:::     :::

ลอฟเรนสมาชิกที่5แข้งหงส์ชิงฯบอลโลก

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เดยัน ลอฟเรน ปราการหลังทีมชาติโครเอเชีย อาจโดนคนอังกฤษจวกว่าเล่นสกปรก แต่กลับรอดพ้นสายตาผู้ตัดสินในรอบรองชนะเลิศ ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ 2018 ... มาถึงจุดนี้ใครแคร์!เมื่อ ตาหมากรุก สร้างประวัติศาสตร์เข้าชิงฯ ส่วนระดับสโมสรก็ขึ้นหิ้งลำดับที่ 5

ลอฟเรน ลงสนามเป็น 11 ตัวจริงเกมที่โครแอตแซงชนะ อังกฤษ 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ณ สังเวียน ลุซนิคกี้ วานนี้ 

นับเป็นหน้าประวัติศาสตร์ชาติตั้งแต่ได้รับการอนุมัติจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) และ สหพันธ์ฟุตบอล ยุโรป (ยูฟ่า) ให้ลงแข่งใต้ธง 'ตาหมากรุก' เมื่อปี 1993 แล้วเข้าถึงนัดชิงฯทัวร์นาเมนต์ 


ลอฟเรน (ซ้าย) ตอดใส่ เคน (ขวา) ตลอดเกมแต่ไม่มีใบเหลือง

ก่อนลงสนามหลายคนก็กังวลว่าแข้งวัย 29 กะรัต จะออกลูกเหวอเนื่องจากต้องตามประกบ แฮร์รี่ เคน กองหน้ากัปตันทีม 'สิงโตคำราม' โจทย์เก่าซึ่งเคยพลาดจนออกทะเลในเกมพรีเมียร์ลีกที่รับใช้ต้นสังกัด 

แต่ผิดคาด! ปราการหลังจอมห้าวอาศัยการตอดเล็ก ตอดน้อยตั้งแต่เข้าประกบ, มีแอบอัดระหว่างชิงเหลี่ยมเพื่อเล่นเซตพีซในเขตโทษ หรือแม้แต่การตัดฟาวล์จั๋งๆ 3 หน ตลอด 120 นาที 

เดชะบุญผู้ตัดสิน กูเน็ต ชาคีร์ ไม่ยักแจกใบเหลือง จึงทำให้ลอยนวลสร้างความกวนใจแก่แนวรุกอังกฤษครบเวลา ตามเก็บลูกโด่งได้หมด, สกัดกั้น 7 หน, หนึ่งบล็อค ซึ่งนอกจากฟรีคิกที่เสียประตูตั้งแต่ 5 นาทีแรก ตลอด 115 นาทีต่อมายังกันลูกยิงตรงกรอบไม่ให้ย่างกรายมาใกล้มือนายด่าน ดานิเยล ซูบาซิช แม้สักหน


เปา ชาคีร์ (ซ้าย) ไม่ยักคาดโทษแนวรับโบราณแมน

"ผมพาสโมสร ลิเวอร์พูล เข้าชิงชนะเลิศ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ ลีกและตอนนี้ก็ได้พาประเทศกรุยทางสู่รอบชิงชนะเลิศในศึกฟุตบอลโลก 2018 ได้สำเร็จ"

"ชาวโลกควรจะสำเหนียกได้สักทีว่า ผมนี่แหละคือหนึ่งในปราการหลังที่ดี่สุดบนโลกและอย่าพูดอะไรที่ไร้สาระอีก" ลอฟเรน คำรามก้องหลังการแข่งขัน 

อย่างไรก็ตามในมุมมองของ แกรม โพลล์ อดีตผู้ตัดสิน ฟีฟ่า ชาวอังกฤษ กลับมองว่าเชิ้ตดำที่ทำหน้าที่วานนี้ หย่อนยานมากที่ปล่อยนักเตะซึ่งเล่นสกปรก! ในความเห็นของเขาลอยนวลแบบไม่ถูกคาดโทษ 

"เมื่อผู้เล่นได้รับไฟเขียวให้ฟาวล์เล็กๆน้อยๆต่อเนื่อง โดยไม่มีการลงโทษมันก็เหมืออนุญาตทีมจอมตุกติกเจริญรุ่งเรือง" เปา ซึ่งแจก 3 ใบเหลืองให้กับผู้เล่นคนเดียวเมื่อ เวิลด์ คัพ 2006 แสดงความเห็นกับ เดลี่ เมล 


ลอฟเรน กร้าวว่าผมนี่คือกองหลังหัวแถวโลก

โพลล์ เจาะจงไปยัง ลอฟเรน และปีกขวา อันเต้ เรบิช ซึ่งกดฟาวล์รวมกันถึง 9 ครั้ง ว่าเป็นตัวเบรกเกมรุก อังกฤษ สามารถอัดหนักๆหนแล้วหนเล่าแต่ก็แลกแค่ 1 ใบเหลืองของรายหลัง 

ทั้งนี้จะโทษ โครเอเชีย หรือ ลอฟเรน ฝั่งเดียวก็ดูไม่ยุติธรรมเพราะกระดูกบอลบวกประสบการณ์นานาชาติคือจุดเด่นซึ่งเหนือกว่าขุนพลหนุ่มของ ผจก.ทีม แกเร็ธ เซาธ์เกต ทาง 'สิงโตคำราม' คงต้องไปหวังต่อยอดทีมชุดปัจจุบันกับทัวร์นาเมนต์ต่อไป

ปีนี้ขอไว้ให้ เดยัน กับชาวคณะเข้าวัดฝีเท้าดวลทีมชาติฝรั่งเศส ( 15 ก.ค.) ว่าท้ายสุดเวิลด์ คัพ 2018 จะมีแชมป์โลกหน้าใหม่ หรือหน้าเดิม 

ส่วนที่ไม่ต้องลุ้นคือเจ้าของเบอร์#6 แห่ง แอนฟิลด์ ถูกรวมสู่ก๊วนแข้งซึ่งสามารถเข้าชิงชนะเลิศ บอลโลก ระหว่างยังสังกัด ลิเวอร์พูล อันประกอบด้วย 


ฮันท์ (กลาง) กองหน้าทีมชาติอังกฤษ เมื่อเวิลด์ คัพ 1966

โรเจอร์ ฮันท์ (อังกฤษ : เวิลด์ คัพ 1966) 

ก่อนนี้เป็นนักเตะ ลิเวอร์พูล คนเดียวที่ได้ออกสตาร์ตบอลโลก นัดชิงชนะเลิศ แล้วได้ชูโทรฟี่ จูลส์ ริเมต์ โดยทัวร์นาเมนต์เมื่อปี 1996 ฮันท์ ลงเล่นครบ 6 เกม 

ตำนานกองหน้า 'หงส์แดง' ทำประตูหนึ่งลูกเกมพบ เม็กซิโก, กดเบิ้ลใส่ ฝรั่งเศส รอบแบ่งกลุ่ม และผ่านบอลให้ เจฟฟ์ เฮิร์สท์ ซัลโวช่วงต่อเวลาพิเศษเอาชนะ เยอรมัน ตะวันตก แม้ว่าจถกเถียงถึงทุกวันนี้ว่าบอลข้ามเส้นทั้งใบหรือไม่ 

สกอร์ท้ายสุดจบที่ 4-2 เป็นแชมป์โลกหนแรกของ อังกฤษ และประสบการณ์ดีสุดใต้สีเสื้อ 'ทรี ไลออนส์' ของ ฮันท์ 


ฮามันน์ (ขวา) ดวลกับ คาร์ลอส (ซ้าย) ในบอลโลกที่ เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น เป็นเจ้าภาพ

ดีทมาร์ ฮามันน์ (เยอรมัน : เวิลด์ คัพ 2002) 

ฮามันน์ อีกหนึ่งแข้งดอยช์ที่คนอังกฤษจำได้เป็นอย่างดีเพราะทำประตูในเกมชนะ 'สิงโตคำราม' 5-1 ถึงสังเวียน เวมบลี่ย์ รอบคัดเลือก ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ หนนี้ ทั้งที่มันคือการสั่งลาสนาม เวมบลี่ย์เก่า จนพวก 'อินทรีเหล็ก' จบอันดับสองกลุ่ม ได้สิทธิ์เพลย์ออฟ 

ซึ่งยี่ห้อ เยอรมัน ก็การันตีความชัวร์เมื่อทะลุถึงรอบสุดท้าย ก็กรุยทางถึงเกมชิงฟีฟ่า เวิลด์ คัพ กับ บราซิล ด้วยผลงานลงสนาม 6 นัดก่อนนั้นยิงกระจุย 13 สกอร์เสียแค่หนึ่งประตู 

