แมน : สวัสดีครับเปาโค้ช เห็นว่าทางสมาคมจะส่งไปสัมมนาอะไรเมื่อไหร่ที่ประเทศอังกฤษนะครับ (การอบรมผู้ตัดสินในโครงการ PGMOL Annual Conference 2018 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29-30 มิ.ย.เวลา 09.30 น.- 17.00 น. ณ Radisson Edwardian Heathrow Hotel ประเทศอังกฤษ)

เปาโค้ช : จะเดินทางไปพรุ่งนี้ครับ (27 มิ.ย.) คือทางสมาคมผู้ตัดสินของอังกฤษเขาจะมีสัมมนาอบรมประจำปีกันภายใน แล้วก็ได้เชิญชาติต่างๆ ในเอเชียเข้าไปร่วมฟังด้วย เกี่ยวกับเรื่องนโยบายและแนวทางที่ทางอังกฤษเขาจะปฏิบัติกันต่อไป 

แมน : แล้วรายชื่อที่ได้ไปนี่ ทางสมาคมของเราเลือกเอง หรือทางอังกฤษเขาเป็นคนส่งรายชื่อมาครับ ประธานผู้ตัดสินของอังกฤษใช่เกรแฮม โพลล์ อยู่รึเปล่านะ

เปาโค้ช : อ๋อตอนนี้น่าจะเป็น ไมค์ ไรลี่ย์ นะครับ เห็นในเอกสารจดหมายที่ส่งมาระบุชื่อว่าเป็นไดเร็คเตอร์ของสมาคมผู้ตัดสิน รายชื่อน่าจะเป็นทางอังกฤษเลือกมาครับเพราะผมเห็นในจดหมายเป็นการเชิญผมแล้วก็หัวหน้าฝ่ายผู้ตัดสิน (เปาอ้อ พัณณิภา คำนึง) และ วิทยาุกรผู้ตัดสิน (ปรีชา กางรัมย์) ไปคราวนี้ก็จะได้เรียนรู้วิทยาการใหม่ๆ ที่นำมาใช้ช่วยในการตัดสิน ว่าทิศทางเป็นยังไงบ้าง เพราะในอนาคตเทคโนโลยีจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับการตัดสินฟุตบอลมากขึ้นครับ

แมน : ได้ติดตามดูฟุตบอลโลกอยู่ใช่มั้ยครับ คิดว่ามีความเป็นไปได้มากแค่ไหนที่เร็วๆ นี้ ตัวโค้ชเองหรือผู้ตัดสินไทยจะมีโอกาสได้ไปเป่าบอลโลกเหมือนสมัยก่อนที่เคยมีเปาอั๋น (ภิรมย์ อั๋นประเสริฐ) ไปฟุตบอลโลกปี 1998

อ.ภิรมย์ อั๋นประเสริฐ ผู้ตัดสินไทยที่เคยไปเป่าบอลโลก 1998 มาแล้ว

เปาโค้ช : ต้องบอกตามตรงว่าแทบไม่มีความเป็นไปได้เลยครับ เพราะก่อนจะได้ไปเป่าบอลโลก ก็ต้องเคยได้เป่าเกมระดับเอเชียนคัพก่อน แถมก่อนไปเอเชียนคัพ ก็ต้องได้เป่าในเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีกก่อน แต่ตอนนี้ของไทยเราได้เป่าแค่ระดับ เอเอฟซี คัพ เอง แล้วก็ทำคะแนนประเมินได้น้อยด้วย ดังนั้นเรื่องฟุตบอลโลกแทบยังไม่ต้องพูดถึงเลย

แมน : อ้าวทำไมถึงทำคะแนนได้น้อยล่ะครับ เป่าผิดพลาดหรืออะไรยังไง ใครเป็นคนให้คะแนนครับ

เปาโค้ช : แต่ละเกมก็จะมีผู้ประเมินผู้ตัดสินคอยประเมินผลงานอยู่ครับ อันนั้นมันก็แค่ส่วนหนึ่ง แต่หลักๆ เลยก็เพราะผู้ตัดสินไทยเรามี Trio เดียว (ผู้ตัดสินที่1 + ไลน์แมน 2 คน) แล้วบางปีผู้ช่วยผู้ตัดสินก็ทดสอบสมรรถภาพร่างกายไม่ผ่านซะอีก อย่างปีก่อนนู้นทดสอบไม่ผ่านคนนึงก็เลยเหลือแค่ 2 แล้วพอมารอบล่าสุดไม่ผ่านซะทั้ง 2 คนเลย เหลือแค่ผู้ตัดสินที่หนึ่งคนเดียว เวลาไปเป่าก็เลยต้องไปรวมทีมกับชาติอื่น อย่างในเอเอฟซีคัพ บางเกมก็จะต้องมีไลน์แมนจากพม่ามาเสริมอีกคน แต่ชาติอื่นๆ เขามีหลาย Trio เขาเลยมีโอกาสไปต่อในระดับสูงได้มากกว่าของเรา

งานผู้ตัดสินทีมเวิร์คเป็นสิ่งสำคัญ (ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลในเนื้อหาบทความ)

แมน : แล้วงานที่กกท.ตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับ ก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว (เปาโค้ชทำงานประจำเป็นเจ้าหน้าที่ของการกีฬาแห่งประเทศไทย)

เปาโค้ช : ผมลาออกมาแล้วครับ ตอนนี้ผมมาทำงานเต็มเวลาเป็นผู้ตัดสินให้กับสมาคมฟุตบอลอย่างเดียวแล้ว

แมน : อ้าว ทำไมงั้นล่ะ เพราะกกท.นี่คือเป็นงานราชการ น่าจะมั่นคงกว่าไปทำที่สมาคมซึ่งไม่รู้ว่าถ้ามีการเปลี่ยนแปลงหลังเลือกตั้งแล้วเราจะได้อยู่ต่อหรือเปล่า มันจะไม่เสี่ยงต่อความมั่นคงในอนาคตหรอครับ

เปาโค้ช : ผมมีความคิดว่าถ้าเราจะเอาจริงเอาจังในงานนี้ก็ต้องเอาเวลาไปทุ่มเทให้มันอย่างเต็มที่ ตอนผมอยู่กกท.ผมทำงานผู้ตัดสินเหมือนเป็นอาชีพเสริม แต่ตอนนี้ผมสามารถใช้เวลามาศึกษาเรื่องฟุตบอลได้อย่างเต็มที่ ได้เดินทางไปอบรม ได้ดูวิดีโอการแข่งขันหลายๆ เกม เหมือนอย่างในต่างประเทศผู้ตัดสินเขาก็ทำเป็นอาชีพ เรื่องความเสี่ยงก็ยอมรับว่าเคยคิดนะ แต่เป็นไงเป็นกันผมอยากจะเดินทางสายนี้แล้วก็ต้องเอาให้สุดครับ

แมน : ผู้ตัดสินต่างชาติผมเห็นอย่างเยอรมันเขาก็มีอาชีพหลักกันอยู่นี่นา เขาก็เป่าเป็นงานเสริมได้ เพราะอายุงานของผู้ตัดสินไม่ได้ยาวนานมาก และมีความเสี่ยงหลายอย่างนะ อย่างแต่ก่อน มาร์คุส แมร์ก ก็เป็นหมอฟันอะไรแบบนี้ 

เปาโค้ช : ใช่ครับแต่ฟุตบอลเยอรมันเขามีความเป็นอาชีพสูงมาก เห็นเขาทำงานประจำแต่เวลาทดสอบร่างกายเขาก็รักษาสภาพความฟิตของตัวเองได้ดีมาก คือมาตรฐานของประเทศเขามันสูงไปหมดทุกอย่างจริงๆ ครับ

แมน : หรืออย่างที่อังกฤษ ถึงจะเป็นผู้ตัดสินอาชีพ แต่ก็เห็นบางคนยังตัวอ้วนตุ๊ต๊ะก็มีนะ

เปาโค้ช : โหเห็นแบบนั้นเขาทดสอบร่างกายผ่านนะครับ บางทีตัดสินด้วยสายตาไม่ได้ ต้องดูที่ตัวเลขสถิติ เพราะรูปร่างเขาอาจจะเป็นแบบนั้นแต่เขาก็ฟิตนะ

ฟิล ดาวน์ ผู้ตัดสินระดับพรีเมียร์ลีก ถึงจะอ้วนแต่ว่าฟิตปั๋ง

แมน : ถามถึงเรื่องฟุตบอลโลกหน่อย โค้ชได้ดูอยู่ใช่มั้ยครับ ครั้งนี้เรียกว่าเป็นฟุตบอลโลกที่ VAR เข้ามามีผลมากๆ คิดว่า VAR ช่วยให้การทำงานของผู้ตัดสินง่ายขึ้นมั้ย และทำให้สเน่ห์ของฟุตบอลหรือความต่อเนื่องในเกมมันลดน้อยถอยลงไปมั้ย

เปาโค้ช : ครับเป็นฟุตบอลโลกที่เทคโนโลยีเข้ามีส่วนมากที่สุดเลย แต่ผมว่า VAR มันช่วยปกป้องทีมและผู้เล่นมากกว่าผู้ตัดสินนะครับ เพราะในสถานการณ์ที่เปลี่ยนจากดำเป็นขาว หรือขาวเป็นดำ คราวนี้ฝ่ายที่เสียประโยชน์อาจจะมีโอกาสเปลี่ยนคำตัดสินให้กลับมาได้ประโยชน์ได้ ถามว่าความผิดพลาดมันน้อยลงมั้ย คือต้องบอกว่าหลายๆ ครั้งแม้แต่ VAR มันก็ช่วยไม่ได้ 100% หรอก แต่ฟุตบอลโลกนี่ต้องยอมรับในเรื่องกล้องถ่ายทอดสดว่ามันมีให้ดูครบทุกมุม ซึ่งช่วยให้ผู้ตัดสินได้พิจารณาในหลายๆ มุมก่อนจะตัดสินใจ อย่างจังหวะล้ำหน้าหรือใบแดงนี่ ผู้ตัดสินไม่ได้เป็นคนขอดู VAR นะแต่เป็นทีมงาน VAR ที่แจ้งลงมา ผู้ตัดสินจะเลือกดูเองแค่จังหวะจุดโทษหรือไม่ ซึ่งความต่อเนื่องของเกมก็ลดน้อยลงไปจริงๆ เพราะต้องมาหยุดเกมเพื่อดู VAR อยู่เรื่อยๆ ครับ

แมน : ฟุตบอลโลกคราวนี้หยุดเกมบ่อยจริงๆ นะ แล้วก็มีจุดโทษเยอะมากเลย

เปาโค้ช : ใช่ครับ บางจังหวะผมว่าถ้าไม่มี VAR นี่ผู้ตัดสินแทบไม่มีทางมองทันเลย อย่างลูกยิงของ แฮร์รี่ เคน ที่บอลมาโดนส้นเท้าเข้า ถ้ามองด้วยตาเปล่ายังไงลูกนั้นก็ล้ำหน้าแน่ๆ แค่ขาข้างเดียวก้าวค้างอยู่ นี่ก็ทำให้ แฮร์รี่ เคน และ ทีมชาติอังกฤษได้ประโยชน์จากการตัดสินที่มี VAR มาช่วย หรืออย่างลูกของสเปนที่ตีเสมอ โมร็อคโค ก็เหมือนกัน (ยาโก้ อัสปาส) ถ้าไม่มี VAR ยังไงก็คงถูกตัดสินว่าล้ำหน้าก่อนแน่นอน

แมน : แล้วที่ไทยลีกนำเอา VAR มาใช้นี่ถือว่าทิศทางเป็นยังไงบ้าง ช่วยผู้ตัดสินได้เยอะมั้ย

เปาโค้ช : ของไทยเรามีข้อจำกัดในเรื่องจำนวนกล้องครับ เพราะใช้กล้องแค่ 8 ตัว บางจังหวะทีมงาน VAR ยังบอกเลยว่าไม่ต้องไปดูหรอกเพราะดูในกล้องก็เห็นไม่ชัดอยู่ดี ในบ้านเราอาจจะยังมีการอบรมหรืออธิบายเรื่องการใช้ VAR ให้สโมสรและนักเตะเข้าใจได้ไม่มากนัก เวลาเสียประโยชน์ก็เลยอยากจะขอดู VAR กันทุกจังหวะ ประมาณว่าเผื่อฟลุ๊คล่ะครับ อย่างเช่นถ้าเสียจุดโทษก็หวังว่าจะดู VAR ก่อนเผื่อรอดอะไรแบบนี้ 

