:::     :::

บัลลง ดอร์เปลี่ยนมือ?

วันศุกร์ที่ 06 กรกฎาคม 2561 คอลัมน์ เด็กเก็บบอล โดย ยักษ์เดนส์
10,375
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
นับตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา รางวัล "บัลลง ดอร์" มีชื่อนักเตะเพียงแค่สองคนเท่านั้นที่ก้าวขึ้นไปคว้าโทรฟี่ส่วนตัวนี้มาครองได้
        นั่นก็คือ ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ผลัดกันครองความยิ่งใหญ่มาอย่างยาวนาน 1 ทศวรรษเต็มๆ แบ่งกันไปคนละ 5 สมัยพอดิบพอดี
         แต่ดูเหมือนว่าในปี 2018 นี้อาจจะถึงเวลาที่โทรฟี่รางวัลส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลกจะเปลี่ยนมือกันบ้างแล้ว
         ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
         เพราะในช่วงขวบปีที่่ผ่านทั้งสองคนมีผลงานที่ไม่ดี? ก็คงไม่ใช่แบบนั้นซะทีเดียว
         ลิโอเนล เมสซี่ ยังคงทำผลงานกับสโมสรได้อย่างยอดเยี่ยมทะลวงตาข่ายไป 45 ลูกจาก 54 เกม พร้อมกับพาทีมคว้า "ดับเบิ้ลแชมป์" ทั้งลา ลีกา สเปน และ โกปา เดล เรย์ 
         เพียงแต่ฟอร์มในการเล่นทีมชาติอาร์เจนติน่าต้องบอกว่าเข้าขั้น "เลวร้าย" ก็ไม่ถือว่าพูดเกินไป
         ไม่ใช่ว่าผลงานส่วนตัวดีแล้วทีมชาติตกรอบก็ยังพอทำเนา แต่นี่ฟอร์มก็ไม่ได้ดีช้วยทีมไม่ได้ แถมโดยรวมผลงานของทีมถือว่าย่ำแย่ ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย
         ส่วน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่กด 44 ประตูจาก 44 เกม คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกมาครอง พร้อมตำแหน่งดาวซัลโวประจำรายการ 
         ผลงานกับทีมชาติโปรตุเกสในฟุตบอลโลกเปรี้ยงปร้างตั้งแต่เกมแรกจาก แฮตทริค ในเกมกับ สเปน มาจนยิงประตูชัยในเกมกับ โมร็อกโก และมาพลาดจุดโทษในเกมกับ อิหร่าน กระทั่งพ่าย อุรุกวัย 1-2 ตกรอบ 16 ทีม 
         ดูเหมือนว่าผลงานจะค่อยๆลดระดับความดุดันลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งร่วงตกรอบไป
         ซึ่งจากผลงานในทีมชาติของทั้งสองทีมที่กระเด็นตกรอบ 16 ทีมทั้งคู่ น่าจะทำให้มีคนอื่นที่มีโอกาสที่จะทะลุขึ้นมาคว้า บัลลง ดอร์ ได้ในปีนี้หลังปล่อยให้ครองความยิ่งใหญ่กันมานานเกินไปแล้ว
ลูก้า โมดริช
สโมสร : เรอัล มาดริด
ทีมชาติ : โครเอเชีย
               
         หนึ่งในนักเตะที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในช่วงขวบปีที่ผ่านมา นอกจากผลงานกับสโมสรอย่าง เรอัล มาดริด ที่เป็นกำลังสำคัญในการพาทีมคว้าถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ยังสวมปลอกแขนกัปตันทีมนำทัพทีมชาติโครเอเชียลุยฟุตบอลโลกด้วย
         ซึ่งในทัวร์นาเม้นต์ที่รัสเซีย ลูก้า โมดริช ก็สานต่อความยอดเยี่ยมกับสโมสรด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมนำพาทีมกวาดชัยสามเกมรวดในรอบแบ่งกลุ่ม ก่อนที่จะเอาชนะจุดโทษ เดนมาร์ก ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศอยู่ในตอนนี้
         ในวัย 32 ปี ซัดไปแล้ว 2 ลูกในเวิลด์ คัพ โดยเฉพาะประตูที่ยิง อาร์เจนติน่า ที่ต้องบอกว่าสวยงามทีเดียว 
         เมื่อดูจากผลงานส่วนตัว ผลงานระดับสโมสร และยิ่งหากพาทัพตราหมากรุกทะลุทะลวงไปถึงฝั่งฝัน คงต้องบอกว่าตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีคงไม่หนีไปไหน
เควิน เดอ บรอยน์
สโมสร : แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ทีมชาติ : เบลเยี่ยม
                   
         ก้าวขึ้นมาเป็นสุดยอดกองกลางของโลกไปเรียบร้อยสำหรับ เควิน เดอ บรอยน์ ซึ่งฟอร์มในฤดูกาลที่ผ่านก็ต้องบอกว่ายอดเยี่ยมทีเดียว
         สถิติ 8 ประตูบวกกับ 16 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 36 เกมในพรีเมียร์ลีก นับรวมทุกรายการก็ซัดไป 12 ลูกกับ 20 แอสซิสต์ เป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้ทีมคว้าพร้อมสร้างสถิติอย่างมากมาย หากจะบอกว่าเป็นนักเตะที่เด่นที่สุดของทีมในช่วงซีซั่นที่ผ่านมาก็ว่าได้อย่างไม่ขัดเขิน
         แม้ผลงานในฟุตบอลโลกในสายตาคนทั่วไปอาจจะไม่โดดเด่นเท่ากับ เอแด็น อาซาร์ หรือ โลเมลู ลูกากู แต่สำหรับกับ โรเบร์โต้ มาร์ตีเนซ นี่คือนักเตะที่มีความสำคัญกับทีมอย่างยิ่งยวด
         เบลเยี่ยม เก็บชัยชนะรวดทั้ง 4 เกมในฟุตบอลโลก ทะยานเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายสำเร็จ โดยเจ้าตัวลงเล่นไป 3 เกม แอสซิสต์ไปหนึ่งหน
         แต่ความสำคัญคือการเชื่อมเกมระหว่างแดนหลังกับแดนหน้า เปลี่ยนจังหวะของเกมจากรับเป็นรุก วิ่งขึ้นลงช่วยทั้งเกมรับและเกมรุก นี่คือคนสำคัญที่ทีมปีศาจแเงแห่งยุโรปจะขาดไม่ได้เลย
แฮร์รี่ เคน
สโมสร : สเปอร์ส
ทีมชาติ : อังกฤษ
                     
         ก้าวขึ้นมาเป็นความหวังสูงสุดของคนทั้งชาติ จากผลอันยอดเยี่ยมกับต้นสังกัดอย่าง สเปอร์ส ที่ทะลวงตาข่ายมาต่อเนื่อง กระทั่งกับทีมชาติก็ยังสานต่อฟอร์มอันยอดเยี่ยมไว้ได้
         กับผลงาน 41 ประตูจาก 48 เกมเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา เท่ากับว่า แฮร์รี่ เคน กดประตูไปถึง 135 ลูกรวมทุกรายการในช่วง 4 ปีหลังสุดให้กับทัพไก่เดือยทอง 
         สถิติในฟุตบอลโลก 2018 หลังออกสตาร์ทด้วยการเป็นฮีโร่เหมาสองลูกให้ทีมเอาชนะ ตูนิเซีย 2-1 ก่อนซัดแฮตทริคในเกมถ่ลม ปานามา และยิงอีกหนึ่งลูกในเกมกับ โคลอมเบีย รอบ 16 ทีมสุดท้าย เท่ากับว่าตอนนี้ เคน กระหน่ำไปแล้วถึง 6 ประตูในฟุตบอลโลกหนนี้จากการลงเล่น 3 เกม นำเป็นดาวยิงสูงสุดอย่างสง่าผ่าเผย
         เป้าหมายแชมป์โลกครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1966 ของทัพสิงโตคำราม ก็คงต้องฝากความหวังไว้กับดาวยิงกัปตันทีมผู้นี้ หากสำเร็จลุล่วงนอกจากจะเป็นฮีโร่ของคนทั้งชาติแล้ว ก็มีโอกาสที่จะฝันถึงรางวัลบัลลง ดอร์ ซึ่งจะเป็นนักเตะจากอังกฤษคนแรกนับตั้งแต่ที่ ไมเคิ่ล โอเว่น คว้ารางวัลมาครองเมื่อปี 2001 โน่นเลย
คีลืยัน เอ็มบั๊ปเป้
สโมสร : ปารีส แซงต์-แชร์กแมง
ทีมชาติ : ฝรั่งเศส
                     