'ดิดี้' ลงเล่นตัวจริง ณ สนาม โยโกฮาม่า ทว่าก็เกินต้านความเก่งของ ' 3 อาร์' ฝั่งแซมบ้าทั้ง โรนัลโด้, ริวัลโด้ หรือ โรนัลดินโญ่ จึงพ่ายไป 0-2 


เคาท์ (ขวา) มีวาสนาแค่ชิงชนะเลิศ

เดิร์ค เคาท์ (ฮอลแลนด์ : เวิลด์ คัพ 2010) 

เฉกเช่นเดียวกับ อังกฤษ และ โครเอเชีย ในบอลโลกหนนี้ ย้อนไปกว่า 8 ปีที่แล้วก็ไม่มีใครเชื่อว่า ฮอลแลนด์ จะสามารถผ่านเข้าชิงชนะเลิศ ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ ฉบับแอฟริกาใต้ 

ด้วยผลงานชนะ 6 เกมติดตั้งแต่กรุ๊ป สเตจ โดยมีเหยื่อเป็น ญี่ปุ่น, เดนมาร์ก, แคเมอรูน, สโลวาเกีย, บราซิล และอุรุกวัย กระทั่งเข้ามาดวลกับเต็งหาม สเปน 

เคาท์ ได้ลงสนามทัวร์นาเมนต์นัดทุกนัด ทำไป 1 สกอร์ โดยรอบชิงชนะเลิศได้โอกาสเล่น 71 นาที ตำแหน่งตัวรุกฝั่งซ้าย แล้วโดนเทรนเนอร์ เบิร์ท ฟาน มาร์ไวจ์ค เปลี่ยนออก 


เพราะฟีฟ่า เวิลด์ คัพ 2010 อยู่ในมือ ตอร์เรส นามทีมชาติ สเปน

เฟร์นานโด ตอร์เรส (สเปน : เวิลด์ คัพ 2010) 

อาการบาดเจ็บทำให้ ตอร์เรส ได้เพียงรอโอกาสฐานะสำรองในรอบชิงชนะเลิศ 2010 โดย 4 จาก 6 แมตช์ก่อนนั้นออกสตาร์ต 11 ตัวจริง 

'เอล นินโญ่' ถูกส่งลงแข่งช่วงต่อเวลาพิเศษ 15 นาที ท้ายเพื่อกดดันแผงหลังดัตช์แทน ดาบิด บีย่า ซึ่งหมดแรงข้าวต้ม 

ซึ่ง ตอร์เรส ก็มีส่วนกับประตูชัยนาที 116 เมื่อเปิดบอลข้ามฟากจะให้ อันเดรส อีเนียสต้า ในกรอบฝั่งขวา กองหลัง 'อัศวินสีส้ม' สกัดไม่ขาดเข้าทาง เชส ฟาเบรกาส จึงไหลซ้ำถึงมิดฟิลด์บาร์เซโลน่าแต่งหนึ่งทีแล้วซัลโวหายจนก้นตาข่าย ซิวแชมป์โลกสมัยแรก 


ดิยาร์ร่า (กลาง) อดีตแข้งหงส์ในเวิลด์ คัพ 2006 นัดชิงชนะเลิศ

นอกจากนั้ยังมีนักเตะซึ่งเคยเล่นกับ ลิเวอร์พูล แล้วในเวลาต่อมาเข้าถึงรอบชิงฯ ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ ได้แก่ คริสเตียน ซีเก้ (เยอรมัน : เวิลด์ คัพ 2002), อาลู ดิยาร์ร่า (ฝรั่งเศส : เวิลด์ คัพ 2006), ชาบี อลอนโซ่ (สเปน : เวิลด์ คัพ 2010) และ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ (อาร์เจนตินา  : เวิลด์ คัพ 2014) 

'เดอะ ค็อป' ทั้งหลายหากไม่มีชาติไหนให้เชียร์แล้วก็มารวมพลังหนุน เดยัน ลอฟเรน ในวันที่ 15 ก.ค.นี้กัน ได้เห็นกองกลางโบราณแมนชูถ้วย คงทำให้เราชาวคณะแอบยืดได้พอสมควร

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด