โดย ฝรั่งเศส vs เบลเยี่ยม จะพบกันในคืนวันอังคารนี้เวลา 01.00 น. ขณะที่คู่ อังกฤษ vs โครเอเชีย เป็นคืนวันพุธเวลา 01.00 น.เช่นเดียวกัน
และนี่ก็คืออัตราต่อรองแชมป์ล่าสุดที่ แล็ดโบร็กส์ เปิดเอาไว้ ฝรั่งเศส 2-1, อังกฤษ 5-2, เบลเยี่ยม 11-4 และ โครเอเชีย 4-1 จะเห็นได้ว่าใกล้เคียงกันมากๆทีเดียว น้าแมวพาไปดูจุดอ่อนจุดแข็งของทั้ง 4 ทีมกันครับ
ฝรั่งเศส...ตราไก่ มาทัวร์นาเม้นท์นี้เขี้ยวเลยนะ ดีดิเย่ร์ เดส์ช็องส์ เป็นกุนซือที่เน้นผลการแข่งขัน และเขาโชคดีที่มีขุมกำลังใหญ่โต ตัวเลือกเต็มไปหมด ตัวเข้าทำอย่าง อ็องตวน กรีซมันน์ ไว้ใจได้ แถม คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ดาวรุ่งจาก เปแอสเช ดันเล่นได้ดีเกินอายุ ก็เลยยิ่งทำให้ กรีซมันน์ กับ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เล่นง่าย การมี เอ็นโคโล่ ก็องเต้ ในแดนกลางถือว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐจริงๆ ก็องเต้ นี่แหละที่ทำให้ เลสเตอร์ กับ เชลซี เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกมาแล้ว สภาพจิตใจของทีม "ตราไก่" ก็ถือว่าเยี่ยมด้วย การอัด อาร์เจนตินา กับ อุรุกวัย 2 ทีมจากอเมริกาใต้ในรอบก่อนหน้านี้และยิงได้รวม 6 ประตู สมควรยกให้พวกเขาเป็นเต็ง 1 จริงๆ แต่ลูกแอ็กของ ปอล ป็อกบา, การใช้โอกาสเปลืองของ ชิรูด์ และลูกเหวอของ อูโก้ โยริส ในบางครั้งเป็นสิ่งที่ ฝรั่งเศส จะต้องป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้น
เบลเยี่ยม...ผ่านเต็ง 1 บราซิล มาได้ นาทีนี้ เบลเยี่ยม ฝันถึงการเป็นแชมป์โลกได้เลย วันที่ชนะแชมป์โลก 5 สมัย โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ใช้นักเตะที่เล่นในพรีเมียร์ลีกถึง 9 คนเป็น 11 คนแรก ขุมกำลังของพวกเขาเหลือกินเหลือใช้จริงๆ แผงหลังอย่าง โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, แยน แฟร์ต็องเก้น และ แว็งซ็อง ก็อมปานี ถือว่าแข็งโป๊ก เอแด็น อาซาร์ ไปกับบอลได้ดี และทีเด็ดของพวกเขาก็คือ เควิน เดอ บรอยน์ ที่วางบอลได้เฉียบขาดเหนือชั้นเหลือเกิน แต่จุดอ่อนของพวกเขา น้าแมว มองว่า โรเมลู ลูกากู เวลาเล่นเกมใหญ่แล้วมักจะยิงประตูไม่ได้นะ นี่คือสิ่งที่ ลูกากู จะต้องพิสูจน์ตัวเองและยิงประตูใน 2 นัดสำคัญที่เหลือให้ได้ ซึ่ง เบลเยี่ยม มีโรแบร์โต้ มาร์ติเนซ เป็นกุนซือ ซึ่งในอดีตเคยพาทีมเล็กๆอย่าง วีแกน เป็นแชมป์เอฟเอ คัพ มาแล้ว พวกเขามีโอกาสเป็นแชมป์โลกไม่น้อยเลย เจอกับ ฝรั่งเศส น้าแมวให้โอกาส ตราไก่ ดีกว่าแค่ 51-49 ละกัน
อังกฤษ...เล่นด้วยความมั่นใจ การที่พวกเขาเอาชนะจุดอ่อนตัวเองด้วยการดวลจุดโทษชนะ โคลอมเบีย ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นการกระตุ้นให้ทีมระเบิดฟอร์มในรอบ 8 ทีมกับ สวีเดน ได้ ซึ่งสิ่งที่ สิงโตคำราม ต้องการก็คือ เดเล่ อัลลี่, เจสซี่ ลินการ์ด และ ราฮีม สเตอร์ลิง จะต้องช่วยแบ่งเบาภาระของ แฮร์รี่ เคน ซึ่งกับ ไวกิ้ง อัลลี่ เป็นคนทำได้ เกมรับของ อังกฤษ แข็งโป๊กจริงๆ ความใหญ่ของ แฮร์รี่ แม็คไกว์ มีประโยชน์มากๆ แม้จะเสียวๆเวลาที่ ไคล์ วอล์คเกอร์ ออกบอลบ้างก็เหอะ บวกกับการมี จอร์แดน พิคฟอร์ด ที่เซฟโคตรดี อังกฤษ ชุดนี้ไปถึงแชมป์โลกได้เลย พวกเขาดูได้เปรียบ โครเอเชีย เล็กน้อยด้วย เพราะ หมากรุก ต้องเล่น 120 นาที 2 เกมติดต่อกัน แถมนักเตะกรอบเป็นข้าวเกรียบเจ็บกันหลายตัวด้วย จุดที่ อังกฤษ จะต้องระวังก็คืออย่าไปเน้นเล่นสวยหรือเหนือชั้นมากเกินไป เล่นทื่อๆโบราณแบบนี้นี่แหละ เน้นลูกตั้งเตะใช้ความแข็งแกร่งให้เป็นประโยชน์ และ แกเรธ เซาธ์เกต ควรจะติว ราฮีม สเตอร์ลิง ให้มากๆด้วย ว่าเขาควรจะไปเองหรือส่งให้เพื่อนในจังหวะไหน เห็นหมอนี่เล่นบอลโลกแล้วเซ็งเลย ในรอบตัดเชือกให้โอกาสอังกฤษ 60-40 ครับ
โครเอเชีย...ผ่านเจ้าภาพ "หมีขาว" รัสเซีย มาแบบหืดจับด้วยการดวลจุดโทษชนะ 4-3 หลังเสมอใน 90 นาที 1-1 และ 120 นาที 2-2 ซึ่งทีม "หมากรุก" เป็นทีมที่เทคนิคสูงครองบอลได้ดี มี ลูก้า โมดริช เป็นจอมทัพ บอลออกจากเท้าของเขาล้วนมีความหมาย ตัวผู้เล่นอย่าง มาริโอ มานด์ซูคิช, อีวาน ราคิติช, อีวาน เปริซิช ฯลฯ ก็เก๋าและอันตรายเหลือเกิน ซึ่งการที่ โครเอเชีย ชนะจุดโทษมา 2 รอบติดต่อกันด้วยการปราบ เดนมาร์ก และ รัสเซีย ได้นั้น เป็นการบ่งบอกว่าหัวจิตหัวใจของพวกเขาแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ก็อย่างที่เห็นสภาพทีมของ หมากรุก ทุลักทุเลมาก ความกรอบนี่แหละที่จะทำให้ โครเอเชีย ดูเป็นรอง สิงโตคำราม อย่างไรก็ตามความเป็นบอลของพวกเขามีมากกว่า อังกฤษ ดังนั้น โครเอเชีย ก็มีโอกาสที่จะเข้าชิงไม่น้อย
น้าแมวฟันธง : คู่ ฝรั่งเศส vs เบลเยี่ยม เลือกยากมากๆ แต่กลั้นใจชี้ไปที่ เบลเยี่ยม ครับ เพราะ เควิน เดอ บรอยน์ เล่นดีเหลือเกิน ส่วนคู่ อังกฤษ vs โครเอเชีย เลือก อังกฤษ เพราะว่าสดกว่าเห็นๆเลยครับ
"แมวเพชร"
