:::     :::

จากตำนานสู่ตำนาน... แข้งเวิลด์คลาสที่ฝันสลายในบอลโลก

วันศุกร์ที่ 06 กรกฎาคม 2561 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
3,599
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
นอกจาก เมสซี่ และ โรนัลโด้ สองนักเตะแห่งยุคแล้ว ยังมีอีกไม่น้อยเลยที่ผู้เล่นมากความสามารถทำผลงานได้อย่างเยี่ยมยอดให้กับสโมสร แต่สำหรับทีมชาติกลับสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง

ฟุตบอลโลกหนนี้เราคงหมดโอกาสได้เห็นนักเตะที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดของโลกในเวลานี้อย่าง ลีโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คว้าแชมป์เพราะอย่างที่ทราบกันว่าพวกเขาตกรอบน็อคเอาท์ไปอย่างหน้าเสียดาย


อาร์เจนติน่าของเมสซี่พ่ายให้กับฝรั่งเศสเจอที่เด็ดของ เอ็มบัปเบ้ เขี่ยตกรอบ ส่วนโปรตุเกสของโรนัลโด้ก็พลาดท่าให้กับ อุรุกวัย ในคืนวันเดียวกัน

 

สำหรับนักฟุตบอลคนนึง เชื่อว่าการได้ชูถ้วยเวิลด์คัพในสีเสื้อทีมชาติบ้านเกิดถือเป็นเรื่องที่สุดวิเศษในชีวิต เป็นความฝันของนักฟุตบอลทุกคน ไม่ว่าฝีเท้าจะไร้เทียมทานขนาดไหนประสบความสำเร็จกวาดแชมป์ให้กับสังกัดมากเพียงใด...


แต่บทพิสูจน์ที่จะทำให้คนทั้งโลกเชื่อว่านักเตะรายประสบความสำเร็จอย่างครบถ้วน คือ การชูถ้วยเถลิงแชมป์ฟุตบอลโลก!

 

ในอดีตมีนักเตะมากมายที่ได้รับขนานนามว่า แข้งเวิลด์คลาส  ไม่ว่าจะเป็น "เปเล่” จากบราซิล “มาราโดน่า” จากอาร์เจนไตน์ “เบ็คเคนบาวเออร์” จากเยอรมัน “ซีดาน” จากฝรั่งเศส พวกเขาเหล่านี้ผ่านบททดสอบและพิสูจน์ให้เห็นเป็นประจักษ์แก่สายตามวลมนุษยชาติแล้วว่าคู่ควร

 

นอกจาก เมสซี่  และ โรนัลโด้ สองนักเตะแห่งยุคแล้ว ยังมีอีกไม่น้อยเลยที่ผู้เล่นมากความสามารถทำผลงานได้อย่างเยี่ยมยอดให้กับสโมสร แต่สำหรับทีมชาติกลับสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง


วันนี้จึงขอย้อนรอยภาพจำของเหล่านักเตะที่เป็นความหวังของชาติแต่กลับไม่มีโอกาสสักครั้งที่จะได้สัมผัสถ้วยแชมป์โลก


เริ่มต้นกับสุดยอดนักเตะระดับตำนานอย่าง อัลเฟรโด ดิ สเตฟาโน่ ผู้ที่ยังไม่เคยก้าวไปจนถึงมหกรรมฟุตบอลโลก แต่ก็ยังคงถูกยกย่องให้อยู่ในระดับเดียวกับสุดยอดตำนาน อย่าง เปเล่, มาราโดน่า หรือเบ็คเคนบาวเออร์ จากการเป็นตำนานนักเตะของ ราชันชุดขาว ที่เคยพาทีมคว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ มาครองได้ถึง 5 สมัยติดต่อกัน ด้วยผลงาน 376 ประตูจาก 522 นัด ทำให้เขาสามารถคว้ารางวัล บัลลง ดอร์ มาครองได้ 2 สมัย



 

ถึงแม้เขาจะเกิดใน อาร์เจนติน่า และลงเล่นให้กับทีมบ้านเกิดไปแล้ว 6 นัด และเปลี่ยนมาเล่นให้ โคลอมเบียอีก 4 เกมส์ แต่ท้ายที่สุด ดิสเตฟาโน่ ตัดสินใจลงสนามให้กับ "สเปน" ตลอดช่วงเวลาที่เหลือ  


แต่ด้วยอาการบาดเจ็บที่รบเร้าจึงทำให้เขาพลาดการติดทัพ 'กระทิงดุ' ในการสู้ศึกฟุตบอลโลก 1962 ไปอย่างน่าเสียดาย

 

อีกหนึ่งผู้เล่นที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อมดลูกหนังและอดีตตำนานทัพผีแดงแมนฯยูไนเต็ด จอร์จ เบสต์ ด้วยผลงานอันร้อนแรงกระทั่งพาแมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ ในปี 1968 พร้อมกับคว้ารางวัล บัลลง ดอร์ ในปีเดียวกัน และยังเป็นเจ้าของไอเดียที่จะรวมทีมชาติ ไอร์แลนด์เหนือกับสาธารณรัฐไอร์แลนด์ เข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้ารอบรายการใหญ่ๆสักครั้งหนึ่ง



ถามว่าในยุคนั้น เบสต์ เก่งขนาดไหน ฟร้านซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ ยอดลิเบโร่แห่งยุคยังเคยพูดถึงยอดนักเตะคนนี้ว่า 

"บางทีนี่อาจจะเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดที่ยังไม่เคยลงเตะใน ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย"

 

และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆเบสต์ยังไม่เคยที่จะได้ลงเล่นฟุตบอลรอบสุดท้ายเลยแม้สักครั้งเดียว

 

ต่อด้วยศิลปินลูกหนังและเป็นต้นแบบระบบการเล่นของฟุตบอลยุคใหม่ คงไม่มีใครไม่รู้จัก โยฮัน ครัฟฟ์ เจ้าของฉายา นักเตะเทวดา คีย์แมนคนสำคัญของทัพกังหันลมฮอลแลนด์ และเป็นหนึ่งในตำนานนักเตะที่ไม่เคยได้แชมป์โลก เนื่องจากฮอลแลนด์ ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดทั้งรายการกลับไปพ่ายแก่เยอรมนีตะวันตก 1-2 ในรอบชิงชนะเลิศปี 1974



 

แต่ในระดับสโมสรครัฟฟ์เคยได้แชมป์ลีกกับอาแจกซ์ถึง8สมัยและแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพอีก3สมัยติดต่อกันกระทั่งในปี 1971-73 ครัฟฟ์โยกไปเล่นให้บาร์เซโลน่าได้แชมป์ลาลีกาฤดูกาล 1973-74 รับรางวัลบัลลงดอร์3 สมัย ในปี 1971, 1973 และ 1974 ก่อนแขวนสตั๊ดกับเฟเยนูร์ดในปี1984


เช่นเดียวกันทั้ง เมสซี่ และ โรนัลโด้ คืออีกหนึ่งตัวอย่างแข้งเวิลด์คลาสที่ไปไม่ถึงดวงดาวความคาดหวังที่จะได้สัมผัสถ้วยฟีฟ่าเวิลด์คัพกับสลายไปแล้วปัจจุบันเมสซี่ก้าวสู่วัย 31 ปี กว่าฟุตบอลโลกครั้งหน้าจะมาถึงสภาพร่างกายอาจไม่เอื้อให้กับเขาอีกต่อไปและยิ่งมีข่าวออกมาว่าแข้งต่างดาวรายนี้โบกมืออำลาทีมชาติเป็นที่เรียบร้อยนั่นจึงเป็นการตอกย้ำว่าเมสซี่หมดสิทธิ์ชูถ้วยอย่างถาวร

 

สำหรับโรนัลโด้เองอายุอานามก็ปาเข้าไป 33 ปีแล้ว แม้ว่าจะรักษาสภาพร่างกายดีแค่ไหนแต่ถึงเวลานั้นคงจะไม่มีพลังเหลือคอยแบกทีมอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้

 

ความล้มเหลวของนักเตะระดับเวิลด์คลาสในนามทีมชาติจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกในเมื่อเกมฟุตบอลยังคงเดินต่อไปข้างหน้าพร้อมๆ กับการก้าวขึ้นมาของนักเตะหน้าใหม่ ที่ต้องพิสูจน์ผลงานของตัวเองต่อไป ไม่ใช่แค่เพียงระดับสโมสร


แต่รวมไปถึงการประสบความสำเร็จในรายการ “ฟุตบอลโลก” ด้วย

 

เพื่อไม่ให้ “ฝันสลาย” และไม่อาจถูกเติมเต็มไปได้ตลอดชีวิต


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด