:::     :::

เรียกข้าว่า "ผู้พิฆาตมือหนึ่ง" ก็องเต้ คีย์แมนแชมป์โลก!

วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม 2561 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
5,536
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
..แท้จริงแล้ว "คียแมน" คนสำคัญที่ทำให้ฝรั่งเศสคว้าแชมป์ คือ ชาย "15 ปอด" ผู้ได้สถาปนาตนเองเป็น "มิดฟิลด์ตัวรับ" ที่ดีที่สุดในโลกอย่าง "เอ็นโกโล่ ก็องเต้"

สรุปผลจบกันไปเป็นทีี่เรียบร้อยสำหรับ "ฟุตบอลโลก 2018" หลังจากที่ฝรั่งเศสเอาชนะโครเอเชียไปได้ 4ประตูต่อ 2!

ช่วงต้นเกมทั้งสองฝ่าย ต่างเปิดฉากแลกหมัดกันอย่างเร้าใจ โดยเป็นฝรั่งเศสที่ขึ้นนำก่อนก่อนที่โครเอชียจะตีเสมอได้จากประตูสุดสวยของ "เปริซิช" แต่หลังจากนั้นไม่นานฮีโร่คนนี้จะทำให้ทีมเสียจุดโทษจากแฮนด์บอล ซึ่งภาพจาก VAR ทำให้เห็นว่าบอลโดนมือของเขาจริง ก่อนที่ "กรีซมันน์" จะรับหน้าที่สังหารตุงตาข่าย

ถึงอย่างไรจังหวะนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันในโลกออนไลน์ว่าเป็น "เจตนา" หรือไม่ และ VAR แท้จริงแล้วทำให้ฟุตบอลยุติธรรมขึ้น หรือ หมดความสนุกแบบดั้งเดิมไปกันแน่!

เรื่องนี้ก็คงต้องว่ากันต่อไปยาวๆ 

แต่ที่แน่ๆ คือจังหวะนี้เรียกได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนของเกมอย่างแท้จริง เพราะเกิดขึ้นก่อนหมดครึ่งแรกเพียง 7 นาที นั่นทำให้กุนซือตราไก่ "ดิดิเย เดชองส์" มีเวลาปรับแทคติคอย่างเต็มที่ในช่วงพักครึ่ง เน้นแพ๊คแดนกลางให้แน่น และอาศัยจังหวะสวนกลับ ซึ่งได้กลายเป็นประตูที่ 3 และ 4 โดย ป๊อกบา และ เอ็มบัปเป้ ตามลำดับ

แม้ว่าโครเอเชียจะตีตื้นขึ้นมาจากความผิดพลาดของ "ยอริส" แต่ก็ไม่อาจเจาะแนวรับของฝรั่งเศสไปได้


สิ้นเสียงนกหวีด ฝรั่งเศสกลับมาคว้าแชมป์ได้เป็นสมัยที่ 2 หลังจากอกหักไปเมื่อปี 2006 พร้อมกับเหตุการณ์ "เฮดบัตต์" โลกตะลึงของยอดมิดฟิลด์อย่าง "ซีเนอดีน ซีดาน"

ผ่านไป 12 ปี ฝรั่งเศสได้ทำการฟักฟูมขุมกำลังใหม่ ที่เปี่ยมไปด้วย "พรสวรรค์" ไม่ต่างจาก "ยุคทอง" ในคราวนั้น และด้วยการวางแผนงานในการสร้างทีมอย่างยอดเยี่ยม ทำให้นักเตะเหล่านี้ต่างก้าวขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะ ทั้งแนวรับ มิดฟิลด์ และแนวรุก 

ทำให้ "ฝรั่งเศส" ในเจเนเรชั่นนี้ กลายเป็นหนึ่งในชาติลูกหนังที่มีทรัพยากรนักเตะที่ "อุดมสมบรูณ์" ที่สุดในโลก

เรียกได้ว่า ตัวจริง ตัวสำรอง หรือ แม้กระทั่งนักเตะที่หลุดทีมชาติ ก็สามารถนำมาเล่นทดแทนกันได้อย่างไม่เคอะเขิน

ผลการแข่งขันในตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์เชื่อว่าได้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาสามารถเล่นได้ทุกรูปแบบ ทั้งรุก รับ และสวนกลับ อันตรายทั้งโอเพน เพลย์ และ เซ็ตพีช

ในขณะที่ "ดาวรุ่ง" ดวงใหม่อย่าง เอ็มบัปเป้ ที่เฉิดฉายอย่างแจ่มจรัส ด้วยสปีดที่แคล่วคล่อง เทคนิคจัดจ้าน และอันตรายในจังหวะจบสกอร์ ทำให้ผู้คนทั้งหลายต่างเฝ้าดูว่าหลังจากฟุตบอลโลก เจ้าหนูมหัศจรรย์คนนี้จะพัฒนาไปได้มากขนาดไหน

แต่แท้จริงแล้ว "คียแมน" คนสำคัญที่ทำให้ฝรั่งเศสคว้าแชมป์ในคราวนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน ชายผู้มี"15 ปอด" ผู้ได้สถาปนาตนเองเป็น "มิดฟิลด์ตัวรับ" ที่ดีที่สุดในโลกอย่าง "เอ็นโกโล่ ก็องเต้"


ด้วยพละกำลังที่ไม่มีวันหมด ดูสดใหม่เหมือนเพิ่งลงสนามตั้งแต่เสียงนกหวีดเริ่มจนเสียงนกหวีดสุดท้าย ผนวกกับเซนส์บอลอันน่าเหลือเชื่อ ทำให้ไม่ว่าบอลจะอยู่แห่งหนใดในสนาม ทั้งฝ่ายตนเอง ฝ่ายตรงข้าม เขาคนนี้มักจะปรากฏกายอยู่ในพื้นที่ที่มีบอลอยู่เสมอ

ทำเอาหลายคนคิดว่า "เห้ย นี่มีฝาแฝดลงพร้อมกันหรือเปล่า (วะ)!?"

ดังนั้นไม่ว่าจะจะเป็นเก็บบอลกระฉอกจากจังหวะขลุกขลิก จังหวะเติมเกมรุกสวนกลับเร็ว จังหวะปัดกวาด-ชะลอการบุกจากฝ่ายตรงข้าม หรือจะเป็นหาพื้นที่ในแดนกลางรับส่งบอลเพื่อเชื่อมเกม

ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาชายคนนี้ทำได้ทั้งหมด และทำได้ดีด้วย!

การเล่นของเขาจึงไม่ใช่การวิ่งพล่าน แต่เป็นการวิ่งพล่านอย่างชาญฉลาด แถมยังแฝงไปด้วยเทคนิคชั้นสูงในการเล่น ทั้งการรับส่งบอลอย่างแม่นยำ การหาพื้นที่ว่าง ครองบอลอย่างเหนียวแน่น และอ่านจังหวะของเกมได้ล่วงหน้า สิ่งเหล่านี้อาจไม่ได้ปรากฏวูบวาบเหมือนอย่าง ป๊อกบา หรือ โมดริช เพราะเขาเลือกที่จะเล่นให้ง่ายที่สุด

นอกจากนี้ยังไม่นับรวมถึง "สปีดต้น" ที่ไม่ต่างจากแนวรุก และ "เหลี่ยมมุม" ในการเข้าสกัดอย่างชาญฉลาด ทำให้เขากลายเป็น "ผู้พฆาตมือหนึ่ง" ที่แนวรุกฝ่ายตรงข้ามต่างหวาดกลัว โดยไม่จำเป็นจะต้องเล่น "สกปรก" ให้แปดเปื้อน

ลีโอเนล เมสซี่-หลุยส์ ซัวเรซ-เอเด็น อาซาร์-เควิน เดอบรอยน์ รวมไปถึงสองรายล่าสุด อย่าง อิวาน ราคิติช และ ลูก้า โมดริช ทั้งหมดทั้งมวลเป็นรายชื่อมิดฟิลด์และแนวรุกระดับ "เวิร์ดคลาส" ที่เขาต้องเผชิญหน้าตลอดทัวร์นาเมนต์

และเป็น ก็องเต้ ที่ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกการเผชิญหน้าเก็บชัยเหนือมือหนึ่งของแต่ละทีม โดยเฉพาะจังหวะการดวลต่อตัว ที่ไม่ว่าจะเป็น มนุษย์ต่างดาว อย่าง "เมสซี่" หรือ จอมลากเลื้อย อย่าง "อาซาร์" ก็ไม่อยากเผชิญหน้ากับบุรุษผู้นี้


แม้ว่าในนัดชิงชนะเลิศ เขาอาจไม่สามารถลงเล่นได้จนจบเกม เพราะโดนเปลี่ยนออกเนื่องจากมีใบเหลืองจากจังหวะตัดเกม แต่ต้องยอมรับว่าทุกนาทีที่เขาอยู่ในสนามตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์นั้นช่าง "คุ้มค่า" สำหรับทีมชาติฝรั่งเศสเหลือเกิน

การมีเขาอยู่ในสนามทำให้ฝรั่งเศสชุดนี้สามารถเล่นได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะรุก-รับ หรือสวนกลับ เพื่อนร่วมทีมต่างอยากให้เขาอยู่ในสนาม แนวรับที่แข็งแกร่งยิ่งมีเขาอยู่ยิ่งทำงานได้ง่ายขึ้น แนวรุกที่เปี่ยมพรสวรรค์ต่างสามารถฉายแสงเปล่งประกายอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องพะวงหลัง

แม้ว่า "โมดริช" จะได้รับตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์นี้ แต่นั่นยิ่งทำให้เห็นว่า "ก็องเต้" เป็นนักเตะที่เรียกได้ว่า "ปิดทองหลังพระ" อย่างแท้จริง

และถึงทุกวันนี้ทองได้ล้นมาหน้าพระให้ทุกคนได้เชยชมเป็นที่เรียบร้อย

ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มความสามารถ

เรียบง่ายแต่ทรงพลัง

นาทีนี้คงไม่มีใครเกินชายที่มีชื่อว่า "ก็องเต้"!


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})