การเดินทางของ "จอร์แดน พิคฟอร์ด"
แน่นอนว่า การเข้ามามาเจอกับทีมชาติโครเอเชีย ในรอบนี้ ถือเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของใครหลายคน ที่มองว่าไม่น่าจะมาได้ไกลขนาดนี้
นอกจากผู้เล่นตำแหน่งเอาท์ฟิลด์แล้ว นักเตะหนึ่งคนที่ได้รับคำชมว่าสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และยังเป็นฟันเฟืองสำคัญ ในการพาพลพรรค "สิงโตคำราม" เดินทางมาถึงจุดนี้
นั่นคือผู้รักษาประตูอย่าง “จอร์แดน พิคฟอร์ด” ที่โชว์ซูเปอร์เซฟมาอย่างต่อเนื่อง จนช่วยทีมไม่เสียประตูในที่สุด ซึ่งการที่เป็นนายทวารของทีมดังในศึกพรีเมียร์ลีก อย่างเอฟเวอร์ตัน ก่อนหน้านั้นเขาต้องผ่านแบบทดสอบมาอย่างมากมาย
ช่วงนี้นายด่านวัย 24 ปี จะมาเปิดเผยถึงเส้นทางลูกหนังของเขา ตั้งแต่เริ่มแรกกับการเป็นเยาวชนของซันเดอร์แลนด์ และถูกส่งไปให้หลากหลายสโมสรยืมตัว
พร้อมกับต้องต้อสู้กับลีกระดับล่างอย่างหนักหน่วง จนถึงตอนนี้ที่โลดแล่นในพรีเมียร์ลีกกับ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" และคุณจะรู้ว่า ไม่มีอะไรได้มาเพราะโชคช่วยจริงๆ
ดาร์ลิงตัน (นอกลีก, มกราคม - เมษายน 2012)
"ถือเป็นแบบทดสอบแรกกับการลงเล่นทีมชุดใหญ่ เมื่อผมถูกส่งตัวไปเล่นกับดาร์ลิงตัน แบบยืมตัว ตอนนั้นผมอายุแค่ 17 ปี และต้องสัมผัสประสบการณ์กับทีมนอกลีก ผมอยากไปที่นั่น และช่วยเหลือพวกเขา เนื่องจากสโมสรกำลังดิ้นรนอย่างหนักเลย มันเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม แม้ว่าทีมจะต้องต่อสู่ในทุกสัปดาห์ และเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของสโมสรก็ตาม"
อัลเฟรตัน ทาวน์ (นอกลีก, กุมภาพันธ์ - เมษายน 2013)
"ผมต้องหาสโมสรที่ลงเล่นในลีก ผลสุดท้าย มันก็จบลงที่การลงเล่นกับทีมนอกลีกอีก ผมสามารถเก็บรักษาสถิติคลีนชีทได้บ้าง มันก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ดีกับการลงไปเล่นระดับล่าง และคว้าโอกาสไว้ มันถือเป็นการเปิดหูเปิดตา คุณต้องทำในสิ่งที่ดีที่สุด ทั้งหมดก็เพื่อเป็นการเรียนรู้"
เบอร์ตัน อัลเบี้ยน (ลีก ทู, สิงหาคม - พฤศจิกายน 2013)
"ที่เบอร์ตัน อัลเบี้ยน ผมเริ่มต้นได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม เมื่อคีแรน เวสต์วูด ได้รับบาดเจ็บที่ซันเดอร์แลนด์ ผมก็ถูกเรียกตัวกลับไป เพื่อกลับไปนั่งบนม้านั่งสำรองเหมือนเดิม นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้เป็นนายทวารสำรองของซันเดอร์แลนด์ ช่วงเวลา 2 ปี ผมจึงมุ่งมั่นทำทุกอย่างให้ดี เมื่อกุส โปเยต์ ซื้อผู้รักษาประตูคนใหม่เข้ามา ผมก็ถูกส่งกลับไปยังเบอร์ตัน แบบยืมตัวอีกครั้งหนึ่ง มันเป็นเรื่องที่ยากลำบากเหมือนกันนะ เพราะผมต้องอยู่ห่างจากบ้าน, เพื่อน และครอบครัว"
คาร์ไลส์ ยูไนเต็ด (ลีก วัน, กุมภาพันธ์ - พฤษภาคม 2014)
"เมื่อผมไปที่คาร์ไลส์ มันเป็นการยกระดับขึ้นมา เมื่อเทียบกับการเล่นให้เบอร์ตัน อัลเบี้ยน ผมคิดว่ามันเป็นงานที่ยากกว่านะ หลังจากลงเล่นไปเรื่อยๆ ผมก็เริ่มรู้สึกว่ามันง่ายกว่าการเล่นลีก ทู มันเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก มันเป็นโอกาสครั้งใหญ่ ผมต้องเดินทางไปฝึกซ้อมทุกวัน ขับรถเป็นเวลาชั่วโมงครึ่ง มันก็เป็นประสบการณ์ที่ดีนะ ผมลงเล่นทุกเกม จนกระทั่งจบฤดูกาลเลย"
แบร็ดฟอร์ด ซิตี้ (ลีก วัน, กรกฎาคม 2014 - มีนาคม 2015)
"ผมกลับมาลงเล่นลีก วัน อีกครั้ง แต่เป็นกับสโมสรที่มีเป้าหมายในการเลื่อนชั้น มันมีความรับผิดชอบ และความกดดันมหาศาล เพราะนี่คือสโมสรที่ต้องการคว้าชัยชนะในทุกสัปดาห์การแข่งขัน มันเป็นการเรียนรู้ที่แท้จริง ที่แบร็ดฟอร์ด เราลงเล่นในสนามที่มีขนาดใหญ่ และเสียงเชียร์ของแฟนบอลก็ดังมาก ประธานสโมสร และผู้จัดการทีมก็ยอดเยี่ยมมากด้วย ผมสามารถทำผลงานได้เป็นอย่างดี เมื่อผมกลับไปที่ซันเดอร์แลนด์ ในช่วงเดือนมีนาคม ผมก็กลับไปเป็นตัวสำรองอีกครั้งเป็นระยะเวลา 3 เดือน ตอนนั้นผมคิดว่า การเล่นแบบยืมตัว ทำให้ผมกลายเป็นนายทวารที่ดีขึ้น"
เปรสตัน นอร์ธเอน (เดอะ แชมเปี้ยนชิพ, สิงหาคม 2015 - มกราคม 2016)
"มันเป็นก้าวที่ใหญ่สำหรับผมที่เปรสตัน ผมสนุกกับช่วงเวลาของตัวเองที่นั่น ผมคิดว่าตัวเองลงเล่นไป 20 เกม และยังเก็บรักษาคลีนชีทได้มากกว่า 13-14 นัดเลยทีเดียว ผมได้แสดงผลงานในทุกสัปดาห์ มันเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมต่อตัวผมมาก มันเป็นสะพานให้ผมก้าวกลับไปยังซันเดอร์แลนด์ ผมสามารถกลับไปเปิดตัวกับทีมชุดใหญ่ของซันเดอร์แลนด์ ในช่วงเดือนมกราคม"
ซันเดอร์แลนด์ (2011-17)
"ผมอยู่กับสโมสรแห่งนี้ ตั้งแต่ตัวเองอายุเพียงแค่ 8 ขวบเท่านั้น ผมเป็นแฟนบอลของสโมสรแห่งนี้มาทั้งชีวิตเลยทีเดียว มันจึงเป็นเหมือนกับความฝัน ที่ผมได้เล่นกับซันเดอร์แลนด์ นั่นเป็นสิ่งที่ผมต้องทำ นั่นคือการเติบโตขึ้น ผมลงเล่นเป็นเกมแรกในการเยือนอาร์เซน่อล ในศึกเอฟเอ คัพ หลังจากนั้น ก็ลงเล่นพรีเมียร์ลีก เกมแรก ด้วยการออกไปเยือนสเปอร์ส แต่ผมต้องการเปิดตัวในสเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ เป็นอย่างมาก และนั่นก็มาถึงในเกมกับเอฟเวอร์ตัน ในฤดูกาลต่อมา ช่วงหลังจากนั้น ผมได้ลงเล่นกับซันเดอร์แลนด์ ราว 30 เกม และต้องเจอกับอาการบาดเจ็บที่คอยเล่นงาน"
เอฟเวอร์ตัน (2017 - ปัจจุบัน)
"ผมย้ายมาร่วมทีมเอฟเวอร์ตัน เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่แล้ว มันก็เหมือนกับที่ซันเดอร์แลนด์ เพราะทุกคนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี เอฟเวอร์ตัน เป็นสโมสรครอบครัว และสตาฟโค้ชทุกคนก็เป็นกันเองมาก มันช่วยให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย ปลดความกดดันทิ้งไป ผมทำงานอย่างหนักในสนามซ้อม และทำเต็มที่ในสนามแข่งขัน ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องค่าตัวมหาศาลของตัวเองเลย ผมมีความสุขกับการเล่นฟุตบอล เราเริ่มต้นฤดูกาลได้ไม่ค่อยดี อย่างไรก็ตาม เราได้กุนซือคนใหม่ที่เข้ามากอบกู้สถานการณ์ เราไม่ได้อยู่ห่างไกลจากเป้าหมายที่วางไว้ นั่นคือที่ 6 หรือ 7"