:::     :::

จุดยืนของโอซิล

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ซัมเมอร์นี้คือช่วงเวลาที่ เมซุต โอซิล เผชิญกับความยากลำบากมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย มันหนักอึ้งเกินรับได้และถึงจุดที่ต้องบอกลาการรับใช้ทีมชาติเยอรมันที่ทุ่มเทมาตลอด 10 ปี

เพียง 3 เดือนหลังตัดสินใจต่อสัญญากับทีมออกไป อาร์แซน เวนเกอร์ ดันสละเก้าอี้โบกมือลาตำแหน่งกุนซือก่อนสิ้นสุดสัญญา

จากที่ปักใจว่าพร้อมกอดคอสู้ไปด้วยกันอีกเฮือก กลายเป็นถูกปล่อยทิ้งไว้กลางทาง ไม่มีคนที่คอยโอบอุ้มเหมือนเคย และต้องฝากอนาคตไว้กับกุนซือคนใหม่

พาทีมชาติเยอรมันไปป้องกันแชมป์โลกที่รัสเซียก็ต้องจบแบบฝันร้ายสุดๆ เมื่อทัพอินทรีเหล็กกระเด็นตกรอบแรกอย่างไม่มีใครคาดคิด แถมเป็นบ๊วยของกลุ่มอีกต่างหาก 

โอซิล กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ถูกวิจารณ์อย่างหนัก ในฐานะซูเปอร์สตาร์ของทีม เขาไม่สามารถทำผลงานได้อย่างที่หลายคนคาดหวัง

แต่ที่เป็นวิบากกรรมชีวิตมากที่สุดคือ การถ่ายรูปคู่กับ เรเซป ทายยิป เออร์โดกาน ประธานาธิบดีตุรกีก่อนฟุตบอลโลกเปิดฉาก

การร่วมเฟรมผู้นำจากประเทศที่เป็นต้นกำเนิดบรรพบุรุษของตัวเองไม่น่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ แต่กรณีของผู้นำตุรกีคนนี้ต่างออกไป

เออร์โดกาน กำลังมีกรณีพิพาทกับผู้นำหลายคนของยุโรป และเคยกล่าวหาเยอรมันว่าเป็นฟาสซิสต์หลังไม่อนุญาตให้รัฐมนตรีตุรกีเข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองในยุโรป 

การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ เออร์โดกาน พยายามขับเคลื่อนจากระบบรัฐสภาเป็นประธานาธิบดีถูกมองว่าจะทำให้ตัวเขาปกครองประเทศแบบเผด็จการมากขึ้น


ภาพปัญหาที่ โอซิล และ อิลคาย กุนโดกาน ถ่ายร่วมกับ เรเซป ทายยิป เออร์โดกาน (ที่ 2 จากขวา) 

ภาพลักษณ์ของ เออร์โดกาน ในสายตาชาวโลกไม่สู้ดีอยู่แล้วนับตั้งแต่มีรัฐประหารเมื่อปีก่อน ขณะที่รัฐบาลของเขาก็ริดรอนสิทธิเสรีภาพของสื่อ ประชาชนหลายหมื่นที่ต่อต้านถูกจับกุม และครอบครัวของ เออร์โดกาน ก็พัวพันกับเรื่องคอรัปชั่นจนฉาวโฉ่

นอกจากนี้ เออร์โดกาน ยังสนับสนุนกลุ่มฮะมาสในการต่อต้านอิสราเอลทำให้หลายประเทศไม่พอใจที่ตุรกีให้ท้ายองค์กรซึ่งถูกขึ้นบัญชีดำ

เฉพาะในตุรกีก็มีคนไม่ชอบ เออร์โดกาน อยู่มาก แม้กลุ่มที่ชอบจะมีพอสมควรก็ตาม 

พอ เมซุต โอซิล รวมถึง อิลคาย กุนโดกาน โผล่แชะรูปกับ เออร์โดกาน ก่อนมีการเลือกตั้งในตุรกี เสียงวิจารณ์จึงอื้ออึง และเกิดขึ้นในช่วงเวลาไม่เหมาะสมเพราะศึกใหญ่ในบอลโลกรออยู่ตรงหน้า 

ไม่มีใครรู้ได้ว่าสภาพจิตใจของ โอซิล พร้อมเต็มร้อยแค่ไหนกับฟุตบอลโลกที่รัสเซีย แต่โดยธรรมชาติของมนุษย์ย่อมเป็นธรรมดาหากสมาธิไขว้เขวและสูญเสียโฟกัสตรงหน้า 

ประชาชนในเยอรมันออกมาตำหนิ โอซิล อย่างมากเช่นเดียวกับสื่อในประเทศที่ตามเล่นงาน 

พอผลงานของเจ้าตัวไม่โดดเด่นอย่างที่ควรจะเป็น ขณะที่เยอรมันก็ตกรอบเร็วเกินคาด กระแสโจมตียิ่งพุ่งเป้าเข้าใส่หนักกว่าเดิม 

โอลิเวอร์ เบียร์โฮฟฟ์ ยังให้สัมภาษณ์ในเชิงว่า โอซิล ควรถูกดร็อปจากทีมชุดบอลโลกด้วยซ้ำหลังไม่ได้เคลียร์เรื่องฉาวกับ เออร์โดกาน ให้ชัดเจน 


โอซิล ย้ำจุดยืนตัวเองไม่ได้มีนัยยะทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น

โอซิล นิ่งเงียบอยู่นานมากจนกระทั่งออกมาปกป้องตัวเองเมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 ก.ค. หรือเกือบหนึ่งเดือนนับตั้งแต่อินทรีเหล็กตกรอบบอลโลกอย่างน่าอับอายหลังเกมพ่ายเกาหลีใต้ 0-2

เพลย์เมกเกอร์ปืนโตย้ำชัดเจนว่าการกระทำของตัวเองไม่ได้มีจุดประสงค์ทางการเมืองแม้แต่นิด 

เขารู้จัก เออร์โดกาน ตั้งแต่ปี 2010 ระหว่างเกมของเยอรมันกับตุรกีที่เบอร์ลิน จากนั้นก็ได้พบปะกันเรื่อยๆ และบทสนทนาส่วนใหญ่คือเรื่อง "ฟุตบอล" เพราะตอนเด็ก ประธานาธิบดีตุรกีก็เคยวิ่งหวดลูกหนังมาก่อน 

"ผมมีหัวใจสองดวง ดวงนึงเป็นเยอรมันอีกดวงนึงเป็นตุรกี ในตอนเด็กแม่ผมสอนให้ผมเคารพและอย่าลืมว่าผมมาจากไหน และนั่นยังเป็นสิ่งที่ผมตระหนักคิดมาจนถึงทุกวันนี้"

"ผมตระหนักว่าภาพดังกล่าวทำให้เกิดเสียงตอบรับจากสื่อเยอรมันมากมาย และในขณะที่หลายคนกล่าวหาผมว่าโกหกหรือหลอกลวง ภาพที่เราถ่ายร่วมกันนั้นไม่ได้มีจุดประสงค์ทางการเมืองเลย"

ประโยคเหล่านี้ของ โอซิล บ่งบอกถึงเจตนาที่ชัดเจนและเขาก็ยืนยันว่า "ไม่สำคัญเลยว่าใครคือประธานาธิบดี มันสำคัญที่ว่านั่นคือประธานาธิบดี"

โอซิล คิดเพียงว่าการถ่ายรูปด้วยกันเป็นการแสดงความเคารพต่อบุคคลที่มีตำแหน่งสูงสุดของประเทศที่เป็นต้นกำเนิดครอบครัวตัวเอง และเดินทางมาลอนดอนเพื่องานการกุศล

  ความจริงแล้ว แถลงการณ์ของ โอซิล ผ่านสื่อโซเชียลยาวเหยียดทีเดียว และไฮไลท์สำคัญก็อยู่แถลงการณ์ฉบับ 3 ที่ประกาศเลิกเล่นทีมชาติ ด้วยวัยเพียง 29 ปี  

"หลังจากใคร่ครวญอย่างหนักในเหตุการณ์ที่ผ่านมา ผมตัดสินใจที่จะไม่เล่นให้กับทีมชาติเยอรมนีอีกต่อไป ตราบใดที่ยังรู้สึกว่าถูกเหยียดเชื้อชาติและดูหมิ่น"

"ผมเคยสวมเสื้อทีมชาติด้วยความภาคภูมิใจและตื่นเต้น แต่ตอนนี้ไม่รู้สึกแบบนั้นแล้ว การตัดสินใจครั้งนี้ยากลำบากมากเพราะผมทุ่มเททุกอย่างเพื่อเพื่อนๆร่วมทีม สตาฟฟ์โค้ช และคนดีๆ ในเยอรมนีมาตลอด"

"แต่ในเมื่อผู้บริหารระดับสูงของเดเอฟเบ (ไรน์ฮาร์ด กรินเดล) ปฏิบัติกับผมอย่างที่ทำมา ลบหลู่รากเหง้าเติร์กและใช้ผมเป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง มันเลยมาถึงจุดที่ต้องพอกันที"


เมื่อความรู้สึกไม่เหมือนเดิม โอซิล จึงบอกลาทีมชาติเยอรมนีในทันที

โอซิล ได้ตระหนักรู้มากขึ้นถึงการเป็นคนที่มีชื่อเสียงว่าทุกการกระทำของตัวเองย่อมนำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ 

ต่อให้มีเจตนาอันบริสุทธิ์ ไม่ได้คิดอะไรแอบแฝง แต่ภาพที่สื่อออกมาอาจถูกตีความเป็นอย่างอื่นได้เสมอ มากคนมากความและล้วนมีความคิดเห็นของตัวเอง 

เมื่อทุกอย่างหนักเกินรับไหว การหันหลังแยกทางจึงเป็นทางออกที่ โอซิล เลือก และผ่านการคิดใคร่ครวญมาเป็นอย่างดี 

โอซิลทุ่มเทให้กับทีมชาติมาตลอดนับตั้งแต่ขึ้นชุดใหญ่ในปี 2009 พาทีมคว้าความสำเร็จสูงสุดอย่างแชมป์โลก 2014 และเป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของเยอรมันถึง 5 สมัย 

แฟนบอลและสื่อในเยอรมันพยายามโยนให้ โอซิล เป็นแพะรับบาปมากกว่าใครในความล้มเหลวจากฟุตบอลโลกของทัพอินทรีเหล็ก ทั้งที่ความจริงแล้วนักเตะเกินครึ่งในทีมต่างทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐาน

ว่าไปแล้วก็น่าเห็นใจ โอซิล โดยเฉพาะประโยคทิ้งบอมบ์ที่ว่า "เมื่อเราชนะ ผมคือเยอรมัน แต่เมื่อเราแพ้ ผมก็แค่ผู้อพยพ" 


แชมป์โลก 2014 คือความสำเร็จสูงสุดกับทัพอินทรีเหล็ก



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด