:::     :::

ปิดทัวร์แดนลอดช่อง

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ผ่านการทัวร์สิงคโปร์ 2 นัด อาร์เซน่อล ในยุคใหม่ที่มี อูไน เอเมรี่ นำทัพ เริ่มเป็นรูปเป็นร่างพอสมควร

ทีมชุดนี้ถูกเคี่ยวหนักตั้งแต่สัปดาห์แรกที่เข้าแคมป์ปรีซีซั่น ลูกทีมหลายคนบ่นอุบถึงความโหดของการฝึกซ้อม แต่ดอกผลที่เริ่มเห็นคือ ความฟิตอยู่ในระดับที่น่าพอใจอย่างมาก

เอเมรี่ ต้องการให้ลูกทีมเพรสซิ่งและวิ่งมากขึ้นเพื่อยกระดับพละกำลังให้พร้อมสำหรับพรีเมียร์ลีกที่เขารู้ดีว่าความฟิตคือสิ่งสำคัญมาก 

ชุดตัวจริงในนัดสองกับปารีส แซงต์-แชร์กแมง เปลี่ยนเป็น เมซุต โอซิล, อเล็กซ์ อิโวบี้ และ โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ ได้ออกสตาร์ตและเป็นการเล่นปรีซีซั่นนัดแรกของทั้งสามแข้งที่ทีมชาติตกรอบแรกฟุตบอลโลกที่รัสเซีย

เฮนริค มคิทาร์ยาน ได้สลับลงตัวจริงเช่นกัน ขณะที่ ปิแอร์-เอเมริค โอบาเมย็อง ได้เปลี่ยนบทบาทจากริมเส้นฝั่งซ้ายเข้ามายืนหน้าเป้า ส่วน มัตเตโอ เกวนดูซี่ ได้ลุยต่อเนื่องเพื่องัดคุณภาพที่มีให้ทุกคนได้เห็น 

เราได้เห็น 4 ตัวรุกทั้ง โอซิล, อิโวบี้, มคิทาร์ยาน และ โอบา วิ่งไล่บอลตั้งแต่แดนหน้า บีบให้เปแอสเชต้องรีบคลายบอลทิ้งเร็ว ขณะที่ เอลเนนี่ และ เกวนดูซี่ คอยดักเก็บตกตรงกลาง

ผ่าน 45 นาที อิโวบี้ กับ เอลเนนี่ ได้ออกไปพัก ขณะที่ โอซิล ได้เล่นอีกเกือบยี่สิบนาที อากาศร้อนที่แดนลอดช่องเริ่มเล่นงานทั้งสามที่เพิ่งเข้าแคมป์หลังเพื่อนร่วมทีมคนอื่น คงต้องให้เวลาอีกนิดเพื่อเร่งทำความฟิตให้ทันเพื่อนร่วมทีมคนอื่น 


โอซิล ได้สวมปลอกแขนนำทีมและยิงประตูได้ทันทีในนัดแรกของตัวเอง

เด่นสุดในนัดนี้คงต้องยกให้ เกวนดูซี่ ที่เล่นดีกว่านัดกับตราหมีมาก การมีผู้ช่วยอย่าง เอลเนนี่ ขนาบข้างทำให้มีตัวคอยซ้อนและคอยวิ่งหาพื้นที่ว่างรอรับบอลตลอด ต่างจากวันที่ยืนคู่ แรมซี่ย์ ซึ่งขยับสูงมากกว่า

ดาวรุ่งน้ำหอมทำได้ดีกว่าที่หลายคนคาดคิด เชื่อมเกมตรงกลางได้ลื่นไหลเนียนตา นิ่งเกินอายุ และกล้าเล่น แถมยังมีลูกวางยาว 3-4 ครั้งให้เพื่อนหลุดเข้าพื้นที่อันตรายทันที

เรียกได้ว่า ''มีแวว'' อย่างมาก และอาจเป็นอีกครั้งที่เพชรเม็ดใหม่อันมาจากสายตาอันเฉียบแหลมของ สเวน มิสลินตัท กำลังเปล่งประกาย

ในส่วนของแท็กติกการเล่นแม้ เอเมรี่ จะบอกหลังเกมว่ายังต้องปรับอีกพอสมควร แต่ลูกทีมก็เริ่มเข้าใจในสิ่งที่กุนซือคนใหม่ต้องการ

ในยุค เวนเกอร์ อาร์เซน่อลมักโดนวิจารณ์ว่าไม่มี ''แผน 2'' เพื่อปรับกลยุทธ์โจมในเกมที่คู่แข่งเตรียมตัวมาดีและตั้งรับจนทำอะไรไม่ถนัด 

แต่การเล่นกับเปแอสเชที่เริ่มต้นด้วยระบบ 4-3-3 ไม่ได้ยึดตายตัวตลอดเกมเพราะบางช่วงที่ครอบครองบอลก็ปรับเป็น 4-2-3-1 โอซิล, อิโวบี้ และ มคิทาร์ยาน ขยับมายืนในตำแหน่งใกล้เคียงกันเพื่อคอยเปิดบอลให้โอบาเมย็อง 

ส่วนจังหวะที่เป็นฝ่ายไล่บอลก็เป็น โอซิล หรือ อิโวบี้ สลับขึ้นไปช่วย โอบาเมย็อง วิ่งไล่กดดันการเปิดบอลจากแนวรับของเปแอสเชจนดูเหมือนเล่น 4-4-2 

การเข้าทำยังเหลือ ''คราบ'' ของอาร์เซน่อลในยุค อาร์แซน เวนเกอร์ พอสมควรโดยเฉพาะการต่อบอล แต่สิ่งที่เริ่มเปลี่ยนไปคือ จังหวะการโจมตีคู่แข่งที่ใช้เวลาน้อยกว่า มีบอลสั้นสลับวางยาวจากแนวลึก 

ภาพติดตาในยุค เวนเกอร์ คือการถ่ายบอลหน้าเขตโทษซ้าย-ขวา, ขวา-ซ้ายมากเกินไปจนคู่แข่งลงมาตั้งรับได้ทัน  แต่สิ่งที่เริ่มเปลี่ยนคือ การแทงทะลุช่องที่รวดเร็ว เล่นบอลไดเรกต์มากขึ้น 

จริงอยู่ว่าตัวผู้เล่นทั้งชุดที่ออกสตาร์ตตั้งแต่นาทีแรกและสำรองในครึ่งหลังเหนือกว่าเปแอสเชอย่างมาก 

ทีมแชมป์ฝรั่งเศสอาจมีเพียง อาเดรียน ราบิโอต์ กับ จานลุยจิ บุฟฟ่อน ที่น่าจะเป็นตัวจริงเมื่อฤดูกาลเปิดฉาก ที่เหลือล้วนเป็นสำรองและดาวรุ่ง ดังนั้นจึงอาจชี้วัดศักยภาพที่แท้จริงไม่ได้


มัตเตโอ เกวนดูซี่ ทำผลงานได้โดดเด่นเกินอายุ

แต่อย่างน้อย เอเมรี่ ก็ได้เห็นลูกทีมเล่นอย่างที่เคี้ยวหนักตลอดการฝึกซ้อม การที่คู่แข่งมีความพร้อยน้อยกว่าทำให้อาร์เซน่อลได้ทำความเข้าใจแนวทางการเล่นที่ เอเมรี่ ต้องการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสำคัญมากในช่วงเริ่มต้นแบบนี้

2 นัดที่สิงคโปร์ทำให้ได้เห็นผลงานของดาวรุ่งหลายคนว่าไม่ธรรมดาทั้ง มัตเตโอ เกวนดูซี่ และ เอมิล สมิธ โรว์ 

เห็นการเล่นของ สมิธ โรว์ แล้วไม่แปลกใจว่าทำไม เอเมรี่ ถึงออกปากชมอย่างมากตั้งแต่ช่วงเก็บตัวที่อังกฤษ และหนีบมาทัวร์สิงคโปร์ด้วย

หากใครตามดูผลงานของทีมเยาวชนอาร์เซน่อลที่เข้าถึงรอบชิงฯ เอฟเอ ยูธ คัพ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว (ก่อนแพ้ เชลซี) สมิธ โรว์ คือแกนหลักที่ทำผลงานโดดเด่นมาก ขับเคลื่อนเกมตรงกลางอย่างขยันขันแข็ง

ดาวรุ่งที่เพิ่งอายุครบ 18 ปีในวันลงเล่นกับเปแอสเช รูปร่างสูงใหญ่ กำยำ และมีความแข็งแกร่ง ไม่เสียเปรียบในจังหวะเบียดปะทะ 

นอกจากยิง 1 สุดสวย และจ่ายอีก 1 ในทริปนี้แล้ว ยังมีชอตจ่ายข้างเท้าจากริมเส้นโค้งไปหน้าเขตโทษคู่แข่งให้เห็นด้วย คือโชว์ให้เห็นเลยว่ามีของ 

ขณะที่ตัวหลักอย่าง อเล็กซองด์ ลากาแซตต์, ปิแอร์-เอเมริค โอบาเมย็อง รวมถึง เมซุต โอซิล ก็ทำได้ดีไม่แพ้กันโดยเฉพาะรายหลังที่ลงนัดแรกและได้สวมปลอกแขนกัปตันทีม

มีน่าผิดหวังหน่อยก็ 2-3 รายไม่ว่าจะเป็น เซอัด โคลาซินัช ซึ่งได้โอกาสเต็มที่ในช่วงที่ นาโช่ มอนเรอัล ยังไม่เข้าแคมป์ ทว่ายังมีข้อผิดพลาดให้เห็นเรื่อยๆ และชัดเจนมากตอนเสียบผู้เล่นเปแอสเชจนเสียจุดโทษแบบไม่จำเป็น

