:::     :::

ผู้ท้าชิงเบอร์หนึ่ง

วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม 2561 คอลัมน์ ลูกหนังนอกกรอบ โดย JOKE
1,272
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
แอตเลติโก มาดริด เถลิงบัลลังก์แชมป์แรกของซีซั่นหลังการเอาชนะ เรอัล มาดริด 4-2 สอยแชมป์ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ ประดับตู้โชว์สโมสรอีกหนึ่งรายการ

แอตเลติโก มาดริด เป็นสโมสรเดียวที่แย่งแชมป์ลีกเมืองกระทิงมาจากสองมหาอำนาจลูกหนังอย่าง บาร์เซโลน่า กับ เรอัล มาดริด

นับตั้งแต่ บาเลนเซีย ยุค ราฟาเอล เบนีเตซ ผงาดคว้าแชมป์ลีกาฤดูกาล 2003-04 โทรฟี่แชมป์ลีกเมืองกระทิงกลายเป็นสมบัติผลัดกันชมระหว่างทัพอาซูลกราน่ากับทีมชุดขาวตลอดช่วง 14 ฤดูกาลที่ผ่านมา โดยมีทีมตราหมีขยับขึ้นมาสอดแทรกเพียงครั้งเดียวเท่านั้น 

จาก 14 ปี บาร์เซโลน่า สอยแชมป์ลีกา 9 สมัย ขณะที่ เรอัล มาดริด คว้าแชมป์อีก 4 สมัย ครั้งเดียวที่แชมป์ลีกเมืองกระทิงไม่ได้ตกอยู่ในกำมือของสองทีมนี้เกิดขึ้นในฤดูกาล 2013-14 ซึ่ง แอตเลติโก มาดริด ของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ บุกปล้นแชมป์จาก บาร์เซโลน่า ถึง'คัมป์ นู'ในเกมสุดท้ายของซีซั่นจากผลเสมอ 1-1 

ซิเมโอเน่ คือผู้พลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์ของทีมตราหมีอย่างแท้จริง

'เอล โชโล่'เข้ามานั่งเก้าอี้เทรนเนอร์ แอตเลติโก มาดริด ต่อจาก เกรกอรีโอ มานซาโน่ ตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2011 ก่อนประเดิมด้วยการนำทีมตราหมีคว้าแชมป์ยูโรปาลีกตั้งแต่ซีซั่นแรกและจบซีซั่นด้วยอันดับ 5 ของลีกา 


ซิเมโอเน่ ค่อยปั้นทีมตราหมีในรูปแบบของตนเองจนกระทั่งมีความแข็งแกร่งขึ้นมาท้าทายบัลลังก์ของสองมหาอำนาจอย่าง บาร์เซโลน่า กับ เรอัล มาดริด ตลอดช่วง 6 ฤดูกาลที่ผ่านมา แอตเลติโก มาดริด ยุค'เอล โชโล่'ไม่เคยจบซีซั่นต่ำกว่าอันดับ 3 โดยเฉพาะการเขี่ยสองยักษ์ใหญ่ตกบัลลังก์ในฤดูกาล 2013-14 

เกือบ 7 ปีที่ผ่านมา ซิเมโอเน่ นำ แอตเลติโก มาดริด คว้าแชมป์ถึง 7 รายการกลายเป็นเทรนเนอร์ที่ประสบความสำเร็จมากสุดของสโมสรเหนือกว่า หลุยส์ อาราโกเนส 

เทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์นำทีมตราหมีคว้าแชมป์ลีกา (2013-14), แชมป์โกปา เดล เรย์ (2012-13), ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า หรือ สแปนิช ซูเปอร์ คัพ (2014), แชมป์ยูโรปาลีก (2011-12, 2017-18) และ ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ (2012, 2018) เหนือกว่า'ปู่หลุยส์'ที่เคยคว้าแชมป์ 6 รายการ 

'เอล โชโล่'ยังเป็นเทรนเนอร์ของ แอตเลติโก มาดริด ที่นำทีมตราหมีสยบคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง เรอัล มาดริด ในแมตช์ชิงชนะเลิศ 3 รายการทั้ง โกปา เดล เรย์ (2012-13, ชนะ 2-1), สแปนิช ซูเปอร์ คัพ (2014, ชนะสกอร์รวม 2-1, เสมอ 1-1 ที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว, ชนะ 1-0 ที่ บีเซนเต้ กัลเดรอน) ก่อนจะสอยมาดริดของ จูเลน โลเปเตกี 4-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษหลังเสมอกันในเวลาปกติ 2-2 


จุดด่างพร้อยในอาชีพเทรนเนอร์ทีมตราหมีของ ซิเมโอเน่ คงเกิดขึ้นเฉพาะการปราชัยต่อ เรอัล มาดริด ในนัดชิงชนะเลิศของศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกทั้งสองครั้งในฤดูกาล 2013-14 กับ 2015-16 เท่านั้น 

เกือบ 7 ปีที่ผ่านมา 'เอล โชโล่'นำสโมสรประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่และมีส่วนช่วยทำให้สโมสรมีฐานะมั่นคงมากขึ้นจากการลงเล่นรอบแบ่งกลุ่มของศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 6 ฤดูกาลติดต่อกัน ดังนั้นทีมตราหมีจึงมีแหล่งเงินทุนสำหรับการยกระดับทีมให้ขึ้นมาทัดเทียมกับสองมหาอำนาจลูกหนังเมืองกระทิง 

แอตเลติโก มาดริด ลงทุนเสริมทัพด้วยการจ่ายเงิน 70 ล้านยูโร ซึ่งเป็นการซื้อนักเตะด้วยค่าตัวแพงสุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรจากการดึง โตม่าส์ เลอมาร์ มิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศสมาจาก โมนาโก ในช่วงซัมเมอร์นี้ 

ทีมตราหมียังเสริมความแข็งแกร่งในเชิงลึกด้วยการเติมผู้เล่นหน้าใหม่อีก 5 รายทั้ง โรดริโก้ เอร์นานเดซ โรดรี, เกลซอน มาร์ตินส์, ซานติอาโก้ อารีอาส, นิโกล่า คาลินิช กับ อันโตนิโอ อาดาน 

2 จาก 6 แข้งใหม่โดยเฉพาะ เลอมาร์ กับ โรดรี จะก้าวขึ้นมาเป็นขุมกำลังหลักของทีมตราหมีในซีซั่นหน้า 


เลอมาร์ จะเข้ามารับบทบาทตัวทำเกมฝั่งซ้ายในทีมของ'เอล โชโล่' ขณะที่ โรดรี มิดฟิลด์ดาวรุ่งวัย 22 ปีจะเข้ามาเป็นทายาทของ กาเบรียล เฟร์นานเดซ กาบี อดีตกัปตันทีมที่ย้ายไปค้าแข้งในตะวันออกกลางกับ อัล ซาดด์ ของกาตาร์ โดยอดีตแข้งบียาร์เรอัลจะสลับลงเล่นแดนกลางกับ โธมัส พาร์เตย์ มิดฟิลด์ดีกรีทีมชาติกานา 

ส่วน มาร์ตินส์, คาลินิช, อารีอาส หรือ อาดาน ต่างเป็นกำลังเสริมชั้นดีหากเทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์ต้องการสับเปลี่ยนหมุนเวียนผู้เล่นลงสนาม 

เกลซอน มาร์ตินส์ ปีกชาวโปรตุกีสสามารถเล่นเป็นตัวริมเส้นฝั่งขวาสลับกับ บิคตอร์ มาชิน บีโตโล่ หาก'เอล โชโล่'จะโยก ฆอร์เค่ เรซูร์เรกซิออน เข้ามาเล่นตรงกลาง 

ซานติอาโก้ อารีอาส แบ็กทีมชาติโคลอมเบียที่ถูกดึงมาจาก พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น แทน ซิเม่ เวอร์ซัลโก้ ซึ่งย้ายไป อินเตอร์ มิลาน จะสลับลงเล่นกับ ฆวน ฟรานซิสโก้ ตอร์เรส เบเลน หรือ ฆวนฟราน 

นิโกล่า คาลินิช กองหน้าชาวโครแอตถูกดึงมาจาก มิลาน เพื่อทดแทน เควิน กาไมโร่ ดาวยิงชาวฝรั่งเศสที่ย้ายไปอยู่กับบาเลนเซีย ส่วน อังเคล กอร์เรอา ดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์จะถูกปรับขึ้นมาเล่นกองหน้าเต็มตัวทดแทนโควตาของ เฟร์นานโด ตอร์เรส


หากพิจารณาจากขุมกำลังนักเตะของ แอตเลติโก มาดริด ซีซั่นนี้มีความแข็งแกร่งทั้งตัวจริงและสำรองไม่ด้อยไปกว่า บาร์เซโลน่า หรือ เรอัล มาดริด 

จากผลงานล่าสุดที่ทีมตราหมีของ'เอล โชโล่'ขย่ม เรอัล มาดริด 4-2 ในศึก ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ เมื่อวันพุธที่ผ่านมาเป็นอีกหนึ่งเกมที่พิสูจน์ให้เห็นว่าทีมของเทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์พร้อมก้าวขึ้นมาท้าชิงบัลลังก์แชมป์ลีกาซีซั่นนี้แบบเต็มตัว

เกือบ 7 ปีที่ผ่านมา เทรนเนอร์วัย 48 ปีนำทีมตราหมีชนะ 234 นัด เสมอ 80 นัดและแพ้ 63 นัด เขาสร้าง แอตเลติโก มาดริด เป็นคู่ปรับที่เล่นด้วยยากสำหรับทุกทีมโดยเฉพาะการยกระดับการเล่นเกมรับขึ้นมาเป็นหนึ่งในทีมที่เล่นเหนียวแน่นเสียประตูยากสุดลำดับต้นๆของยุโรป 

นับเฉพาะในลีกา แอตเลติโก มาดริด ของ'เอล โชโล่'มีแนวรับที่มั่นคงแข็งแรงเหนือกว่าทั้ง บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด ด้วยซ้ำ 

แนวรุกทีมตราหมีชุดนี้ทั้ง อองตวน กรีซมันน์ กับ ดีเอโก้ คอสต้า รวมถึงกำลังเสริมอย่าง นิโกล่า คาลินิช หรือ อังเคล กอร์เรอา ยังมีประสิทธิภาพไม่เป็นรองแนวรุกของสองมหาอำนาจอย่างบาร์ซ่าหรือมาดริด 


การคว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ เป็นแค่จุดเริ่มต้น เป้าหมายของ แอตเลติโก มาดริด อยู่ไกลกว่านั้นโดยเฉพาะการท้าทายบัลลังก์แชมป์ลีกาของ บาร์เซโลน่า รวมถึงการท้าดวล เรอัล มาดริด เจ้าของตำแหน่งแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 3 สมัยล่าสุด 

'ผมคิดว่านับจากปี 2000 เรอัล มาดริด ไม่เคยพ่ายแพ้ในนัดชิงชนะเลิศระดับนานาชาติ ขณะเดียวกันเรายังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นอุปสรรคของเราในนัดชิงชนะเลิศบางรายการ แต่เราเคยคว้าแชมป์โกปา เดล เรย์ และคว้าชัยชนะจากค่ำคืนนี้ (ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ) เราจะฉลองกันในคืนนี้และมองไปข้างหน้าแบบเกมต่อเกม เรามีการปรับปรุงเพื่อที่จะเริ่มต้นลีกฤดูกาลนี้ให้ดีที่สุด'

การกระทุ้งทีมแกร่งอย่าง เรอัล มาดริด ถึง 4 ประตูทำให้ทีมตราหมีของ'เอล โชโล่'ได้รับเสียงชื่นชมจากทั่วสารทิศ แต่เทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์ยืนยันว่าการคว้าชัยชนะสวยหรูเหนือคู่แข่งไม่ได้มาจากการปรับเปลี่ยนแนวทางการเล่นแต่อย่างใด

'ผมขอบอกว่า ผมคิดว่าจากการลงเล่นรอบชิงชนะเลิศทั้ง 5 ครั้งที่เราพบกับ เรอัล มาดริด, 2 ครั้งระดับชาติและ 3 ครั้งระดับนานาชาติ เราไม่เคยเอาชนะพวกเขาในแชมเปี้ยนส์ลีก, เราเล่นในสไตล์ของเราเองโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพราะการคว้าชัยชนะหรือยิงประตูได้มาก เราจะเล่นในรูปแบบเดิมที่เราเคยทำมาเสมอ'


'สิ่งสำคัญคือเราต้องจำไว้ว่าเราคว้าชัยชนะในคืนนี้ ทุกคนที่สโมสรทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม นักเตะต้องการมีส่วนร่วมและผู้เล่นต้องการอยู่ต่อ ซึ่งเป็นการพูดถึงปริมาณงานที่ทำในสโมสร ทุกคนมีความสำคัญต่อสโมสรมาก เราทุกคนทำงานในทิศทางเดียวกัน หลังการพ่ายแพ้ในแชมเปี้ยนส์ลีกที่มิลาน ผมคิดหนักมากหลังจบนาทีสุดท้าย แต่มันเป็นพลังให้เราเดินหน้าต่อไปและตอนนี้เราต้องคิดถึงบาเลนเซีย ในฟุตบอลคุณจะรู้สึกดีเฉพาะเกมล่าสุดของคุณเท่านั้น'

แอตเลติโก มาดริด มีทั้งประสบการณ์และความแข็งแกร่งในการท้าทายบัลลังก์แชมป์ลีกาซีซั่นนี้ แต่แนวทางการทำงานของ ซิเมโอเน่ ยังไม่แตกต่างไปจากเดิมคือการดูแบบนัดต่อนัดเน้นแบบเกมต่อเกม ซึ่งจะเริ่มต้นซีซั่นใหม่ด้วยการนำทัพ'โกลโชเนโรส'บุกเยือนรังเมสตาย่าของทีมค้างคาวในวันจันทร์นี้ 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด