:::     :::

จากกันด้วย(ไม่)ดี

วันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม 2561 คอลัมน์ Football Therapy โดย บี้ เดอะสปา
4,273
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
อันโตนิโอ คอนเต้ ถูกไล่ออกไปเมื่อวันศุกร์ หนึ่งวันให้หลัง เชลซี ก็ประกาศแต่งตั้ง เมาริซิโอ ซาร์รี่ เป็นกุนซือคนใหม่อย่างเป็นทางการ

นี่ไม่ใช่เรื่องที่เกินความคาดหมายของทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นสื่อ, แฟนบอล และ คอนเต้ รวมถึงทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ช เพราะมีแนวโน้มที่ โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีมชาวรัสเซีย จะเปลี่ยนแปลงทีมครั้งใหญ่ตั้งแต่ช่วงปลายฤดูกาลที่ผ่านมาแล้ว

เพียงแต่...คำถามอยู่ที่ว่า ทำไมถึงเพิ่งมาไล่ออกเอาป่านนี้?
หลายคนที่ติดตามข่าวสารแบบรายวันอยู่ คงทราบดีว่าเหตุผลหลักๆ อยู่ที่ค่าชดเชยของ คอนเต้ ที่ยังเหลือสัญญาอยู่ในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ อีก 1 ปี และค่าฉีกสัญญาของกุนซือเป้าหมายอันดับ 1 เมาริซิโอ ซาร์รี่
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ อบราโมวิช และบอร์ดบริหาร สามารถตัดสินใจทำได้เลยคือการเจรจาค่าชดเชยกับ คอนเต้ และแยกทางกันก่อนเป็นอันดับแรก แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น
คอนเต้ และสต๊าฟฟ์โค้ช ต้องจำใจนำลูกทีม (ที่ไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลโลก) รายงานตัวตรวจเช็กร่างกายและลงซ้อมกันเป็นวันแรกตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม เพราะทราบดีว่าถึงอย่างไรแล้วไม่น่าจะเป็นคนนำทีมบินไปเก็บตัวอุ่นเครื่องนัดแรกที่ประเทศออสเตรเลียในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

คอนเต้ ต้องคุมทีมซ้อมแบบจำใจ

ในมุมมองของ คอนเต้ นี่คือเรื่องที่ เชลซี ปฏิบัติต่อกันแบบไม่ให้เกียรติ
จากผลงานอันยอดเยี่ยมในฤดูกาลแรกที่ คอนเต้ มาคุมทีมปุ๊บ ก็พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกปั๊บในฤดูกาล 2016-17 แต่เจออาถรรพ์ซีซั่นสองเข้าไปจนกระเด็นไปจบอันดับ 5 แม้มีถ้วยเอฟเอคัพได้ฉลองติดมือ แต่ที่เสียหายที่สุดคือการพลาดตั๋วลุย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า
ขณะที่มุมของ อบราโมวิช แม้ต้องยอมจ่ายค่าชดเชยปีสุดท้ายให้ คอนเต้ 9 ล้านปอนด์ แต่ 'เสี่ยหมี' คือผู้ชนะในครั้งนี้ เพราะสามารถกันทีมอื่นๆ ที่เคยให้ความสนใจอย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง หรือทีมชาติอิตาลี ไม่ให้มาดึงตัวไปตั้งแต่ช่วงฤดูกาลปิด

แชมป์พรีเมียร์ลีกในช่วงเวลาที่แสนหวานชื่น

แชมป์เอฟเอคัพที่ไร้ความหมาย

นี่คือแถลงการณ์จากทางสโมสรที่ประหยัดถ้อยความเพียงแค่ 61 คำ (ภาษาอังกฤษ) เท่านั้นระบุว่า "สโมสรฟุตบอล เชลซี ได้แยกทางกับ อันโตนิโอ คอนเต้ แล้ว"
"ระหว่างที่ อันโตนิโอ คุมทีม เราคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 6 และแชมป์เอฟเอคัพสมัยที่่ 8 และในฤดูกาลที่เราคว้าแชมป์ยังสร้างสถิติชนะ 30 จาก 38 นัดในพรีเมียร์ลีก รวมถึงชัยชนะในลีก 13 นัดติดด้วย"
"เราขออวยพรให้ อันโตนิโอ ประสบความสำเร็จในอาชีพต่อไปในอนาคต"
คอนเต้ ไม่ใช่คนแรกที่ถูก อบราโมวิช ปฏิบัติแบบไม่ให้เกียรติ เพราะก่อนหน้านี้ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่เคยคุมทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2004-05 และ 2005-06 แต่พอพลาดแชมป์ในซีซั่นต่อไป มีเพียงเอฟเอคัพติดมือ ก็ถูกปลดในช่วงต้นซีซั่นถัดมา

ไอ้น้องเอ้ย! พี่เคยเจ็บมาก่อน

คาร์โล อันเชล็อตติ เคยคว้าดับเบิลแชมป์ พรีเมียร์ลีก และ เอฟเอคัพ ฤดูกาล 2009-10 แต่พอซีซั่นถัดมาจบมือเปล่า ก็โดนปลด เช่นเดียวกับ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ที่พาทีมคว้าดับเบิลแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ เอฟเอคัพ ฤดูกาล 2011-12 ก็ถูกไล่ออกในช่วงกลางฤดูกาลต่อมา
นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น นับตั้งแต่ อบราโมวิช เทกโอเวอร์สโมสรเมื่อปี 2003

เปิดตัว เมาริซิโอ ซาร์รี่ ในวันเสาร์

หลังจากแถลงปลด คอนเต้ ไปเมื่อวันศุกร์ เมาริซิโอ ซาร์รี่ เทรนเนอร์ชาวอิตาเลียนก็ถูกแต่งตั้งทันทีในวันเสาร์ กลายเป็นผู้จัดการทีมคนที่ 9 (ไม่นับรวมผู้จัดการทีมชั่วคราว) ในยุค อบราโมวิช หลังจาก เอาเรลิโอ เด เลาเรนติส เจ้าของทีมดังอิตาลียืนยันการปล่อยตัวให้ เชลซี พร้อมๆ กับ จอร์จินโญ่ กองกลางตัวหลักของทีม
แม้ คอนเต้ จะจากกันด้วย (ไม่) ดีกับ อบราโมวิช แต่นี่คือวิถีทางของสโมสรฟุตบอล หากคุณจบฤดูกาลตามเป้าหมาย (4 อันดับแรก) ไม่ได้ ก็ต้องยอมจากไป ไม่ต่างอะไรกับตำนานผู้จัดการทีมอย่าง อาร์แซน เวนเกอร์

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})