ฟุตบอลโลก 1998 : ฝรั่งเศสและซีดาน
มีชาติต่าง ๆ เข้าร่วมการแข่งขันมากถึง 32 ทีมเป็นครั้งแรก และความนิยมต่างก็เพิ่มขึ้นกว่าฟุตบอลโลกครั้งก่อนมาก ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้ชมทั้งในสนามและที่บ้าน รายได้จากการขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด รวมทั้งยอดจำหน่ายตั๋วเข้าชมเกมการแข่งขัน
บราซิลลงเตะนัดเปิดสนามกับสกอตแลนด์ แต่ก็ต้องเหนื่อยอย่างหนักกว่าจะปราบทีมขี้เมาลงได้ 2-1 ที่สังเวียน สต๊าด เดอ ฟร้องซ์ ซึ่งสามารถจุคนดูได้มากถึง 80,000 คน
ทัพแซมบ้ามาพลาดท่าแพ้ นอร์เวย์ 1-2 จากประตูชัยสุดสวยของ เชติล เร็คดาลห์ และเป็นความปราชัยของบราซิลต่อนอร์เวย์หนแรกในรอบ 32 ปี
แต่กระนั้นแซมบ้าก็ยังทะลุสู่รอบสองไปพร้อมกับนอร์เวย์ ทางด้าน ริโกแบร์ ซง กลายเป็นนักฟุตบอลคนแรกที่โดนไล่ออกในประวัติศาสตร์ศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
ซง โดนไล่ออกครั้งแรกในแมตช์กับบราซิลเมื่อ ปี 1994 และมาโดนไล่ออกอีกครั้งในเกมกับ ออสเตรีย ในปี 1998
ฝรั่งเศส เจ้าภาพ เก็บชัยชนะสามนัดรวดในรอบแรก แม้ ซีเนดีน ซีดาน จะโดนไล่ออกในเกมยำใหญ่ซาอุดิอาระเบีย 4-0
ซีดาน โขก 2 ประตูพาฝรั่งเศสอัดบราซิล 3-0 คว้าแชมป์โลกครั้งแรกบนแผ่นดินตัวเอง
สเปน เป็นทีมที่ทำผลงานน่าผิดหวังที่สุดในบอลโลกหนนี้ เมื่อโดนเขี่ยตกรอบแรก ขณะที่ในกลุ่ม จี อังกฤษควงโรมาเนียเข้ารอบสู่รอบสอง ส่วนอาร์เจนตินาชนะรวดทุกนัดโดยไม่เสียประตูแม้แต่ประตูเดียว
ในกลุ่มเอช "บาติโกล" กาเบรียล บาติสตูต้า ส่องแฮตทริกได้ในเกมปูพรมขยี้ จาเมกา ทีมน้องใหม่จากคอนคาเคฟไปแบบเละเทะ 5-0 ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายไปพร้อมโครเอเชียที่เข้าป้ายอันดับที่สอง
มีตัวแทนจากยุโรปผ่านเข้าเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายนี้ถึง 10 ทีมด้วยกัน คริสเตียน วิเอรี่ ยิงประตูให้ทีมเฉือนชนะ นอร์เวย์ 1-0 ขณะที่โรนัลโด้ ก็ยิงสองประตู ให้บราซิลถล่มชิลี ทีมร่วมทวีปอเมริกาใต้ 4-1
โลร็องต์ บล็องก์ โขกประตูโกลเด้นโกลให้ฝรั่งเศสชนะปารากวัย ส่วนอาร์เจนตินาดวลจุดโทษชนะอังกฤษไปอย่างสุดมัน หลังจากเสมอกันในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-2
ในเกมนี้ เดวิด เบ็คแฮม ซูเปอร์สตาร์ของทัพสิงโตคำรามเสียค่าโง่โดนใบแดงไล่ออกหลังพยายามดีดขาใส่ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่
รอบก่อนรองชนะเลิศ ฝรั่งเศสดวลจุดโทษชนะอิตาลี บราซิลชนะเดนมาร์ก 3-2 ขณะที่ฮอลแลนด์ปราบอาร์เจนตินาลงได้ 2-1 จากประตูสุดเหนือชั้นในนาทีสุดท้ายของ เดนนิส เบิร์กแคมป์ และโครเอเชียก็สร้างเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ด้วยการถล่มทีมยักษ์ใหญ่อย่างเยอรมันจนย่อยยับ 3-1
บราซิล แชมป์เก่า ลงเตะรอบตัดเชือกคู่แรกกับฮอลแลนด์ที่เมืองมาร์กเซย โรนัลโด้ ซัดให้บราซิลขึ้นนำไปก่อน แต่ฮอลแลนด์ชุดที่แข็งแกร่งที่สุดอีกชุดมาได้ประตูตีเสมอเป็น 1-1 จาก พาทริค ไคลเวิร์ต ก่อนหมดเวลาแค่ 3 นาที
เดวิด เบ็คแฮม โดนไล่ออกในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่อังกฤษพ่ายจุดโทษต่ออาร์เจนตินา
ทั้งคู่ทำอะไรกันไม่ได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ เลยต้องไปตัดสินกันด้วยการดวลลูกจุดโทษ และบราซิลก็ชนะไป หลังจาก โรนัลด์ เดอ บัวร์ ของฮอลแลนด์ ยิงพลาดในช่วงชี้เป็นชี้ตาย
ส่วนเกมอีกคู่หนึ่ง ดาวอร์ ซูเคอร์ ยิงให้โครเอเชีย ออกนำไปก่อน 1-0 แต่ ลิลิยอง ตูราม แบ็กขวาตัวเก่ง ก็มาเหมายิงสองลูกให้ฝรั่งเศส พลิกแซงโครเอเชีย 2-1
เข้าสู่รอบชิงกับ บราซิล แชมป์โลกสี่สมัยและแชมป์เก่า รอบชิงอันดับสาม โครเอเชีย ที่ลุยฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นสมัยแรกเฉือนชนะ ฮอลแลนด์ 2-1 และ ดาวอร์ ซูเคอร์ ก็คว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุดไปครอง
ส่วนเกมนัดชิงชนะเลิศผลปรากฏว่า ฝรั่งเศส ภายใต้การนำของกุนซือ เอ็มเม่ ฌักเก้ต์ เล่นได้เหนือกว่า บราซิล ทุกกระบวนท่า ก่อนจะต้อนชนะไปอย่างขาดลอย 3-0 คว้าแชมป์โลกสมัยแรกบนแผ่นดินตัวเองได้สำเร็จ
ซีเนดีน ซีดาน โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมเหมาโขก 2 ประตูสุดสวยก่อนปิดท้ายโดย เอ็มมานูเอล เปอตีต์ โดยที่หลังทัวร์นาเมนต์มีการยืนยันออกมาว่า โรนัลโด้ ดาวยิงความหวังของทัพแซมบ้ามีอาการป่วยและอ้วกจนต้องหามส่งโรงพยายามในคืนก่อนเกม ทำให้ลงสนามด้วยสภาพไม่พร้อมและเล่นได้อย่างน่าผิดหวัง
โรนัลโด้ ฝืนลงเล่นรอบชิงชนะเลิศในสภาพร่างกายที่ไม่พร้อม
แฟกต์ไฟล์ฟุตบอลโลก
ชาติเจ้าภาพ : ฝรั่งเศส
สนาม : 10 สนาม
จำนวนทีม : 32 ทีม
จำนวนนัด : 64 นัด
วันแข่งขัน : 10 มิถุนายน - 12 กรกฎาคม 1998
จำนวนประตู : 171 ประตู (2.67 ประตูต่อนัด)
ผู้ชมทั้งหมด : 2,784,687 (43,511 คนต่อนัด)
ทีมแชมป์ : ฝรั่งเศส
รองแชมป์ : บราซิล
อันดับ 3 : โครเอเชีย
อันดับ 4 : ฮอลแลนด์
รางวัลรองเท้าทองคำ : ดาวอร์ ซูเคอร์ (โครเอเชีย) 6 ประตู
สรุปดาวซัลโว
6 ประตู : ดาวอร์ ซูเคอร์ (โครเอเชีย)
5 ประตู : กาเบรียล บาติสตูต้า (อาร์เจนตินา) และ คริสเตียน วิเอรี่ (อิตาลี)
4 ประตู : มาร์เซโล่ ซาลาส (ชิลี), โรนัลโด้ (บราซิล), หลุยส์ เฮอร์นันเดซ (เม็กซิโก)