แมน : ไดู้ดูเกมโปแลนด์ เจอ เซเนกัล มั้ยที่ผู้ตัดสินบาห์เรนอนุญาตให้ เอ็มบาย เนียง เข้าสนามมาแล้วปรากฎว่าวิ่งฉกบอลเข้าไปยิงประตู จังหวะนี้ผู้ตัดสินถือว่าผิดพลาดมั้ยในมุมของผู้ตัดสินด้วยกัน

เปาโค้ช : ไม่นะครับ คือตอนที่ผู้ตัดสินกวักมือให้ เนียง เข้าสนามมาบอลมันยังอยู่อีกฝั่งนึงเลย แล้วตอนนั้น (เกรเซกอร์ซ) ครายโชเวียค ก็ยังไม่ได้ส่งบอลคืนหลังด้วย ผมมองว่าเป็นความประมาทหรือไม่รอบคอบของฝั่ง โปแลนด์ เอง ที่ไม่ดูให้ทั่วก่อนว่ามีฝั่งตรงข้ามหรือเปล่ามากกว่าครับ

แมน : แล้วกรณีที่มีข่าวว่าผู้ตัดสินในเกม โมร็อคโค เจอ โปรตุเกส (มาร์ค ไกเกอร์) ไปขอเสื้อของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หลังจบเกมเพราะลูกชายอยากได้ คิดว่าเหมาะสมหรือไม่ครับ ปกติในวงการผู้ตัดสินมีใครทำอะไรแบบนี้มั้ย

เปาโค้ช : อ๋อ จริงๆ แล้วผู้ตัดสินก็คือมนุษย์คนนึง ย่อมมีสตาร์ที่ตัวเองชื่นชอบนะครับ อย่างในเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ก็มีนักเตะดังๆ ที่อยู่กับสโมสรจีน ผู้ตัดสินบางคนก็อาจจะมีไปถ่ายรูปด้วยอะไรแบบนี้ แต่ในเรื่องความเหมาะสม ทางเอเอฟซีก็มีนโยบายย้ำเตือนผู้ตัดสินอยู่แล้วว่าให้ปฏิบัติตัวเป็นแบบอย่างที่ดี มีความเป็นมืออาชีพ ต้องรู้จักรักษาความน่าเชื่อถือของตัวเองด้วย ยิ่งถ้าไปขอเสื้อให้ผู้เล่นโมร็อคโคเห็นด้วย ก็ยิ่งเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมเลยครับ เพราะอาจจะถูกมองว่าเป็นการเทคไซด์ได้

มาร์ค ไกเกอร์ ผู้ตัดสินชาวสหรัฐฯ ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเอฟซีโรนัลโด้

แมน : คือจากข่าวที่ออกมา เจ้า นอร์ดิน อัมราบัต แบ็กขวาของโมร็อคโค ไปได้ยิน เปเป้ พูดว่าผู้ตัดสินไปขอเสื้อโรนัลโด้ให้ลูกชาย ก็เลยเอามาพูดกับสื่อน่ะ อืมถามถึงเรื่องที่มีการออกมาเปิดโปงขบวนการล็อคผลบอลหน่อย คือพอออกมาเปิดโปงแบบนี้ ทำให้กลุ่มผู้ตัดสินมีความรู้สึกหวาดระแวงกันเองบ้างมั้ย 

เปาโค้ช : ไม่นะครับ ผมว่ากลับดีซะอีกเพราะคนที่คิดจะทำ หรืออาจมีพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงแค่การพูดเล่นๆกันเอง ก็ต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น ผมมองว่าจรรยาบรรณของการเป็นผู้ตัดสินอาชีพความผิดพลาดถ้าเกิดจากความตั้งใจมันเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้เลย

แมน : ที่ว่าพูดเล่นๆ นี่คือยังไงครับ

เปาโค้ช : ก็อย่างผมเองเนี่ย มีคนแซวๆ ว่าไปเป่าที่ไหนเจ้าบ้านตายหมด อย่างล่าสุดนี่ แบงค็อก ยูไนเต็ด ก็เสมอกับ ราชบุรี หรือก่อนหน้านี้ก็มีหลายๆ เกม บางทีพอจะไปตัดสินที่ไหนเจ้าบ้านก็ไม่อยากให้ผมไปเป่าให้อะไรแบบนี้ครับ (หัวเราะ) 

