พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2018-19 กำลังจะเปิดฉากขึ้นในอีกไม่ถึง 3 สัปดาห์แล้ว และในซีซั่นใหม่ก็มักจะมีความเคลื่อนไหวใหม่ๆ เกิดขึ้นเป็นประจำทุกๆ ปี
ภายหลังการจากไปของ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน, สโต๊ค ซิตี้ และ สวอนซี ซิตี้ พรีเมียร์ลีก ก็ได้ วูลฟ์แฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส, คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ และ ฟูแล่ม ขึ้นมาแทนที่
วูล์ฟส์ กลายเป็นทีมที่เหนือกว่าชาวบ้านแบบเห็นๆ ตลอดฤดูกาลแชมเปี้ยนชิพซีซั่นที่แล้ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเข้ามาบริหารสโมสรของกลุ่มทุนจากจีน โฟซุน อินเตอร์เนชันแนล ที่ป้อนเม็ดเงินและคอนเน็กชั่นต่างๆ ในการเสริมทัพดาวดังเข้าสู่ทีม
คาร์ดิฟฟ์ ทีมเลือดนักสู้จากเวลส์ บ่งบอกถึงสไตล์การทำทีมของ นีล วอร์น็อค ได้เป็นอย่างดี และทำให้ วอร์น็อค ทำสถิติพาทีมเลื่อนชั้นเป็นครั้งที่ 8 (รวมทุกลีก) มากที่สุดในอังกฤษด้วย น่าเสียดายที่ซีซั่นใหม่อดทำศึกดาร์บี้แมตช์แห่งเวลส์กับ สวอนซี
และทีมที่คว้าตั๋วใบสุดท้าย ฟูแล่ม ใครจะเชื่อว่า สลาวิซ่า โยคาโนวิช จะปลุกทีมให้ฟื้นขึ้นมาได้ หลังผ่านไป 17 นัด เก็บชัยชนะได้เพียง 4 นัดเท่านั้น จมปลักอยู่อันดับ 17 แต่หลังจากนั้นก็ติดเครื่อง และมีช่วงเวลาที่ไม่แพ้ใครยาวนานถึง 23 นัดติดต่อกัน จนจบอันดับ 3 และเป็นแชมป์ในรอบเพลย์ออฟ
ลูกบอล
ซีซั่นใหม่ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงลูกฟุตบอลใหม่เป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งทาง ไนกี้ ได้เปิดตัวลูกฟุตบอล 'เมอร์ลิน' ใช้สำหรับพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2018-19 เรียบร้อยแล้ว
ด้วยเทคโนโลยีที่ทางผู้ผลิตมักอ้างว่ามีการพัฒนาขึ้นทุกปีๆ สีขาว, ดำ, ม่วง, ฟ้า และเหลือง ถูกนำมาใช้กับลูกฟุตบอลรุ่นนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่าช่วยในการมองเห็นของนักเตะให้ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะผู้รักษาประตู เพราะดีไซน์และสีทั้งหมดจะช่วยในการมองเห็นของทิศทางการไซด์โค้ง รวมถึงวิถีและความแรงของลูกฟุตบอลด้วย
ผู้จัดการทีม
หลังจบฤดูกาลที่แล้ว มี 4 สโมสรที่เปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมหรือเฮดโค้ช อาร์แซน เวนเกอร์ ที่ประกาศลาออกตั้งแต่ช่วงท้ายซีซั่นก่อน กับ อันโตนิโอ คอนเต้ ที่เพิ่งโดนไล่ตอนเริ่มซ้อมปรีซีซั่นไปแล้วคือ 2 ผู้จัดการทีมคนดังที่ต้องอำลาอย่างขมขื่น
การเปลี่ยนแปลงของ อาร์เซน่อล ที่ยุติการทำงานอย่างยาวนาน 22 ปีกับ เวนเกอร์ (ชนิดกดดันทางอ้อม) และเลือก อูไน เอเมรี่ กุนซือมันสมองชาวสเปนที่อำลา ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง มาเป็นเฮดโค้ชคนใหม่
เชลซี ก็งัดข้อกับ คอนเต้ จนล่วงเลยถึงวันที่นักเตะทะยอยกลับมารายงานตัวซ้อมปรีซีซั่นไปแล้ว ถึงประกาศปลด แล้วแต่งตั้ง เมาริซิโอ ซาร์รี่ อดีตกุนซือ นาโปลี เข้ามาเป็นเฮดโค้ชแทน สาเหตุหลักๆ คือเรื่องค่าชดเชยที่ต้องจ่ายสองเด้งให้ทั้ง คอนเต้ และทาง นาโปลี
เอฟเวอร์ตัน ก็ปลด แซม อัลลาร์ไดซ์ ตามคาด แล้วแต่งตั้งเป้าหมายที่อยากได้อยู่ก่อนแล้ว มาร์โก ซิลวา ที่กำลังว่างงาน ขณะที่ เวสต์แฮม ก็ไม่ต่อสัญญาให้ เดวิด มอยส์ เพราะมีตัวเลือกในใจคือ มานูเอล เปเยกรินี่ กุนซือชาวชิลี ที่เคยพา แมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก
สนาม
มีเพียงทีมเดียวที่เปลี่ยนแปลงสนามแห่งใหม่ในฤดูกาล 2018-19 นั่นก็คือ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่ปลูกสร้างสนามขึ้นมาใหม่ทับซ้อนกับพื้นที่เดิม ไวท์ ฮาร์ท เลน ที่ถูกทุบทิ้ง แต่มีการขยายพื้นที่เพิ่มขึ้น
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม คือชื่อสนามใหม่ที่ สเปอร์ส ใช้เรียกไปพลางๆ ก่อนระหว่างเจรจาขายสิทธิ์ชื่อสนามอยู่ในเวลานี้ นอกจากเป็นเกมเหย้าของ ไก่เดือยทอง แล้ว รังใหม่ที่มีความจุ 62,062 ที่นั่งจะยังใช้รองรับเกมเอ็นเอฟแอล 2 นัดต่อฤดูกาลด้วย
ปัญหาสำคัญของซีซั่นใหม่คือกำหนดการเปิดตัวสนามที่ล่าช้าออกไปจนถึงช่วงกลางเดือนกันยายน ทำให้ สเปอร์ส ต้องยื่นคำร้องไปยังพรีเมียร์ลีกเพื่อขอเปลี่ยนโปรแกรมไปเล่นเกมเยือนก่อน ดังนั้น 4 นัดแรกพรีเมียร์ลีก ทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ จะเป็นเกมเยือน 3 นัด และ 1 นัดจะเป็นเกมเหย้าที่ขอเช่าสนาม เวมบลีย์ ชั่วคราวในเกมลอนดอนดาร์บี้กับ ฟูแล่ม จากนั้นถึงวางคิวเปิดตัวรังใหม่ในเกมใหญ่กับ ลิเวอร์พูล วันที่ 15 กันยายน
วีเออาร์
คำถามที่ว่า พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2018-19 จะมีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นกับการตัดสินในสนามหรือยัง คำตอบคือ 'ยัง'
วีเออาร์ จะยังไม่ถูกนำมาใช้ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลใหม่ เพราะเหตุผลที่ว่าฟุตบอลอังกฤษยังคงอยู่ในช่วงทดลองใช้เทคโนโลยีดังกล่าว เนื่องจากเกิดกรณีปัญหา ความเคลือบแคลงสงสัย และมาตรฐานที่ไม่เท่ากัน จากการเริ่มใช้ในบอลถ้วยเมื่อฤดูกาลที่แล้ว
แม้แต่ศึกฟุตบอลโลก 2018 เอง ฟีฟ่า ก็ยังมีปัญหาเกิดขึ้นหลายต่อหลายนัด อย่างเช่นกรณีจุดโทษ บางจังหวะ บางเกม ผู้ตัดสินเลือกขอดู วีเออาร์ ก่อนตัดสินใจให้หรือไม่ให้ตามแต่วิจารณญาณส่วนบุคคล แต่ก็ยังมีอีกหลายครั้งที่ผู้ตัดสินไม่สนใจที่จะดูหน้าจอข้างสนามทั้งที่เป็นจังหวะปัญหาคล้ายๆ กัน
ถึงกระนั้น วีเออาร์ ก็ยังจะถูกใช้งานต่อไปเหมือนเดิมในเกมเอฟเอคัพ บางนัด และเกมคาราบาวคัพ บางนัด (ใช้เฉพาะสนามของทีมพรีเมียร์ลีก) ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว เทคโนโลยีดังกล่าวจะสอบผ่านหรือสอบตก ก็คงต้องเรียนรู้กันต่อไปอีกหนึ่งฤดูกาล
นักเตะ
พรีเมียร์ลีกได้ต้อนรับดาวดังหลายต่อหลายคนเข้าสู่ลีกเหมือนเช่นทุกปี และปีนี้ก็มีค่าตัวสถิติโลกตำแหน่งผู้รักษาประตูเกิดขึ้นกับ อาลิสซอน เบ๊คเกอร์ มือ 1 ทีมชาติบราซิล ที่ย้ายจาก โรม่า มา ลิเวอร์พูล 66.8 ล้านปอนด์ เมื่อรวมค่าตัวกับ นาบี เกอิต้า, ฟาบินโญ่, เซอร์ดาน ชาคิรี่ หงส์แดง จ่ายไป 165 ล้านปอนด์
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็สรรค์สร้างสถิติค่าตัวแพงครั้งใหม่ของสโมสร ด้วยการคว้าตัว ริยาด มาห์เรซ มาจาก เลสเตอร์ 60 ล้านปอนด์, เวสต์แฮม ก็ทำสถิติเดียวกันจากการเซ็นสัญญากับ เฟลิเป้ อันแดร์ซอน จาก ลาซิโอ 36 ล้านปอนด์, เชลซี เองก็เฉียดๆ ที่จะทำลายสถิติเช่นกันจากการสอย จอร์จินโญ่ มาจาก นาโปลี
คาดว่า ก่อนตลาดซื้อขายปิดทำการ น่าจะมีสถิติใหม่ๆ เกิดขึ้นอีก หรือไม่ก็จะมีดาวดังตบเท้าสู่พรีเมียร์ลีกอีกไม่น้อย
ตลาดซื้อขาย
พรีเมียร์ลีกตัดสินใจโหวตเรื่องระยะเวลาปิดทำการของตลาดซื้อขาย ก่อนมีมติให้ตลาดปิดก่อนซีซั่นเปิด และซีซั่นนี้ก็ประเดิมกฏใหม่ในวันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม หรือ 1 วันก่อนพรีเมียร์ลีกเปิดฤดูกาลใหม่ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบกับ เลสเตอร์ ในเกมฟรายเดย์ไนท์
ด้วยเหตุนี้ ฟุตบอลลีกของอังกฤษ (แชมเปี้ยนชิพ, ลีกวัน, ลีกทู) จึงต้องสอดรับนโยบายดังกล่าวด้วย และเป็นไปตามกฏของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติที่ระบุเอาไว้ว่าตลาดซื้อขายต้องเปิดทำการอย่างน้อย 12 สัปดาห์ ซึ่งแม้ตลาดซื้อขายของลีกอื่นๆจะยังเปิดทำการตามเวลาปกติไปสิ้นสุดวันที่ 31 สิงหาคม ทีมจากอังกฤษก็ยังสามารถขายนักเตะออกไปต่างแดนได้ แต่ไม่สามารถซื้อเข้าได้หลังจากวันที่ 9 ส.ค.
