อเชื่อวัน ทำให้การประท้วงของผู้เล่น เอ็นเอฟแอล ยังคงดำเนินต่อมาถึงปี 2017 

กระทั่งมาเจอวาทกรรมในเชิงสร้างความเกลียดชังนี้อีก ทั้งลีกจึงแสดงปฏิกริยาตอบโต้กลับใส่ประธานาธิดี 

โรเจอร์ กูเดลล์ ฐานะประธาน เอ็นเอฟแอล ออกแถลงการณ์ตอบโต้ความเห็นนี้ออกมาว่า ปธน.ไม่มีความเคารพต่อลีกนี้เลย 

ยังรวมถึงเจ้าของแฟรนไชส์ต่างๆที่โกรธกับการออกมาปราศัยเรียกแขกของ ทรัมป์ หนึ่งในนั้นคือ โรเบิร์ต คราฟท์ ทีม นิว อิงแลนด์ เพทรียท์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้สนับสนุนให้นักธุรกิจอสังหารมทรัพย์จากนิวยอร์ก ก้าวมาเป็นผู้นำชาติมหาอำนาจโลก 

ทรัมป์ (กลาง) เมื่อครั้งทีม นิว อิงแลนด์ เพเทรียทส์ ของ โรเบิร์ต คราฟท์ (ขวา) เข้าทำเนียบขาว

มร.คราฟท์ กล่าวโดยรวมๆว่าเขาโครตไม่พอใจเลยที่ ทรัมป์ ไปพูดอย่างนั้นให้คนทั่วโลกได้ยิน การเมือง ควรแยกจากกีฬาอย่างเด็ดขาด พร้อมบอกให้ท่านผู้นำเรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกันเพื่อไปสู่เป้าหมายของทุกคน 

"ผู้เล่นของเรามีสำนึก, เอื้ออาทร และห่วงใยต่อชุมชนที่อยู่ และผมสนับสนุนทุกการแสดงออกซึ่งอยู่บนสันติเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น" 

หรืออีกซักตัวอย่างก็คือ ชาฮิด ข่าน เจ้าของทีม แจ็คสันวิลล์ จากัวส์ นี่ก็เป็นอีกคนที่สนับสุนเส้นทางการเมืองของ ทรัมป์ เพราะช่วงเลือกตั้งบริจาคเงินถึง 1 ล้าน เหรียญ ให้ทีมงานเอาไปจัดแคมเปญหาเสียง 

ชาฮิด ข่าน (กลาง) เจ้าของทีม แจ็คสันวิลล์ จากัวส์ ร่วมสนับสนุนลูกทีม

แต่คล้อยหลังปีนักธุรกกิจเชื้อสายปากีสถาน ขออยู่ขั้วตรงข้ามเมื่อก้าวลงมาในสนาม เวมบลี่ย์ คล้องแขนกับผู้เล่น จากัวส์ ในเกมที่มาเดินสายแข่งถึงประเทศอังกฤษ แสดงอารยขัดขืน 

การประท้วงต่อ 'คำพูดที่ก่อให้เกิดความเกลียดชัง' ยังเกิดขึ้นทั้งลีกจากแมตช์วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผู้เล่น-สตาฟฟ์ ของทีม พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส, ซีแอตเทิ่ล ซีฮอว์คส์ และ เทนเนสซี่ ไททั่นส์ ไม่ออกจากล็อคเกอร์รูมระหว่างบรรเลงเพลงชาติ 

ส่วนทีมอื่นๆก็ทั้งคล้องแขนแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน, คุกเข่ากับพื้น หรือนั่งเฉยๆบนเก้าอี้ แทนการเอามือวางบนอกซ้ายอย่างธรรมเนียมปฏิบัติ 

สามแฟรนไชส์ สตีลเลอร์ส, ซีฮอว์คส์ และ  ไททั่นส์ ไม่ออกมาเคารพเพลงชาติ

ว่ากันว่านี่คือหน้าใหม่ของประวัติศาสตร์อเมริกัน ที่วงการกีฬาแสดงออกทางการเมืองรุนแรงขนาดนี้

สำหรับท่าทีจากฝั่ง ปธน.ทรัมป์ แน่นอนไม่ยอมให้โดนจวกอยู่ข้างเดียวใช้ช่องทาง โซเชี่ยล มีเดีย ตอบโต้ผ่านเพจ เฟซบุ้ก 'อเมริกา เฟิร์ส โพลิซีส์' 

โดยเชิญชวนให้คนเลิกชมการถ่ายทอดอเมริกันฟุตบอล จนกว่าการประท้วงเพลงชาติจะหมดลงไป โดยติดแฮชแท็ก #TakeAStandNotAKnee (ยืนเคารพเพลงชาติไม่ใช่คุกเข่า) พร้อมข้อความว่า 

"มีเรื่องน่าสนใจกว่าดูพวกนักบอล เอ็นเอฟแอล ที่ไม่รักชาติ"

" เปลี่ยนไปดูอย่างอื่นที่ให้เกียรติบุรุษ - สตรี ผู้เสียสละปกป้องเสรีภาพและรักษาธงชาติอเมริกันที่ยิ่งใหญ่ให้ปลิวไสว" 

- ขอบคุณผู้เสียสละเพื่อชาติเราทุกคน -   ... เป็นข้อความท้าชนจากเพจที่มีแอดมินรับท่อน้ำเลี้ยงจาก ทรัมป์ 

แคมเปญอย่าเปิดดูเอ็นเอฟแอลให้เปลืองไฟเลย

หยิบยกหนึ่งความเห็นฝั่งนักกีฬาชื่อ เดเร็ก โวล์ฟ ผู้เล่นตำแหน่ง ดีเฟนซีฟ เอนด์ ของทีม เดนเวอร์ บรองโกส์ ที่ไม่เห็นด้วยกับการคุกเข่าประท้วงเพลงชาติ

โวล์ฟ โพสต์ความเห็นของเขาลงทวิตเตอร์ว่ายังไงก็จะยืนแสดงความเคารพระหว่างบรรเลงเพลงชาติ เพราะมันคือการให้เกียรติต่อผู้เสียสละบนสงครามที่แท้จริง 

ผู้เล่นวัย 27 กะรัต ยังให้สัมภาษณ์แสดงความเห็นเพิ่มเติมถึงจุดยืนของตัวเองว่าไม่รังเกียจหากใครจะประท้วง แต่ก็อยากให้ทำอย่างให้เกียรติทหารซึ่งเสียชีวิตด้วย 

เดเร็ก โวล์ฟ เอนด์ ของทีม บรองโกส์ ยืนยันว่าจะเคารพเพลงชาติเพื่อรำลึกถึงทหารหาญ

"ผมเติบโตมาอย่างลำบาก ส่วนตัวมันไม่มีคนขาว-คนดำ ชีวิตที่ผ่านมามีแค่ คนจน-คนรวย" 

"สังคมจะพิพากษาเสมอ ใครที่ไม่มีตังค์ก็จะโดนเหยียดหยาม เพราะพวกนี้จะอาศัยสวัสดิการรัฐเพื่อเลี้ยงปากท้อง ซึ่งตลอดทั้งชีวิตผมเนี่ยโตเพราะเงินช่วยเหลือของรัฐบาลกระทั่งโดนดราฟท์เข้าลีก" 

ตัวโจมตีควอเตอร์แบ็กซึ่งโตจากสลัมในรัฐโอไฮโอเสริมอีกว่า "คืนวันที่ถูกดราฟท์ ผมมีเงินติดตัวแค่ 7 เหรียญ ( ราว 231 บาท) แน่นอนจึงเข้าใจหัวอกของคนมาหลายแบบ คนจนจะโดนมองว่าเป็นไอ้โง่ ไร้การศึกษา ทั้งหมดโดนมาแล้ว"    

ส่วนการแสดงออกประท้วงความอยุติธรรม โวล์ฟ มองว่าขอเพียงทุกคนนั่งหันหน้ารับฟังซึ่งกันและกันทุกอย่างก็คงดีขึ้น

"แค่เปิดใจรับฟังกันบ้างก็คงทำให้สังคมมีความสุขได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นจริงได้หรือเปล่าเพราะสัจธรรมโลกคือคุณไม่มีทางทำให้ทุกคนพอใจได้หรอก" 

ดูเป็นคำสัมภาษณ์ที่ตลกร้ายมาก เพราะแม้แต่ความสุขเล็กๆยังหาไม่ได้แล้วจากสังคมสหรัฐฯเลย ....หวังว่ามันคงไม่ลามมาถึงประเทศไทบบ้านเราละกัน