แมน : อ๋อผมก็นึกว่าเป็นแนวแบบ เจ้าหน้าที่สโมสรมาพูดกับผู้ตัดสินแบบทีเล่นทีจริงว่าเฮ้ยช่วยดูแลทีมพี่ด้วยนะ อะไรอย่างนี้

เปาโค้ช : อ๋อ อันนั้นผมว่าเดี๋ยวนี้ทางเจ้าหน้าที่สโมสรเองเขาก็ระมัดระวังตัวมากขึ้นเหมือนกันนะครับ เพราะต่างฝ่ายต่างก็ไม่อยากให้ถูกมองลักษณะนั้นหรอก อย่างตัวผมเองบางทีไปตัดสินบางนัด มีเจ้าหน้าที่ในสโมสรที่เราต้องไปเป่าเคยเรียนมารุ่นเดียวกัน หรือเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน ถ้าก่อนถึงวันแข่งก็พยายามไม่คุย หรือบางทีโทรศัพท์เข้ามาผมก็เลือกที่จะไม่รับ คือรู้แหละว่าอาจจะไม่ได้คุยเรื่องฟุตบอลหรอก คงแค่คุยเรื่องทั่วไปตามปกติ แต่เราก็เลือกที่จะไม่ให้เกิดช่องโหว่ที่จะมีข้อครหาตามมาได้ครับ 

แมน : ถามถึงเรื่องส่วนตัวหน่อยครับ เอาเรื่องหัวใจเลยนะ ไปคุยไปคบกับน้องแนน (ณัฐรดา ก่อสุวรรณ พิธีกรสาวทรูวิชั่นส์) ได้ยังไงตั้งแต่เมื่อไหร่หรอ

เปาโค้ช : อ๋อจริงๆ ก็ตั้งแต่ปลายปีก่อนแล้วครับ คือตอนแรกเราก็เจอกันตามสนามบ่อยนะ ช่วงแรกๆ คุยกันแต่เรื่องฟุตบอลล้วนๆ เลยครับ ก็เริ่มจากทักแชทคุยกันในเฟซบุ๊คทั่วไป ต่อมาก็เริ่มคุยกันสนิทกันมากขึ้น ผมมองว่าเราคุยกันรู้เรื่อง เป็นคนที่ทำงานในแวดวงฟุตบอลเหมือนกัน เลยเข้าใจในไลฟ์สไตล์ของกันและกันครับ

แมน : คิดจริงจังไปถึงเรื่องวางแผนแต่งงานหรือยังครับ

เปาโค้ช : ตัวผมจริงจังอยู่แล้วครับ ผมมองว่าผู้ชายเราอายุประมาณนี้ 31 ย่าง 32 ก็น่าจะกำลังเหมาะแล้ว แต่ก็ไม่ได้เร่งรีบอะไร ตอนนี้ก็กำลังดูๆ อยู่ครับ

หวานขนาดนี้แจกใบชมพูดีกว่านะเปาโค้ช (ขอบคุณรูปภาพโดย ก้านตอง)

แมน : แล้วร้านกาแฟที่เปิดมาตอนนี้เป็นไงบ้างครับ ชื่อร้านอะไรอยู่ที่ไหนนะ โฆษณากันหน่อย

เปาโค้ช : ตอนนี้ก็ไปได้เรื่อยๆ ครับ นี่เป็นธุรกิจแรกในชีวิตที่ลองทำด้วยตัวเอง พอดีเราก็พักอาศัยอยู่ที่คอนโดนี้อยู่แล้วด้วย ที่ร้านก็จะมีรุ่นน้องที่เคยชงอยู่อเมซอน มาชงให้ที่ร้าน บางวันผมก็จะอยู่ชงเองบ้าง ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นขาประจำที่อยู่ในคอนโด ผมเปิดอยู่ในคอนโดลุมพินีวิลล์ หัวหมาก ติดกับแอร์พอร์ท ลิงค์ หัวหมากเลยครับ 

แมน : โอเคครับโค้ช วันนี้ขอบคุณมากนะครับ 

เปาโค้ช : ยินดีครับพี่

ถ้าชอบก็กดไลค์ ถ้าใช่ก็กดแชร์กันด้วยนะครับ (แมน โกสินทร์ อัตตโนรักษ์)