         ดาวรุ่งที่ได้ชื่อว่าร้อนแรงที่สุดของ พ.ศ.นี้ นักเตะที่ทำทำผลงานได้อย่างโดดเด่นตั้งแต่ในลีกกับต้นสังกัดในฤดูกาลที่ผ่านมาด้วยฟอร์มการยิง 21 ลูกกับ 11 แอสซิสต์ ในลีก เอิง ฝรั่งเศส ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์มาครอง
         ในช่วงเวลาที่ เนย์มาร์ ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บก็ได้เจ้าหนูวัย 19 ปีรายนี้ที่ก้าวขึ้นมาเป็นคว้าหวังในการปั้นเกมรุกให้กับทีม ก่อนติดทีมชาติฝรั่งเศสลุยฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียอย่างไม่ได้พลิกความคาดหมายอะไรเมื่อดูจากผลงาน
         กับทัพตราไก่ในเวิลด์ คัพที่รัสเซีย คนที่ได้รับการคาดหมายว่าจะโดดเด่นที่สุดเป็นทาง อองตวน กรีซมันน์ นั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้กองหลังคู่แข่งจับมามากเป็นพิเศษ จนทำให้ เอ็มบั๊ปเป้ ได้มีโอกาสโชว์ฝีเท้าซึ่งกลายเป็นการแจ้งเกิดอย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
         ต้องบอกว่าที่ทัพ "เลส์ เบลอส์" ผ่านมาถึงรอบก่อนรองชนะเลิศได้ ปัจจัยสำคัญก็คือฟอร์มการเล่นของเจ้าหนูรายนี้ที่ทั้งทะลุทะลวงเกมรับคู่แข่งรวมถึงสอยตาข่าย โดยเฉพาะในเกมกับ อาร์เจนติน่า ใน
รอบ 16 ทีมสุดท้ายที่ฉายแสงเล่นเอา ลิโอเนล เมสซี่ หมองไปเลย
         ซึ่งมีโอกาสสูงเหลือเกินที่สุดท้ายจะพาทีมชาติฝรั่งเศสไปถึงตำแหน่งแชมป์ได้ และหากยังรักษาฟอร์มได้แบบนี้ อย่างน้อยมีชื่อติดโผลุ้นบัลลง ดอร์แน่นอน
เนย์มาร์
สโมสร : ปารีส แซงต์-แชร์กแมง
ทีมชาติ : บราซิล
                     
         ถึงเวลารึยังที่ เนย์มาร์ จะก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งของโลกซะที หลังจากที่อยู่ภายใต้ร่มเงาของ ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 
         ทุกครั้งที่มีการเอ่ยชื่อยอดนักเตะว่าใครเป็นที่สุดในโลกตอนนี้ ชื่อของดาวยิงทีมชาติแซมบ้าต้องอยู่ในโผเข้ารอบ เพียงแต่เมื่อถึงจังหวะฟันธงชี้ขาดมักจะเป็นรอง "สองผู้ยิ่งใหญ่" เสมอ และนั่นก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เจ้าตัวออกไปเผชิญคว้าท้าทายใหม่ที่ฝรั่งเศสกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 
         ไม่มีใครสงสัยในความสามารถของ เนย์มาร์ เพียงแต่ที่ผ่านมาในถิ่นคัมป์ นูเจ้าตัวถูกมองเป็นเพียงลูกไล่ของ ลิโอเนล เมสซี่ ไม่ว่าจะโดดเด่น ยิงประตูและทำผลงานได้ดีสักแค่ไหนก็ยังถูกมองข้ามไปอยู่ดี
         ผลงาน 29 ประตูกับ 16 แอสซิสต์ในช่วง 28 เกมในลีก เอิง ก่อนเผชิญหน้ากับอาการบาดเจ็บกระดูกเท้าแตก กลายเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่ขวางให้เจ้าตัวไม่ได้โชว์ฟอร์มให้คนทั้งโลกได้เห็นหลังออกจาก บาร์เซโลน่า ถือว่าค่อนข้างโชคร้ายเพื่อเทียบกับความมุ่งมั่นที่มีอย่างเปี่ยมล้นในการเป็นเบอร์หนึ่งของโลก
         กับฟุตบอลโลกที่ตอนนี้ยิงไปแล้ว 2 ประตูกับหนึ่งแอสซิสต์ช่วยให้ทีมยังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์สมัยที่ 6 หากพาทีมคว้าแชมป์ได้ คงถึงเวลาที่จะปลดแอกตัวเองจากการเป็นเบอร์สามได้สักที


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด