:::     :::

โรนัลโด้ กระโจนสู่ ยูเวนตุส

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
โรนัลโด้ ถึงคราวแตกหักกับ เรอัล มาดริด จริงๆแล้ว ? และ ยูเวนตุส คือบ้านหลังต่อไปของเขา

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตกเป็นข่าวย้ายทีมอีกครั้งแล้วนะครับ ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร เพราะข่าวนี้มีให้เราติดตามอ่านกันมานานร่วม 2 ปีแล้ว กระนั้นก็ตาม หนนี้ 'นัมเบอร์โฟร์' ว่า "มันมีเค้าลางที่ไม่เหมือนเดิม" 

ทันทีที่ โปรตุเกส ตกรอบฟุตบอลโลกด้วยน้ำมือของ อุรุกวัย กระแสข่าวเรื่อง โรนัลโด้ ตีจาก เรอัล มาดริด ก็ถูกจุดขึ้นตามมาติดๆ ซึ่งถือเป็นการย้อนกลับไปยังจุดเดิม...จุดเกิดเหตุที่กรุงเคียฟ

หลังช่วย เรอัล มาดริด ไล่ถล่ม ลิเวอร์พูล ครองเจ้ายุโรปสมัยที่ 13 โรนัลโด้ ให้สัมภาษณ์ว่า "มันเป็นสิ่งสวยงามที่ได้อยู่กับ เรอัล มาดริด, ตอนนี้คือช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง และในอีกไม่กี่วันข้างหน้าผมจะให้คำตอบกับแฟนๆ ซึ่งอยู่เคียงข้างผมมาตลอด" 

'นัมเบอร์โฟร์' เชื่อว่าทุกคนคงเคยอ่านกันไปหมดแล้วสำหรับคำพูดนี้ของ โรนัลโด้

แล้วเอามาให้อ่านอีกทำไม ? 

อธิบายยังงี้ครับ มีสิ่งนึงที่ 'นัมเบอร์โฟร์' เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้ฉุกคิด ก็คือประโยคที่เราอ่านๆกันนี้ เป็นการแปลมาจากภาษาต้นฉบับอีกที 

แล้วทีนี้ หลักการแปลภาษา บางครั้งก็ไม่สามารถสื่อความหมายหรือใช้คำจากประโยคต้นฉบับแบบเป๊ะๆ เพราะการแปลมันมีหลักและศิลปะของมันอยู่เพื่อให้อ่านแล้วไม่รู้สึกขัด บางครั้งจึงต้องเกลาออกบ้าง 

จากประโยคข้างต้น มันมาจากประโยคแท้ๆในภาษาสเปน (โรนัลโด้ ให้สัมภาษณ์เป็นภาษาสเปน) ดังนี้ 

Fue muy bonito estar en el Real Madrid ,Ahora es el momento de disfrutar y en los próximos días daré una respuesta a los aficionados, que esos sí han estado siempre de mi lado"

ด้วยความรู้ภาษาสเปนที่พอมีอยู่บ้าง จุดสำคัญซึ่งเป็นจุดเล็กๆจุดเดียวที่ 'นัมเบอร์โฟร์' อยากให้สังเกตก็คือประโยคแรก (ตรงไฮไลท์สีแดงนั่นแหละครับ) โดยเฉพาะคำแรกที่ใช้ขึ้นต้น

 'Fue' (ฟวย) คำนี้หมายถึง เป็น,อยู่,คือ ในรูปอดีตของภาษาสเปน หรือ ถ้าภาษาอังกฤษก็คือคำว่า 'WAS' นั่นเอง

โรนัลโด้ เลือกใช้คำว่า 'Fue' นั่นหมายถึงว่า "มันเคยเป็น" ไม่ใช่ "มันเป็น" หรือ "กำลังเป็น" สิ่งสวยงามที่ได้อยู่กับ เรอัล มาดริด 

การที่ดาวเตะโปรตุกีสเลือกใช้คำว่า 'Fue' นั่น สามารถตีความหมายได้ว่าเขาต้องการสื่อว่าช่วงเวลาที่อยู่กับ เรอัล มาดริด นั้นมันได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว 

นี่คือจุดสังเกตแรกที่พอจะชี้ได้ว่าข่าวลือระหว่าง โรนัลโด้ กับ ยูเวนตุส ครั้งนี้ เชื่อถือได้แค่ไหน 


ต่อมาก็ว่ากันถึงเนื้อหารายละเอียดที่กำลังเป็นประเด็นร้อนอยู่ในเวลานี้ เริ่มต้นที่ว่า 'Tuttosport' สื่อดังอิตาเลี่ยนพาดหัวหน้าหนึ่งว่า "Ronaldo-Juventus, ¡ché storia!"  ภาษาอิตาลี แปลง่ายๆว่า "โรนัลโด้-จูฟ เรื่องนี้น่าสนใจยิ่งนัก !"

จากนั้นก็ตามมาเป็นพรวนทั้งสื่อสเปน สื่อโปรตุเกส ที่ว่า ยูเวนตุส สนใจอยากได้ตัว โรนัลโด้ โดยพร้อมยื่นข้อเสนอขอซื้อในราคา 100 ล้านยูโร สัญญายาวถึงปี 2022 พร้อมกับทุ่มค่าเหนื่อยให้ 30 ล้านยูโรต่อปีอย่างที่สตาร์โปรตุกีสเรียกร้องจาก เรอัล มาดริด 

ยอมรับนะครับว่า พออ่านข่าวครั้งแรกแล้วเจอว่าเป็น ยูเวนตุส นี่ 'นัมเบอร์โฟร์' ก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่ เพราะนี่ดูเหมือนไม่ใช่สไตล์ของ ยูเว่ และคนตระกูลอันเญลลี่ที่ค่อนข้างเนี๊ยบเรื่องการเงินนัก 

แต่สื่อใหญ่อย่าง มาร์ก้า ของ สเปน และ ตุ๊ตโต้สปอร์ต ของ อิตาลี ต่างยืนยันหนักแน่นว่า 'ม้าลาย' สนใจจริง พร้อมยังลงข่าวว่า อันเดรีย อันเญลลี่ ประธานยูเวนตุสคนปัจจุบัน โทรหาพูดคุยกับ โรนัลโด้ หลายต่อหลายครั้ง

ในเนื้อข่าวบอกว่าท่านประธานม้าลายกล่าวเป็นเชิงว่าเขายกย่องและนับถือเป็นฝีเท้าของ โรนัลโด้ อย่างมาก และอยากได้ตัวเขามาช่วยให้สโมสรสมหวังกับการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก หลังจากห่างหายมาหลายปี ซึ่งตรงนี้ สื่อชี้ว่าเป็นสิ่งที่น่าจะทำให้โรนัลโด้ รู้สึกเหมือนว่าได้ Challenge ตัวเองอีกครั้ง 

ถามว่า ยูเวนตุส เอาเงินมาจากไหนเยอะแยะ ?

เอาจริงๆนะครับ ยูเว่ ไม่ได้จนเลย อย่างที่บอกไป พวกเขามีการใช้เงินที่ค่อนข้างระมัดระวังมาตลอด เลยไม่มีหนี้ นอกจากนี้ยังมีแบ็กอัพชั้นดีอย่าง  FCA (Fiat Chrysler Automobiles) ธุรกิจประจำตระกูลอันเญลลี่คอยหนุนหลังอีก ดังนั้นจึงสามารถจ่ายได้แน่ๆ ซึ่งว่ากันว่า FCA นี้อาจจะเข้ามาเป็นสปอนเซอร์ส่วนตัวของ โรนัลโด้ ด้วยอีกทาง เพื่อช่วยให้เขาโกยรายได้ถึงตามจำนวน 30 ล้านยูโรต่อปี

แต่ที่ 'นัมเบอร์โฟร์' ว่ามันดูเกินจริงไปหน่อย ก็ตรงที่มีการออกข่าวว่า ยูเว่ พร้อม เลหลัง กอนซาโล่ อิกวาอีน เพื่อเปิดทางให้ โรนัลโด้ ในราคา 60 ล้านยูโร เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่าย เนื่องจากปัจจุบัน 'เอล ปิปิต้า' คือนักเตะที่รับค่าเหนื่อยสูงสุดของทีมและสูงสุดใน กัลโช่ เซเรีย อา ที่ 7.5 ล้านยูโรต่อปี

ตรงนี้ 'นัมเบอร์โฟร์' ว่าใส่สีตีไข่แน่ๆ เพราะ ยูเว่ เพิ่งซื้อมาจาก นาโปลี ราคา 90 ล้านยูโร เมื่อปี 2016 นี้เอง เรื่องอะไรจะยอมขายขาดทุนถึง 30 ล้าน...เป็นไปได้ยาก !! 

ทั้งนี้ทั้งนั้น การซื้อ-ขาย ครั้งนี้ ตัวแปรสำคัญอีกคนนึง ก็คือ ฮอร์เก้ เมนเดส เอเยนต์คนดังซึ่งรับดูแลผลประโยชน์ให้กับ โรนัลโด้

ข่าวบอกว่า ก่อนหน้านี้ เป็นเวลาร่วม 1 ทศวรรษที่ เมนเดส มีความสัมพันธ์อันเย็นชากับ ยูเวนตุส แต่เมื่อดีลของ เชา กันเซโล่ ซึ่งเป็นนักเตะที่ เมสเดส ดูแลลุล่วงลง (เพิ่งย้ายจาก อินเตอร์ มิลาน ไป ยูเว่) ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เริ่มกลับมาดีขึ้นอีกครั้งนึง จนกระทั่งเป็นการต่อยอดพูดคุยถึงความเป็นไปได้ที่จะดึง โรนัลโด้ มาเล่นด้วย 

กล่าวง่ายๆก็คือหลังปิดดีล กันเซโล่ แล้ว เมนเดส ก็ถือโอกาสเอา โรนัลโด้ มาเสนอขายให้ซะเลย 

เรื่องนี้ นับว่ามีความเป็นไปได้ไม่น้อย เพราะมันสามารถอธิบายความแคลงใจในสมมุติฐานที่ว่า การซื้อนักเตะอย่าง โรนัลโด้ ไม่ใช่ สไตล์ของ ยูเวนตุส หากแต่เมื่อมีคนคอยประสานและค่อยชี้ช่องให้ เรื่องนี้มันย่อมเกิดขึ้นได้ 

เมื่อ ยูเวนตุส สนใจจริง แล้ว เรอัล มาดริด ว่ายังไง ? 


ที่ข่าวมันแรงมาจนถึงตอนนี้ ส่วนนึงก็เพราะฝั่ง มาดริด นี่แหละครับ เพราะ มาร์ก้า ไปได้ข่าววงในออกมาแฉว่า ฟลอเรนติโน่ เปเรซ เริ่มที่จะลังเลแล้ว 

ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา เวลาที่ โรนัลโด้ ตกเป็นข่าวว่าจะย้ายทีม เรื่องมันก็จบลงด้วยการที่ เปเรซ ยอมอ่อนข้อให้ ด้วยปรับปรุงสัญญาและเพิ่มเงินตามที่ดาวยิงโปรตุกีสร้องขอ แต่มาคราวนี้ เหมือนว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไป เมื่อ เปเรซ ไม่ได้ออกโรงยืนยันแข็งขันถึงอนาคตของ โรนัลโด้ อย่างที่เคย 

มาร์ก้า กระชุ่นว่า "ไม่มีครั้งไหนที่ โรนัลโด้ ดูห่างไกลจาก เรอัล มาดริด เท่าครั้งนี้อีกแล้ว" ความสัมพันธ์ระหว่าง เปเรซ กับ โรนัลโด้ นั้นถึงขั้นแตกหักกันเรียบร้อยแล้ว และ เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 5 สมัย ก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วว่าจะย้ายออก ซึ่งเหตุผลนั้นไม่ใช่เพราะเรื่องเงินเพียงอย่างเดียว แต่หมายรวมถึงการปฏิบัติที่ไม่ดีจากทาง เรอัล มาดริด ด้วย  

ส่วนสาเหตุที่เลือก ยูเวนตุส เป็นสถานีปลายทางนั้น เนื่องจากเจ้าตัวประทับใจในแฟนบอลของทีม 'ม้าลาย' ที่ลุกขึ้นยืนปรบมือให้หลังจากที่จักรยานอากาศยิงประตู ยูเว่ ในเกม ชปล.รอบ 8 ทีม เลกแรกที่ ตูริน นอกจากนี้เมื่อย้อนกลับไปยังอดีต เจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าเคยเกือบได้ย้ายมาอยู่กับ ยูเวนตุส แล้ว หากว่าไม่เซ็นสัญญากับ แมนฯยูไนเต็ด ไปเสียก่อน  


ครับ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด จะดีจะร้าย ยังไง เปเรซ ก็คือนักบริหารซึ่งเติบโตมาในแวดวงธุรกิจ เขาย่อมมองทุกอย่างตามความเป็นจริง "การเก็บ โรนัลโด้ ไว้ กับ ขายออก อย่างไหนให้ประโยชน์สูงสุดกับสโมสร ?" 

กับเรื่องนี้มีการผูกโยงไปถึง เนย์มาร์ และ คิลิยัน เอ็มบั๊บเป้ สองสตาร์ดังของ เปแอสเช ซึ่งมีข่าวพัวพันกับ เรอัล มาดริด โดยเฉพาะรายแรกที่ถูกมองว่าเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่ง

โรนัลโด้ ปัจจุบันอายุ 33 ปีแล้ว จะอยู่บนจุดสูงสุดได้อีกกี่ปี เมื่อมีคนมาขอซื้อในราคาที่สูงถึง 100 ล้านยูโร มันก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะหากปล่อยเวลาให้เลยไปอีกซักหนึ่งฤดูกาล ก็ยากที่จะขายได้ในราคานี้ 

ขาย โรนัลโด้ แล้วเอาเงินไปทุ่มซื้อ เนย์มาร์ หรือ เอ็มบั๊บเป้ เพื่อก้าวไปสู่ยุคใหม่อย่างเต็มตัว น่าจะเป็นไอเดียที่ไม่เลว เพราะไหนๆสโมสรก็เพิ่งจะเปลี่ยนเทรนเนอร์จาก ซีเนดีน ซีดาน มาเป็น ยูเลน โลเปเตกี อยู่แล้ว 

ข้อสำคัญของเรื่องนี้ 'นัมเบอร์โฟร์' มองว่า ตราบใดที่ เปเรซ ยังไม่ได้ลายเซ็นของ เนย์มาร์ หรือ เอ็มบั๊บเป้ บนกระดาษสัญญา ตราบนั้น ยูเวนตุส ก็ต้องร้องเพลงรอไปเรื่อยๆ เพราะไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจาก โรนัลโด้ ยังมีสัญญาเหลือกับ มาดริด จนถึงปี 2021 แล้วที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือค่าฉีกสัญญาที่ถูกระบุไว้มหาศาลถึง 1,000 ล้านยูโร 

แหม่..ถ้าทุกอย่างมันโยงไปโยงมากันขนาดนี้ เห็นทีว่าตลาดนักเตะซัมเมอร์นี้ได้ร้อนเป็นไฟแน่ 

โรนัลโด้ กระโจนสู่ ยูเวนตุส 

เรอัล มาดริด ไล่ตะครุบ เนย์มาร์ หรือ ล่า เอ็มบั๊บเป้ 

แต่คงจะคลาสสิคสุดๆ หากลงเอยแล้ว เปแอสเช มาตลบหลัง สอย โรนัลโด้ ไปครอง !!!

โอ๊ย !! ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว 

                         'นัมเบอร์โฟร์' 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด