:::     :::

ตรวจผลสอบแข้ง "ช้างศึก" หลังไล่เจ๊า กาตาร์

วันอังคารที่ 14 สิงหาคม 2561 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
6,072
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หลังจบเกมที่ทีมชาติไทยไล่ตามตีเสมอ กาตาร์ 1-1 แบ่งแต้มแรกมาได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจาก "เจ้าอาร์ม" ศุภชัย ใจเด็ด สำหรับผมแล้วนี่ถือเป็นแมตช์ระดับ 5 ดาวอีกเกมของทีม "ช้างศึก" ที่ทำให้แฟนบอลไทยได้เชียร์ฟุตบอลอย่างลุ้นระทึกและมีความสุขที่ได้เห็นความมุ่งมั่นของนักเตะไทยที่เล่นได้ดีเกินคาด จนแอบเสียดายว่าเราน่าจะชนะด้วยซ้ำ และตามธรรมเนียมวันนี้ผมจะขอมาไล่เลียงวิเคราะห์ขุนพล "ช้างศึก" ในแต่ละตำแหน่งว่าผู้เล่นของเราทำผลงานเป็นอย่างไรกันบ้าง

ผู้รักษาประตู 

นนท์ ม่วงงาม 

นอกเหนือจากลูกที่ถูกยิงในช่วงต้นเกมแล้ว จังหวะอื่นๆ ก็ถือว่า "นนท์" แทบไม่ได้มีข้อผิดพลาดอะไรให้เห็นเลย ลูกที่เสียไปต้องยอมรับว่า ผู้เล่นกาตาร์จับบอลลงอย่างนิ่มและยิงได้เฉียบขาดจริงๆ สิ่งที่นายด่านจาก โปลิศ เทโร แสดงให้เห็นว่าโค้ชคิดถูกแล้วที่มอบหมายตำแหน่งมือหนึ่งให้เขาก็คือความนิ่ง ความเป็นผู้นำในการสั่งการและกระุตุ้นเพื่อนร่วมทีมให้แอคทีฟตัวเองตลอดเวลา ซึ่งนั่นคงมาจากประสบการณ์ในเกมระดับทีมชาติที่ผ่านชุดคว้าแชมป์ซีเกมส์มาแล้ว

แบ็กซ้าย

ชัยวัฒน์ บุราณ

"บอล" เป็นปีกอาชีพที่ถูกถอยลงมาเล่นฟูลแบ็ค เกมนี้อาจจะมีขัดตาบ้างเวลาทีมเป็นฝ่ายรับ โดยเฉพาะจังหวะที่ถูกปีกคู่แข่งทิ้งบอลไปหลังไลน์แบ็คและใช้วิธีกระชากบอลเพื่อเลี้ยงกินตัว แต่โดยภาพรวมดาวเตะ "กว่างโซ้ง" ก็ถือว่าเอาตัวรอดได้ดีด้วยความเร็วและความขยัน มีการครอสบอลจากด้านข้างที่อันตรายทั้งโอเพ่นเพลย์และลูกนิ่ง แต่สำหรับตำแหน่งแบ็กแล้วหาก สุริยา สิงห์มุ้ย หายเจ็บกลับมา ก็น่าจะควรต้องดันเขาขึ้นไปเป็นปีกตามตำแหน่งถนัดเพื่อให้ได้ใช้งานเขาอย่างเต็มศักยภาพ

แบ็กขวา

รัตนากร ใหม่คามิ

"เกมส์" เล่นตำแหน่งนี้กับบุรีรัมย์มาบ้างแล้วรวมถึงตอนที่ช่วยทีมชาติไทยคว้าแชมป์ซีเกมส์ แต่ตำแหน่งที่ดีที่สุดของเขาก็คือกองกลางตัวรับอย่างไม่ต้องสงสัย เห็นได้ชัดว่าพื้นที่ริมเส้นด้านนี้คือจุดที่ถูกกาตาร์โจมตีแล้วออกอาการมากที่สุด นัดนี้ถือว่าโชคดีเพราะยังไม่เจอบททดสอบมากนักเนื่องจากครึ่งหลังกาตาร์เปลี่ยนแท็กติกถอยลงไปรับลึก แต่ข้อดีของ "เจ้าเกมส์" ก็คือเป็นคนที่เล่นตามคำสั่งโค้ชได้อย่างมีวินัย เน้นปลอดภัยไม่ฝืนเล่นยาก "เกมส์" อาจจะไม่ใช่ผู้เล่นที่สปอตไลท์ต้องฉายมาที่เขา แต่การยืนซ้อนตำแหน่งเพื่อเปิดโอกาสให้ ธนาสิทธิ์ ได้เล่นเกมรุกอย่างอิสระไม่ต้องคอยพะวงกับเกมรับ ทำให้พอเข้าใจ "โค้ชโย่ง" ได้ว่าทำไมถึงตัดสินใจเลือก รัตนากร มายืนในตำแหน่งสำคัญแบบนี้แทนที่จะเป็น จักรกฤช เวชภิรมย์

เซนเตอร์

ชินภัทร ลีเอาะ

เป็นกองหลังตัวกลางที่มีประสบการณ์ลงเล่นในไทยลีกมากที่สุดในทีมชาติชุดนี้ "บอมบ์" มีจุดเด่นคือการเข้าแท็กเกิ้ลและประกบตัว รวมถึงป้องกันลูกกลางอากาศได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ครึ่งแรกยังมีหลุดอยู่บ้างในเรื่องการออกบอลเพื่อเปลี่ยนจังหวะรับเป็นรุก จนมาถึงครึ่งหลัง "บอมบ์" เปลี่ยนวิธีการเล่นพยายามจ่ายบอลปลอดภัยไม่เสี่ยงให้คู่ต่อสู้ฉก โดยเลือกถ่ายบอลไปด้านข้างให้ฟูลแบ็ค และคอยหาจังหวะเปิดบอลแนวลึกไปยังพื้นที่หลังไลน์แบ็กคู่แข่ง อาจยังมีเรื่องหนึ่งที่น่ากังวลก็คือความเร็วของทั้งเขาและคู่หูอย่าง วรวุฒิ นามเวช หากนัดไหนต้องเจอคู่แข่งที่มีสปีดใช้วิธีเลี้ยงจี้เข้าหาหรือกระชากบอลพาวิ่งแข่ง คู่เซนเตอร์ของไทยเราคงมีลิ้นห้อยแน่นอน

เซนเตอร์

วรวุฒิ นามเวช

ในเกมแรกของทีมชาติไทย "หนึ่ง" เป็นผู้เล่นในสนามคนเดียวที่เล่นอยู่ในระดับ ไทยลีก4 กับ การท่าเรือ บี ถ้าเทียบกับช่วงอุ่นเครื่อง ถือว่าเขาพัฒนาความฟิตขึ้นมาได้อย่างผิดหูผิดตา ข้อดีที่ "โค้ชโย่ง" เล็งเห็นในตัวเด็กหนุ่มคนนี้ก็คือสายตาการอ่านเกม แต่จุดที่ยังเป็นข้อด้อยก็คงเป็นเรื่องความคล่องตัว นัดนี้เห็นชัดๆ ในจังหวะที่ถูกผู้เล่นกาตาร์ล็อกหลบจนหลังแทบหักเกือบเสียประตู ยังดีที่ได้ นนท์ โชว์ซูเปอร์เซฟไว้ได้ "หนึ่ง" มีจุดเด่นที่ทำให้โค้ชโย่งไว้วางใจก็คือการเล่นลูกกลางอากาศ และรูปร่างที่สูงใหญ่ใช้ประโยชน์ได้ทั้งเกมรับและเกมรุกในจังหวะเซ็ตพีช ซึ่งเกมนี้เขาเองก็ขึ้นมาลุ้นทำประตูในกรอบเขตโทษหลายครั้ง และเกือบกลายเป็นฮีโร่ให้ทีมได้แล้วถ้าลูกยิงจากบริเวณหน้ากรอบเขตโทษทำได้เด็ดขาดกว่านี้

กองกลาง

สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ

ถือเป็น 45 นาทีที่ยอดเยี่ยมสำหรับการกลับมาสู่ทีมชาติไทยอีกครั้งของ "โก้" เราได้เห็นการเปิดบอลไดเร็คเครื่องหมายการค้าของเจ้าตัวหลายต่อครั้งที่สร้างโอกาสงามๆ ให้เพื่อนร่วมทีมลุ้นทำประตูอยู่เรื่อยๆ การถูกเปลี่ยนตัวออกหลังจบครึ่งแรกนั้นอาจจะขัดใจแฟนบอลอยู่บ้าง นั่นไม่ได้เกิดจากความบกพร่องของเขาแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะ "โค้ชโย่ง" คงเห็นแล้วว่า กาตาร์ เปลี่ยนมาใช้วิธีถอยลงไปรับลึกเพื่อยันสกอร์นำ ซึ่งบอลเปิดยาวของ "โก้" อาจจะหวังผลได้ยากขึ้น และในช่วงที่ "โค้ชโย่ง" ตัดสินใจส่ง ศุภชัย ใจเด็ด ลงมาแทน ก็เข้าใจได้เช่นกันว่าคงต้องการให้มีคนช่วย เจนรบ เก็บบอลในแดนหน้า และไม่อยากถอดกองกลางตัวรับอาชีพอย่าง นพพล พลคำ ออกไปตั้งแต่ตอนนั้น เพื่อที่จะเปลี่ยนวิธีการขึ้นเกมที่หันมาใช้การค่อยๆ เซ็ตบอลตั้งแต่แดนหลังขึ้นมา ซึ่งต้องบอกว่าทีเด็ดของ สรรเสริญ นั้นจะมีศักยภาพสูงมากในเกมที่เจอคู่ต่อสู้ระดมเกมบุกใส่ และไทยต้องอาศัยจังหวะโต้กลับจากบอลยาวของเขา

กองกลาง

นพพล พลคำ 

"เป้" เป็นนักเตะในสไตล์ปิดทองหลังพระในฐานะมิดฟิลด์ตัวตัดเกม ซึ่งนัดนี้ก็ถือว่าทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้ดีในระดับหนึ่ง ในการดีเลย์เกมและคอยตัดฟาวล์คู่แข่งในพื้นที่กลางสนาม แน่นอนในทุกๆ ทีมต้องมีผู้เล่นแบบนี้สักหนึ่งคน การถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงครึ่งหลัง เป็นเรื่องของแท็กติกล้วนๆ เพราะเป็นช่วงที่ทีมไทยต้องการเพิ่มผู้เล่นที่สามารถเปิดเกมรุกได้แบบเป็นธรรมชาติ จึงเลือกส่ง พิธิวัต ลงมาแทน แต่เกมต่อๆ ไปโดยเฉพาะการเจอ อุซเบกิสถาน เราจะได้เห็นความสำคัญและบทบาทของเขามากขึ้นอย่างแน่นอน

กองกลาง

สุภโชค สารชาติ

ต้องยอมรับเลยว่าสถาบัน "ปราสาทสายฟ้า" หล่อหลอมให้เขาเป็นนักเตะที่เก่งขึ้นมาอีกระดับหนึ่งเมื่อเทียบจากตอนที่ตกสำรวจจากชุดแชมป์ซีเกมส์ "เชค" เสียบอลยากและสามารถประสานงานกับผู้เล่นที่เซนส์ทันกันอย่าง วรชิต, ธนาสิทธิ์, ชัยวัฒน์ และ ศุภชัย ได้อย่างเนียนตา ทั้งการเคลื่อนที่, เฟิร์สทัช, สปีดบอล และการเอาตัวรอดในพื้นที่แคบๆ ทำให้เราเห็นมิติใหม่ของนักเตะไทย ขออีกอย่างเดียวคือจังหวะจบสกอร์ซึ่งนัดนี้เทพีแห่งโชคคงยังไม่เข้าข้างเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้น  "เจ้าเชค" กับทรงผมใหม่จะหล่อกว่านี้อีกหลายเท่าเลยทีเดียว

กองกลาง

ธนาสิทธิ์ ศิริผลา

"เต๋าดินโญ่" คือหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดของเกมนี้อย่างไม่ต้องสงสัย สเต็ปการเลี้ยงของเขาดูแพรวพราวขึ้นมาก เขาเป็นคนที่ "โค้ชโย่ง" ถึงกับเคยกล่าวชื่นชมให้ฟังว่านี่คือนักเตะที่มีทักษะเลี้ยงผ่านคู่ต่อสู้ยามเผชิญหน้า 1v1 สูงที่สุดของรุ่นนี้ ไม่ว่าจะยืนทางขวาหรือโยกไปฝั่งซ้าย แบ็กของกาตาร์ก็ถูกพาทัวร์จนหมดเรี่ยวหมดแรงไปตามๆ กัน ลูกตีเสมอของไทยก็มาจากการครอสบอลน้ำหนักเหมาะเจาะไปให้ ศุภชัย ใจเด็ด โขกเน้นๆ สิ่งที่มองเห็นว่า "เต๋า" พัฒนาขึ้นมาอีกระดับคือการเล่นเป็นทีม เพราะแต่ก่อนหากเลี้ยงถึงกรอบเขตโทษแล้วล่ะก็ต้องจบที่การยิงแน่นอน แต่เดี๋ยวนี้กลับเห็นเขาเงยหน้าเหลือบมองหาผู้เล่นอื่นที่อยู่ในตำแหน่งดีกว่า ข้อดีของ "เต๋า" ก็คือเขาเป็นนักเตะที่สร้างชอยส์ให้ตัวเองเลือกเล่นได้เยอะมากจากเทคนิคความสามารถเฉพาะตัวที่ล้นเหลือ แต่จุดที่ยังต้องปรับเพิ่มก็คือเรื่องการตัดสินใจที่บางครั้งยังเลือกชอยส์ที่ดีที่สุดในแต่ละสถานการณ์ออกมาใช้ได้ไม่เต็มที่

กองกลาง 

วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ 

"เจ้ายิม" อาจจะดูเงียบหายไปบ้างในบางจังหวะของเกม แต่ในช่วงครึ่งหลังเขามีบทบาทเยอะขึ้นมากในฐานะตัวเก็บบอลที่คอยเปลี่ยนแกนให้ทั้งกองหน้าและตัวริมเส้น เราอาจไม่ได้เห็น "ยิม" เลี้ยงหลบกองหลังคู่ต่อสู้ด้วยความเร็วทีเดียวหลายๆ คน แต่ "ยิม" ครองบอลและออกบอลได้ดีในบทบาทคล้ายๆ ลูก้า โมดริช ของโครเอเชีย ที่ไม่ต้องเลี้ยงอะไรเยอะแยะแต่สามารถเอาตัวรอดในพื้นที่แคบๆ ได้ด้วยจังหวะสเต็ปเท้า รวมถึงการจ่ายบอลที่แม่นยำ นัดนี้มีหลายจังหวะที่เกือบจะมีชื่อขึ้นสกอร์บอร์ด แต่จังหวะยังไม่เป็นใจ สิ่งที่มองว่า "ยิม" อาจจะทำได้ดีกว่านี้ก็คือเรื่องการเคลื่อนที่ยามไม่มีบอล เพื่อคอยหาที่ว่างให้เพื่อนฝากบอลและทำเกมรุกต่อได้ง่ายมากขึ้น

กองหน้า 

เจนรบ สำเภาดี

"กัปตันเจน" กลายเป็นผู้เล่นที่ถูกโลกออนไลน์วิจารณ์หนักหน่วงที่สุดหลังจบเกม เพราะเขามีโอกาสทำประตูเหน่งๆ หลายครั้ง ยังดีที่ทีมชาติไทยตีเสมอได้ ไม่เช่นนั้นคงได้เห็นพิธีกรรมล่าแม่มดกันอีกแน่นอน แต่จะว่าไปผลงานของ "เจน" ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น เขาลงเล่นด้วยสภาพร่างกายที่ไม่เต็มร้อย ซึ่งสไตล์บู๊ดุดันของเขาแค่เต็มร้อยอาจจะยังไม่พอ นัดนี้หากไม่ติดว่าโกลตัวจริงของ กาตาร์ โชว์ฟอร์มเซฟชนิดผีเข้า ก็คงได้เห็นชื่อของ เจนรบ ขึ้นไปโชว์บนสกอร์บอร์ดแล้ว การจะขึ้นสวรรค์หรือลงนรก บางครั้งก็ต้องภาวนาให้เทพีแห่งโชคเข้าข้างด้วย โดยส่วนตัวผมมองว่าเขามีประโยชน์กับทีมโดยเฉพาะหากมีตัวช่วยในแดนหน้าที่สามารถเก็บบอลได้ดีอย่าง ศุภชัย ใจเด็ด มาเล่นร่วมกัน ขอแค่จูนกันติด และรอความมั่นใจจากสกอร์แรกในทัวร์นาเม้นต์เท่านั้นแหละ ผมว่าแนวรุกไทยจะมีมิติที่หลากหลายขึ้นมากเลย

สำรอง 

ศุภชัย ใจเด็ด

ดาวเตะวัย 19 ปี กลายเป็นแมนออฟเดอะแมตช์ในใจของแฟนบอลไทยหลายๆ คนไปแล้วจากการลงมาเป็นซูเปอร์ซับทำประตูตีเสมอให้ทีมได้ จังหวะครองบอลเก็บบอลทุกอย่างดูเนียนตาไปหมด ดูเป็นกองหน้าที่มีจินตนาการที่ดีในการหาจังหวะจบสกอร์ ทั้งๆ ที่แทบไม่ได้ลงเล่นตำแหน่งกองหน้าให้ บุรีรัมย์ แต่ต้องยอมรับว่า "อาร์ม" มีเซนส์ของการเป็นกองหน้าที่ทำให้อดเปรียบเทียบกับ ธีรศิลป์ แดงดา ในช่วงวัยเท่ากันไม่ได้เลย ทั้งที่เขาไม่อยู่ในแผนของ "โค้ชโย่ง" ในรายชื่อตอนแรก "โค้ชโย่ง" เคยกล่าวด้วยซ้ำว่าได้ลอง "อาร์ม" ใช้ในเกมอุ่นเครื่องกับจีนเมื่อเดืิอนมี.ค. มาแล้วและคิดว่ายังไม่เวิร์ค แต่ดวงคนจะดังอะไรก็ฉุดไม่อยู่ การที่ "เจ้าบาส" เสฏฐวุฒิ วงค์สาย ได้รับบาดเจ็บต้องถอนตัวจากทีมไป ทำให้ "โค้ชโย่ง" ต้องหันกลับมาใส่ชื่อเขาเข้าสู่ทีม และ "อาร์ม" ก็ไม่ทำให้ทั้ง "โค้ชโย่ง" และบรรดาพ่อยกแม่ยกต้องผิดหวัง เชื่อว่านัดต่อๆ ไป เราอาจจะได้เห็น ศุภชัย ใจเด็ด ได้ออกสตาร์ทตัวจริงก็เป็นได้

พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล

"เจ้าเต้" ลงมาเป็นตัวสำรองแทน นพพล พลคำ คู่หูจากชุดแชมป์ซีเกมส์ เพื่อเพิ่มผู้เล่นในสไตล์ทะลุทะลวงในช่วงเวลาที่ต้องการประตูตีเสมอ ซึ่งกองกลางจากทีม "กว่างโซ้ง" ก็ลงมาช่วยเชื่อมจังหวะจากกลางไปสู่แนวรุกได้ดี นัดนี้อาจมีเวลาน้อยไปหน่อย เราจึงยังไม่เห็นเขาปล่อยของมากนัก "เต้" เป็นผู้เล่นที่มีความหลากหลาย เล่นได้ทั้งสไตล์บ็อกซ์ทูบ็อกซ์, ตัวตัดเกม หรือแม้กระทั่งเพลย์เมกเกอร์ก็ได้หมด และมีจุดเด่นคือการรักษามาตรฐานผลงาน เราจะได้เห็นเขาเล่นมากขึ้นในเกมต่อไปแน่นอน

มนตรี พรหมสวัสดิ์

"เจ้าเอ็ม" ถูกเปลี่ยนลงมาแทน เจนรบ ตามแท็กติกของ "โค้ชโย่ง" ที่ต้องการเพิ่มตัวรุกทางริมเส้นที่สามารถไปกับบอลได้ แม้จะมีเวลาในสนามไม่มาก แต่ปีกจาก ราชบุรี มิตรผล ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาสามารถเป็นทีเด็ดให้ทีมได้ ทั้งเรื่องความเร็ว, ความคล่องตัว และการจบสกอร์ ซึ่ง "โค้ชโย่ง" เคยเปรยไว้แล้วว่า "เอ็ม" จะเป็นผู้เล่นที่ถูกเลือกใช้เป็นลำดับแรกๆ ในจังหวะที่ต้องการตัวเปลี่ยนสปีดเกมในช่วงประมาณ 20 นาทีสุดท้ายเพื่อชี้ขาดผลแพ้ชนะ

เฮดโค้ช

วรวุฒิ ศรีมะฆะ

ก่อนเกมจะเริ่ม หลายๆ คนบอกว่าเขาคือ "มูรินโย่ง" ผู้มีแท็กติกรถบัสอยู่ในหัวใจ แต่เกมนี้คงเปลี่ยนทัศนคติของแฟนบอลไปได้ไม่มากก็น้อย ว่าเขาก็สามารถทำทีมให้เล่นเกมรุกได้เช่นกันหากมีทรัพยากรนักเตะเพียงพอ อย่างคำเปรียบเทียบที่ว่า "โค้ชฟุตบอลก็เหมือนพ่อครัว ที่ต้องรู้จักวิธีปรุงวัตถุดิบให้อร่อย หากพ่อครัวเก่ง ก็จะยิ่งรังสรรค์วัตถุดิบนั้นออกมาเป็นอาหารจานเด็ดยิ่งๆ ขึ้นไป ตรงกันข้ามถ้าพ่อครัวไร้ความสามารถ ต่อให้วัตถุดิบดีแค่ไหนก็อาจสุนัขไม่รับประทาน"

สิ่งที่ต้องชื่นชม "โค้ชโย่ง" ก็คือการแก้เกมในครึ่งหลัง หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมถึงเปลี่ยน สรรเสริญ ที่เล่นได้ดีในครึ่งแรกออก แต่เมื่อเกมผ่านไปก็เข้าใจได้ถึงเหตุผลว่าหาก สรรเสริญ ยังอยู่ลูกเปิดยาวของเขาอาจเริ่มตันเพราะ กาตาร์ ถอยลงไปรับลึก และการให้โอกาส ศุภชัย ใจเด็ด อยู่ในสนามตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง ก็ทำให้เขามีเวลาปรับตัวกับจังหวะและบรรยากาศในเกมมากขึ้น

ส่วนการเปลี่ยน มนตรี และ พิธิวัต ลงไปก็ถือว่าเป็นแท็กติกเพิ่มตัวรุกเพื่อสร้างเกมบุกเต็มตัว รายละเอียดในเกมนี้มีสิ่งทั้งที่น่าชื่นชมเช่นเกมเพรสซิ่งของทีมชาติไทย และข้อผิดพลาดอีกหลายๆ จุดเช่นการปล่อยพื้นที่ว่างในแนวรับ ซึ่ง "โค้ชโย่ง" ต้องรีบนำกลับไปแก้ไขปรับปรุง แต่สำหรับเกมนี้ "โค้ชโย่ง" รอดตายอย่างหวุดหวิดด้วยลูกโหม่งของเด็กวัย 19 ปีอย่าง "อาร์ม" ศุภชัย ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นผู้เล่นคนสุดท้ายเลยด้วยซ้ำที่ "โค้ชโย่ง" เลือกเข้ามาอยู่ในทีมชุดนี้



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด