ฝนที่ยังไม่หยุดตก เมื่อ "โมราต้า" ขอสู้เพื่อกลับฝั่ง!
“ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ” นี่คือสุดยอดประโยคคลาสสิคปลอบประโลมใจยามทท้อแท้และอ่อนแรงให้กลับมามีพลังฮึดสู้ เป็นเหมือนลมที่โหนพัดให้ไฟในใจให้ลุกโชนพร้อมโจนทะยานไปข้างหน้าได้อีกครั้ง
เช่นกันเมื่อใครสักคนตกอยู่ในช่วงเวลาที่เกือบจะล้มเหลวจนอาจจะล้มเลิกความฝันมักจะบอกกับตัวเองแบบนี้
เวลานี้เชื่อว่า “อัลบาโร่โมราต้า”ก็เป็นอีกคนที่กำลังพูดย้ำกับตัวเองเช่นกัน
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ิเจ้าตัวได้ถูก ‘มาดริด’ ปล่อยให้ ‘ยูเวนตุส’ยืมตัวไปช่วยล่าตาข่ายในลีกอิตาลี โมราต้าได้สร้างผลงานอันน่าประทับใจจนทำถูกจับตามองอีกครั้งในฐานะนักเตะ‘ยังบลัด’ของทีมชาติสเปน
เขาถูกนำไปเทียบชั้นกับ‘เฟอร์นานโด ตอร์เรส’ดาวเตะรุ่นพี่ที่ฝากผลงานมากมายทั้งในระดับทีมชาติและสโมสร ก่อนที่เป็นส่วนสำคัญช่วยให้ยูเว่ฯ เถลิงแชมป์สคูเด็ตโต้ในปี 2014-2016
เป็นสองฤดูกาลที่หอมหวานและอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความสุข
แต่ถูกอย่างกลับถูกทิ้งไว้ให้เป็นแค่ความหลัง เพราะในปี 2016-2017 มาดริดได้ดึงตัวเขากลับสู่ถิ่นเบอร์นาบิวอีกครั้ง และครั้งนี้นี่เองที่ทำให้โมราต้ากลายเป็นนักเตะ ‘ตีนด้าน’ ไปเสียดื้อๆ
15 ประตูของโมราต้าที่ตะบันให้มาดริด เมื่อดูตัวเลขถือว่าเป็นมาตรฐานการยิงประตูสำหรับตำแหน่งหน้าเป้า แต่เอาเข้าจริงๆเจ้าตัวสามารถยิงได้มากกว่า 15 ลูก ถ้าไม่ถูกซุ้มมานั่งสำรองดูดก้นของเขาให้ติดตึงอยู่แบบนั้น เนื่องจาก‘ซีดาน’ให้ความไว้วางใจในตัวของ‘คาริม เบนเซมา’มากกว่า
แม้กระทั่งในช่วงที่ทีมขาดหน้าตัวเป้าซีดานยังกล้าๆหุบ ‘โรนัลโด้’ อดีตราชันของมาดริดเข้าไปยืนล่าตาข่ายในกรอบเขตโทษมากกว่า ที่จะเลือกใช้งานโมราต้าที่ถนัดตำแหน่งนี้และดูเป็นกองหน้าธรรมชาติมากกว่า
เพียงฤดูกาลเดียวโมราต้าก็ถูกทีมขายทิ้งและเป็น‘เชลซี’ที่มารับช่วงต่อในยุคของ ‘คอนเต้’
โมราต้าได้รับโอกาสในการลงเล่นและทำหน้าที่ในตำแหน่งที่ตัวเองถนัดอีกครั้ง ท่ามกลางความคาดหวังของแฟนบอลสิงห์บลูที่ต้องการเห็นเขากลับมาระเบิดฟอร์มเหมือนสมัยที่ค้าแข้งในตูริน เขาออกสตาร์ทได้ดีในช่วงต้นฤดูกาล ปรับตัวเข้ากับเพื่อนร่วมทีมได้โดยไม่มีปัญหา ประสานงานกับนักเตะอย่าง ‘อาร์ซาร์’ , ‘ฟาเบรกัส’ , ‘เปโดร’ได้อย่างเข้าอกเข้าใจ
ทุกอย่างกำลังไปได้สวย แต่เมื่ออาการบาดเจ็บเข้ามาก็ลักพาเขาไปเป็นคนละคน!
เหมือนกับนักเตะคนอื่นๆที่ประสบกับอาการบาดเจ็บ หลังรักษาตัวมักจะต้องใช้เวลาเรียกฟอร์มเดิมกลับมา บางรายออกทะเลไปไกลหลายไมล์ บ้างก็ใช้เวลาไม่นานนักเรียกฟอร์มเก่งกลับมาตามเดิม
แต่สำหรับ "โมราต้า" นั้นเชื่อว่าคงหลุดไปลอยคว้างกลาง "มหาสมุทร" หลุดแล้วหลุดยาวถึงขนาดหลุดทีมชาติลุยศึกบอลโลกหนล่าสุด จนถึงปรีซีซั่นนี้ก็ดูท่าว่าจะยังกลับฝั่งไม่ได้
บ่อยครั้งที่มักจะเห็นโมราต้ายืนผิดตำแหน่งในกรอบเขตโทษ จังหวะขาดๆเกินๆ กับเพื่อนร่วมทีม ลูกง่ายๆ กลายเป็นเรื่องยาก และมักพลาดในจังหวะที่ไม่ควรพลาด โดยเฉพาะการหลุดเดี่ยว!
7 จาก 11 ประตู ที่ยิงให้เชลซีในฤดูกาลที่ผ่านมาล้วนมาจากลูกเซ็ตเพลย์ด้วยการโหม่ง นั่นเป็นตัวชี้ชัดว่าจังหวะ "โอเพ่นเพลย์" โมราต้าไม่มีความอันตรายแม้แต่น้อย ไม่สามารถผลิตสกอร์ได้ดั่งที่คิด แม้เพื่อนร่วมทีมจะพยายามปั้นแต่งเขามากเท่าไหร่ก็ตาม
แต่ไม่ว่าจะเผชิญปัญหาเท่าไร สิ่งที่เขาทำตลอดคือไม่ยอมแพ้
โมราต้า บอกว่าเขาพยายามศึกษาสไตล์การเล่นของ‘ดิดิเย่ส์ ดร็อกบา’ตำนานที่ยังมีลมหายใจ โดยเฉพาะจังหวะในกรอบเขตโทษ การยืนตำแหน่ง และการวิ่งหาพื้นที่ว่างเพื่อเรียกบอล เขาให้ความสำคัญในส่วนนี้มากกว่าพื้นที่นอกกรอบ 18 หลา เพราะมันคือหน้าที่รับผิดชอบ การทำประตูคือจุดหมายในแต่ละแมตช์ หน้าที่การลำเลียงบอลเป็นของเพื่อนร่วมทีม เขาเพียงแค่รับช่วงต่อและตะบันให้สกอร์ขยับเท่านั้นเอง
นอกจากนี้เขายังพยายามฝึกซ้อมให้หนักขึ้นเพื่อเรียกความมั่นใจ แม้ว่าในครึ่งฤดูกาลหลังเชลซีจัดการคว้า‘ชิรูด์’มากดดันเขาอีกราย นั่นจึงทำให้โมราต้าต้องเร่งพิสูจน์ผลงานของตัวเองอย่างหนัก แต่ไม่ว่าอย่างไรชิรูด์ยังได้นับความไว้ใจจากคอนเต้มากกว่าเขาอยู่ดี
อย่างที่เห็นกันว่าตอนท้ายของฤดูกาลคอนเต้มักจะเลือกใช้ชิรูด์ไปยืนค้ำในแดนหน้าค่อยพักบอลให้เพื่อนร่วมทีม
หลังจากช่วงเปลี่ยนผ่านเชลซีแต่งตั้ง ‘เมาริซิโอ ซาร์รี่’เข้ามาทำหน้าที่ต่อจากคอนเต้กระแสข่าวในการปล่อยตัวนักเตะที่ไม่อยู่ในแผนออกจากทีมหลายรายหนึ่งในนั้นคือโมราต้า โดยมีการคาดการณ์ว่าน่าจะเป็น‘เอซีมิลาน’ที่จะได้ตัวเขาไปร่วมทีม
แต่อย่างไรก็ตามซาร์รี่ก็ออกมาพูดแล้วว่า“โมราต้ายังเป็นนักเตะที่เขาต้องการให้อยู่ในทีมต่อไป”
เมื่อนายใหญ่ออกโรงมาพูดขนาดนี้โมราต้าเองก็เหมือนจะรู้ตัวแล้วว่ายังได้ ‘ไปต่อ’เขาจึงแสดงความมั่นใจและตอบแทนความไว้เนื้อเชื้อใจที่ซาร์รี่หยิบยื่นให้ด้วยการขอพิสูจน์ตัวเองในฐานะกองหน้าตัวเป้า แม้จะต้องถูกกดดันจากทั้งในและนอกสนาม แต่เขาก็ไม่มีความคิดที่จะย้ายออกจากทีมแม้แต่น้อย มีหลายทีมติดต่อเข้ามาเพื่อหวังจะดึงตัวไปร่วมทีมแต่เขากลับปฏิเสธมันไปทั้งหมด
นี่แสดงให้เห็นถึงหัวจิตหัวใจที่ห้าวหาญของเขา
“สิ่งที่ง่ายที่สุดก็คือการย้ายออกจากเชลซีในปีนี้ ผมสามารถกลับไปยังอิตาลีได้ ภรรยาของผมเป็นคนอิตาเลี่ยน ผมสามารถกลับไปสเปนได้ ผมได้รับข้อเสนอมากมาย เงินเยอะแยะเลยด้วย แต่ผมต้องการสู้ต่อ ผมไม่ได้กดดันอะไรมากมายเพราะผมเคยเล่นในอิตาลีและสเปนมาแล้ว ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดี แต่ผมได้ตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ที่นี่ ผมต้องการแบบนั้น”
แน่นอนว่าไม่มีคำพูดไหนหรือใครที่จะมาทำให้ใจกลับมามีพลังเท่ากับคำพูดของตัวเอง เพราะในเมื่อเราไม่ยอมแพ้ ไม่สิ้นหวัง และพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ความสำเร็จอาจอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมก็ได้
ก็อย่างที่บอก“ฟ้าหลังฝนมันสวยงาม”
แล้วมารอดูกันว่าเมื่อไรฝนของโมราต้าจะจบลง และเขาจะได้กลับเข้ามาที่ฝั่งได้เสียที!