ส่วน ลูคัส เปเรซ ก็ได้โอกาสน้อยไปหน่อยใน 2 นัดนี้ ทั้งที่ช่วงฝึกซ้อมทำได้ดีมาก ทำให้อนาคตเริ่มสั่นคลอนอีกครั้งแม้มีกุนซือคนชาติเดียวกันกุมบังเหียนก็ตาม

ในภาพรวม อูไน เอเมรี่ กำลังได้ทีมที่ลงตัว และสามารถเล่นได้หลากหลายแท็กติก ทว่ายังมีจุดที่ยังต้องหาคำตอบก่อนถึงนัดเปิดสนามกับ ''แชมป์เก่า'' แมนฯ ซิตี้ 

โอบาเมย็อง เล่นตำแหน่งหน้าเป้าได้วูบวาบอันตรายมากกว่าตอนถูกโยกไปริมเส้น เขาคือหนึ่งในดาวยิงที่ดีที่สุดของลีก และโชว์ศักยภาพได้มากกว่าเมื่ออยู่ในเขตโทษ

อาร์เซน่อลทุ่มเงินเป็นสถิติสโมสรก็เพื่อคุณภาพในการทำประตู ดังนั้นการถูกโยกออกด้านข้างบ่อยครั้งจะเป็นการทำเสียของเกินไป

เอเมรี่ ต้องหาทางออกให้ได้เพราะ ลากาแซตต์ เองก็ทำได้ดีไม่แพ้กันในบทบาทหน้าเป้า ถอดใครเป็นสำรองก็ตัดสินใจลำบาก หรืออาจจะเล่นระบบหน้าคู่ก็ต้องมาเซตกลางกันใหม่ 

ส่วนตรงกลางจะมีตัวเลือกมากขึ้นเมื่อ กรานิต ชาคา กับ ลูคัส ตอร์เรยร่า หนึ่งในแข้งใหม่เดินทางสมทบกับทีมเมื่อกลับถึงยุโรป  


เพิ่งเปิดตัวชุดแข่งชุดที่ 3 ไปหมาดๆ ก็ใส่ลงสนามอวดแฟนบอลทันที

ในการอุ่นเครื่องอีก 2 นัดที่ต้องเจอ เชลซี ในศึกไอซีซีที่สวีเดน กับ ลาซิโอ จะเป็บเกมทดสอบว่าใครดีพอที่จะได้ออกสตาร์ตนัดแรกกับแมนฯ ซิตี้

ตอนนี้ดูยากเหลือเกินว่าใครจะได้เล่นบทบาทมิดฟิลด์ตัวกลางร่วมกับ อารอน แรมซี่ย์ ซึ่งน่าจะเป็นตัวเลือกแรกของ เอเมรี่

คู่เซนเตอร์มีการสลับสับเปลี่ยนกันทุกเกมในช่วงอุ่นเครื่อง แต่ถ้าเอาเรื่องของประสบการณ์ก็ต้องเป็นคู่ของ ชโคดราน มุสตาฟี่ กับ โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส ที่ได้ลองประสานงานกันในครึ่งแรกกับปารีส

อีกจุดที่สำคัญมากคือ กัปตันทีม

ตอนนี้ อูไน เอเมรี่ ยังไม่ตัดสินใจเพียงแต่บอกคร่าวๆ ว่ามีถึง 5 คนที่พอจะรับบทบาทผู้นำทีมได้ในช่วงที่ โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ ยังพักรักษาตัวอาการบาดเจ็บ และอาจต้องรอถึงต้นปีหน้ากว่าจะกลับมาได้ 

มี 3 คนที่ถูกระบุชื่อออกมาแล้วคือ ปีเตอร์ เช็ก, อารอน แรมซี่ย์ และ เมซุต โอซิล ซึ่งต่างมีดีคนละแบบ

เช็ก อายุมากสุด, แรมซี่ย์ อยู่กับทีมมากนานสุด ส่วน โอซิล ฝีเท้าดีสุด และมีอีกเหตุผลที่อาจแซงหน้า 2 รายแรกได้รับบทบาทนำทีม 

มุมมองข้างสังเวียนวิเคราะห์ว่านี่คือการ ''ซื้อใจ'' ในช่วงที่เจ้าตัวกำลังโดนมรสุมจากดราม่าทีมชาติจนต้องบอกลาการลงเล่นให้เยอรมัน

อาร์เซน่อล และ อูไน เอเมรี่ ต้องการทำให้เห็นว่า แม้ โอซิล จะเป็นเหมือนส่วนเกินจากที่อื่น แต่สโมสรก็พร้อมยืนเคียงข้างและให้ความสำคัญเสมอ 

การให้ความสำคัญ โอซิล อย่างเต็มที่อาจทำให้เราได้เห็นฟอร์มอันแท้จริงของจอมทัพหมายเลข 10 ที่ดีที่สุดในโลก 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า โอซิล เองก็มีแรงกระตุ้นเต็มเปี่ยมเพื่อพิสูจน์ตัวเองเช่นกัน



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด