:::     :::

คุยกับโค้ชจุ่น : หลากมุมมองหลังเกมไทยเจ๊าบังกลาเทศ

วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม 2561 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
21,389
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หลังจบเกมที่ไทยไล่ตามตีเสมอ บังกลาเทศ 1-1 ท่ามกลางบรรยากาศการเชียร์บอลที่สุดแสนกระอักกระอ่วน ในฟีลแบบนี้ผมเลือกที่จะไม่เขียนคอลัมน์ตรวจผลสอบแข้งช้างศึก เพราะไม่ไว้ใจปลายนิ้วของตัวเองในการกระแทกคีย์บอร์ด และเลือกที่จะโทรไปคุยกับ "โค้ชจุ่น" อนุรักษ์ ศรีเกิด พี่ที่ผมมักแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องเกมฟุตบอลกันอยู่เป็นประจำ ซึ่งพบว่าความคิดเห็นของกุนซือบีจี เอฟซี และอดีตเฮดโค้ชทีมชาติไทย ยู-19 มีมุมมองที่น่าสนใจหลายประเด็น ผมจึงนำบทสนทนากับ "โค้ชจุ่น" มาฝากอีกครั้ง

แมน : สวัสดีครับพี่จุ่น รบกวนหน่อยครับพี่

โค้ชจุ่น : ว่าไงครับแมน

แมน : ได้ดูเกมไทยเจอบังกลาเทศใช่มั้ยพี่  คิดว่าเราเป็นยังไงบ้าง ผลการแข่งขันเกิดจากการประเมินคู่ต่อสู้ต่ำเกินไปหรือเปล่า

โค้ชจุ่น : อาจจะด้วยการที่เป็นบอลทัวร์นาเม้นต์ แล้วก็มีการเปลี่ยนไลน์อัพผู้เล่นอยู่ 3-4 คน ซึ่งก็มีผลต่อรูปเกมเหมือนกันนะ พี่ยังคิดว่าถ้าเราเลือกใช้ผู้เล่นที่ลงในครึ่งหลังเกมกับกาตาร์ ความต่อเนื่องอาจจะดีกว่า แต่พี่โย่งคงมองว่าเราน่าจะกดเขาได้ ถ้าตันยังไงครึ่งหลังก็น่าจะยังทัน เหมือนตอนที่ อุซเบฯ เจอ บังกลาเทศ เขาก็มาเร่งยิงเอาตอนครึ่งหลัง พอได้ประตูแรกสกอร์ถึงไหล แต่เราไปโดนซะก่อนรูปแบบเกมเลยต้องเปลี่ยนและยิ่งพอยิงไม่ได้ก็กดดันไปกันใหญ่

แมน : เกมแรกการแก้เกมของพี่โย่งดูจะเห็นผลกว่ามากเลยนะครับ เปลี่ยนตัวลงไปแต่ละคนแล้วสามารถเปลี่ยนวิธีการเล่นได้ ชัดเจน แต่เกมนี้ที่เวิร์คจริงๆ ก็คงมีแค่เจ้าอาร์ม (ศุภชัย ใจเด็ด) ที่ลงแทน บุ๊ค (เอกนิษฐ์ ปัญญา) ส่วน เป้ ที่ลงไปแทน เต้ (นพพล พลคำ แทน พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล) และ บอมบ์ แทน หนึ่ง (ชินภัทร ลีเอาะ แทน วรวุช นามเวช) มันเป็นการเปลี่ยนตำแหน่งต่อตำแหน่งที่ไม่มีผลกับสถานการณ์ที่ทีมกำลังต้องการประตูเลย

โค้ชจุ่น : พี่โย่งน่าจะมองว่าแท็กติกมันยังโอเคอยู่ และอยากรักษาเชพของทีมเอาไว้ แต่พี่เองก็คิดอยู่ว่าเราน่าจะส่งคนที่เป็นตัวจบสกอร์ลงไปเพิ่มมากกว่าตัวเสิร์ฟ คือตัวเสิร์ฟเรามีทั้งเจ้ายิม (วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ) กับเจ้าเชค (สุภโชค สารชาติ) อยู่แล้ว เอาจริงๆ พี่ค่อนข้างผิดหวังกับเจ้าเต๋า (ธนาสิทธิ ศิริผลา) นะ เพราะน้องมันยังไม่กล้ายิงเหมือนเดิม อย่างจังหวะที่ได้โหม่งแค่ 6 หลาก็น่าจะโขกใส่ประตูไปเลย ไม่ใช่โหม่งตั้งกลับมา คือเต๋ามันยังมีปัญหาตรงนี้แหละก็คือจังหวะจบมันยังไม่ได้ พี่คิดว่าถ้าส่ง มนตรี (พรหมสวัสดิ์) หรือ เจ้าโก้ (สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ) ลงไปน่าจะดีกว่าส่งกองหลังไปแทนตำแหน่งเดียวกัน เพราะมันไม่ได้ทำให้เรามีตัวจบสกอร์เพิ่มขึ้นเลย

แมน : เกมนี้บังกลาเทศทำการบ้านมาดีเลยนะพี่ คือไม่ให้พื้นที่เต๋าได้ดวล 1 ต่อ 1 เลย เหมือนเขาศึกษามาแล้วว่าเกมรุกของไทยจะเริ่มจากตรงไหนบ้าง แล้วเขาก็ปิดจุดนั้นเอาไว้ได้หมด 

โค้ชจุ่น : ใช่ครับ บุ๊ค เองก็มีปัญหานี้เหมือนกัน ทั้งเต๋าทั้งบุ๊คเป็นผู้เล่นที่ต้องใช้พื้นที่ว่างในการทำเกม แต่พอถูกซ้อนก็ไปไม่ได้เลย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องคิดอยู่แล้วว่าเขาจะเล่นแบบนี้ แต่ทั้งเกมเราก็ยังเห็นทีมไทยพยายามโจมตีในรูปแบบเดิมอยู่จนกระทั่งส่ง อาร์ม เข้ามาเก็บบอลในแดนหน้าได้นั่นแหละ ถึงเริ่มมีจังหวะยิงประตูกันได้

แมน : พี่คิดว่าบุ๊คถูกเปลี่ยนตัวออกเร็วเกินไปมั้ยครับ คือผมเห็นว่าน้องเริ่มจะเข้าสู่เกมได้แล้วตอนก่อนจะถูกเปลี่ยนออก ตอนแรกๆ นี่แทบหาบอลไม่เจอเลย พยายามวิ่งส่ายแล้วก็ยังเชื่อมกับพี่ๆ ไม่ได้ แถมยังมีบางจังหวะที่พยายามยิงเองแล้วโดนรุ่นพี่เอ็ดเอาอีก

โค้ชจุ่น : จริงๆ แล้วพี่มองว่าสำหรับรุ่น 23 ปีเนี่ย เรื่องรุ่นพี่รุ่นน้องมันเอามาใช้ไม่ได้หรอก มันเป็นการแข่งขันที่จำกัดอายุ ดังนั้นการแสดงความเป็นผู้นำของรุ่นพี่มันไม่ใช่เรื่องของวัยวุฒิแล้ว แต่ต้องนำด้วยการพาเพื่อนๆ เล่นเป็นทีมให้ได้ พี่คิดว่าทั้งบุ๊คแล้วก็อีกหลายๆ คนดูเกร็งเกินไปจนไม่กล้าจบสกอร์ อย่างเจ้าเชคกับเจ้ายิมปกติเป็นคนที่จบสกอร์ดีจะตาย แต่พอมาเล่นเอเชียนเกมส์ เชคมันเหนื่อยเกินไป ภาระมันหนักกว่าที่บุรีรัมย์เยอะ มันแทบจะเป็นเพลย์เมกเกอร์มากกว่ายิมเสียอีก เพราะเชคเคลื่อนที่เยอะมาก แต่ทั้งคู่ก็ไม่ค่อยได้หาโอกาสจบสกอร์เองเลย

แมน : ผมแอบคิดนะว่าเกมนี้ในเมื่อพี่โย่งคิดลองใช้เจ้าบุ๊คลงตัวจริง แล้วทำไมไม่ลองส่ง เจ้าช็อป (ขวัญชัย สุขล้อม ผู้รักษาประูตู) กับ ปวีร์ (ตัณฑะเตมีย์) ลงบ้าง เพราะเกมนี้เป็นเกมที่น่าทดลองที่สุดแล้ว

โค้ชจุ่น : นั่นน่ะสิ แต่พี่โย่งคงมองถึงเรื่องความสัมพันธ์ในเกมระหว่างประตูกับกองหลัง ก็เลยใช้นักเตะกลุ่มที่เคยเล่นด้วยกันมาตั้งแต่ซีเกมส์ก่อน พี่ค่อนข้างห่วงเจ้าหนึ่ง (วรวุฒิ นามเวช) ที่สุดแล้ว เพราะน้องมันเคลื่อนตัวค่อนข้างช้า โอเคล่ะอาจจะดักทางบอลได้ดี แต่สไตล์หนึ่งต้องมีคนคอยซ้อนอย่าปล่อยให้เจอสถานการณ์ 1 ต่อ 1 แล้วก็เรื่องการบิวดิ้งเกม (ออกบอลเพื่อขึ้นเกม) ยังไม่ดีเท่าไหร่ด้วย กองหลังไทยเราเป็นสไตล์ตัวชนทั้งนั้นเลย เราไม่มีคนที่เป็นพวกตัวสั่งการที่เป็นผู้นำในแนวรับ ทั้ง บอมบ์, เหน่ง (ศฤงคาร พรหมสุภะ) และ หนึ่ง เล่นสไตล์เดียวกันหมดเลย ถ้าไหนๆ พี่โย่งจะใช้ 3 คนนี้อยู่แล้วก็อาจจะถอดปีกออก แล้วใส่หลังสามไปเลย ดันเจ้าบอล (ชัยวัฒน์ บุราณ) หรือเจ้าเธค (สุริยา สิงห์มุ้ย) แล้วก็เด็กจากบุรีรัมย์ (รัตนากร ใหม่คามิ) นั่นก็เล่นได้โอเคเลยนะ เอาไปยืนวิงแบ็ค แล้วขยับ เชค มายืนคู่กับยิม ตรงกลาง น่าจะทำให้เราเคลื่อนเกมตรงกลางได้ไหลลื่นกว่านี้

พี่จุ่นบอกว่าเป็นห่วงที่สุดก็คือเจ้าหนึ่งนี่แหละ

แมน : ผมแปลกใจอีกอย่างว่าลูกยิงแถวสองเราหายไปไหนหมด ทั้งที่ในสโมสรแต่ละคนก็เป็นพวกยิงไกลดีๆ ทั้งนั้น ยังคิดถึงเจ้าโก้ (สรรเสริญ) เลยว่าทำไมพี่โย่งถึงไม่เลือกใช้

โค้ชจุ่น : คือเหมือนจังหวะมันไม่เข้าที่ไปหมด แล้วพอจะยิงก็กลัวทำเสีย ยิ่งถ้าเสียแล้วถูกเพื่อนบ่นก็ยิ่งไปกันใหญ่ อย่าว่าแต่น้องๆ เลย ตัวพี่เองก็เคยเป็นนะ พี่ไม่แน่ใจว่าเจ้าโก้ มีปัญหาบาดเจ็บอะไรหรือเปล่า คือถ้าลงมาเราก็จะมีเกมรุกในอีกมิติ เพราะโก้มันออกบอลจากแนวลึกได้ดี และก็มีลูกยิงไกลจากแถวสองด้วย 

แมน : เจนรบเป็นไงบ้างพี่ วันก่อนที่ผมคุยกับพี่แล้วพี่แนะนำให้น้องเล่นเป็นตัวของตัวเองไม่ต้องกดดันหรือพยายามพิสูจน์ตัวเองมากเกินไป ผมเอาไปเขียนเป็นข่าว มีคนแชร์ไปลงในเฟซบุ๊คของเจน น้องเขาก็น่าจะเห็นคำแนะนำของพี่แล้ว

โค้ชจุ่น : หรอครับ ดีๆ คือพี่ก็อยากให้เขาลดการกดดันตัวเองลง แล้วอย่าไปเล่นโซเชี่ยลเยอะ เพราะพอเห็นข้อความไม่ถูกใจแล้วเดี๋ยวก็เก็บเอาไปคิดมาก เขาถูกคาดหวังว่าจะเป็นศูนย์หน้าตัวหลักของทีมชาติไทยคนต่อไป เพราะมองไปรุ่นหลังๆ ก็แทบไม่เห็นใครแล้ว ซึ่งมันก็ทำให้เขาถูกกดดันมาตั้งแต่เด็ก พี่คิดว่าเขาไม่จำเป็นต้องแบบความกดดันนี้ไว้ แค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ สไตล์ที่ใช้ลูกบู๊ดุดันก็อาจจะลดลงมาบ้างเพื่อยืนระยะให้ได้นานๆ แล้วหันมาใช้เพื่อนร่วมทีมให้มากขึ้น จังหวะจบสกอร์เปลี่ยนมายิงเล่นทางหรือชงกลับให้เพื่อนบ้างก็ได้ ไม่ต้องยิงอัดแรงอย่างเดียว คือพอประตูแรกมันยังไม่มา ก็ดูเหมือนยิ่งเขาจะกดดันตัวเองไปกันใหญ่เลยทีนี้

รอลุ้นประตูแรกในทัวร์นาเม้นต์จะได้ลดแรงกดดันลงบ้าง

แมน : พี่คิดว่าเกมสุดท้ายที่จะเจออุซเบกิสถาน จะมีอะไรเกินคาดอีกมั้ย เพราะเกมแรกที่เราเสมอกาตาร์ ก็ถือว่าดีเกินคาด ส่วนเกมกับ บังกลาเทศ เราก็แย่เกินคาด

โค้ชจุ่น : คงต้องภาวนาให้ อุซเบกิสถาน ที่เขาเข้ารอบเป็นแชมป์กลุ่มไปแล้วส่งตัวสำรองลงเยอะๆ เพราะพี่ดูผลเมื่อกี๊ อุซเบ นำกาตาร์ ไป 5-0 แล้ว (จบเกมชนะ 6-0) ถ้าเขาส่งชุดสองลง แล้วเราได้ผู้เล่นฟูลทีมลงสนามพร้อมๆ เราก็ยังมีโอกาสนะ พี่เชื่อว่าพี่โย่งมีวิธีการที่จะไปต่อได้อยู่แล้ว รู้สึกว่าแค่เสมอเราก็น่าจะเข้ารอบได้แล้วมั้ง

แมน : เสมอเราก็มีแค่ 3 แต้มนะพี่ แถมประตูได้เสียเราจะ 0 เลย เพราะเสมอ 1-1 มาทั้งสองเกม แล้วอันดับ 2 นี่คงหวังยากเพราะ กาตาร์ กับ บังกลาเทศ นัดสุดท้ายใครชนะก็แซงเราหมด เรื่องอันดับ 3 ที่ดีที่สุดนี่น่าจะยาก เพราะเอา 4 ทีมจาก 6 กลุ่มเข้ารอบ กลุ่มอื่นก็ทยอยมี 3 แต้มกันไปแล้ว 

โค้ชจุ่น : ก็อาจจะต้องไปลุ้นลูกได้เสียกันอีกที แต่เอาน่ะ พี่เชื่อว่าอุซเบคงไม่ส่งชุดที่ดีที่สุดลงแน่ๆ เรายังมีโอกาสกลับมาได้

แมน : ดูไปดูมา กาตาร์ ที่เราเสมอกับเขานี่ สภาพแย่กว่าบังกลาเทศซะอีกนะครับ 

โค้ชจุ่น : ใช่ กาตาร์ ไม่มีสภาพเลย บังกลาเทศเขามีตัวอายุเกินที่คุมจังหวะเกมได้อยู่ 3 คน ทำให้รูปเกมของเขาไม่ลนลานในเกมรับ

แมน : เขาใช้กลาง, หลัง แล้วก็โกล อย่างละตำแหน่ง แล้วก็ดูนิ่งเล่นดีเลยนะครับ

โค้ชจุ่น : โกลเขาดีเลยนะ คือพวกตัวอายุเกินเขามีประสบการณ์ระดับชุดใหญ่มาแล้ว แล้วก็ให้ตัวอื่นๆ วิ่งไล่บอลแทน ทำให้เขาไม่เสียกำลังมาก แต่กาตาร์ชุดนี้นี่มีแค่เรื่องแท็กติคอล แต่ความสามารถเฉพาะตัวหรือฟิตเนสไม่ไหวเลย

แมน : คิดว่าบังกลาเทศจะพลิกชนะกาตาร์ได้มั้ยครับ 

โค้ชจุ่น : ก็ยังยากนะ เพราะเกมนี้เขามีแค่ลูกทุ่มไกลเองที่ยิงเราได้ จังหวะเกมบุกเขาก็ไม่ค่อยมีอะไร กาตาร์จะดูเป็นชิ้นเป็นอันกว่า 

แมน : ถามถึงเจ้าอาร์ม (ศุภชัย ใจเด็ด) ดีกว่าพี่ ถึงชั่วโมงนี้ คิดว่าต้องเป็นตัวจริงหรือยัง

โค้ชจุ่น : ก็ถ้ามาถึงขนาดนี้แล้วนะ ยังไงก็ต้องใช้เป็นตัวจริงแล้วล่ะ เพราะอาร์มเขาไม่ใช่ตัวจบสกอร์อย่่างเดียว แต่เขาเล่นเพื่อทีมและลงไปช่วยเกมรับได้ด้วย ทักษะการเก็บบอลครองบอลการประสานงานกับเพื่อน อาร์มมันเกินเด็กอายุ 19 ไปแล้ว

"ถึงเวลาที่พี่ต้องพึ่งแกแล้วเจ้าอาร์ม" 

แมน : เมื่อวันก่อนผมโทรไปคุยกับคุณเนวิน (ชิดชอบ) แกบอกว่า อาร์ม และคนอื่นๆ จาก บุรีรัมย์ ทั้ง เชค และ เกม (รัตนากร ใหม่คามิ) ยังไม่เก่งพอในสายตาแก และไม่อยากให้คนไปอวยเยอะ เพราะเด็กเหล่านี้ยังต้องพัฒนาอีกมาก

โค้ชจุ่น : ถูกของแกแล้ว ที่แกพูดแบบนั้นก็คงเพื่อควบคุมให้อยู่ในแท็กติกของแก ไม่ให้เหลิงจนเปลี่ยนบุคลิกในการเล่นไป ตอนนี้น้องๆ ยังไม่ได้เป็นซูเปอร์สตาร์ ก็ยังพยายามวิ่งพยายามเล่นเพื่อทีม แต่บางคนพอมีชื่อเสียงโด่งดังแล้วก็เหลิงจนวิธีการเล่นเปลี่ยนไปเลย ที่แกพูดแบบนั้นน่ะดีเลยนะ

แมน : ผมถามไปด้วยว่ามีคนเอาอาร์มไปเปรียบเทียบกับ ธีรศิลป์ แดงดา ในวัยเดียวกัน แกบอกว่าเทียบกันไม่ได้ ยังห่างชั้นจากมุ้ยเยอะ และถ้าเอามุ้ยตอนอายุ 19 มาอยู่กับบุรีรัมย์ในตอนนี้ มุ้ย จะยิ่งเก่งกว่านี้อีกหลายเท่า เพราะสมัยก่อนลีกบ้านเรายังไม่ได้มีการจัดการที่เป็นอาชีพเหมือนอย่างเดี๋ยวนี้

โค้ชจุ่น : อาร์มยังห่างมุ้ยเยอะ แต่เชื่อมั้ยว่าตอนที่เขามาคัดกับพี่ในทีมชาติยู-19 เขามาจากปทุมคงคา มาขอคัดในตำแหน่งกองกลาง พี่โยนชื่อเขาลงถังขยะเลย แต่พอมาดูอายุเขาเพิ่งแค่ 17 แล้วมีความสูงขนาดนี้ พี่เลยมองว่าเอาไปเล่นกองกลางเสียของเปล่าๆ คืนวันนั้นพี่กับทีมสตาฟฟ์ไปนั่งกินข้าวกันที่ร้านอาหาร พี่โทรไปหาพี่โต่ย (ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย) ที่ตอนนั้นแกอยู่กับโอสถสภา (ต้นสังกัดเดิมของเจ้าอาร์ม) แล้วคุยกันถึงเรื่องของเจ้าอาร์มว่าเด็กคนนี้น่าจะปั้นมาเล่นตำแหน่งกองหน้านะ แล้วอีกวันนึงพี่ก็โทรตามให้น้องมันลองมาซ้อมเป็นกองหน้าดู ปรากฎว่าเฮ้ยนี่แหละตำแหน่งที่แท้จริงของอาร์ม เพราะเขาเก็บบอลดีและมีเซนส์ในการยิงประตูดีมาก 

โค้ชโต่ยเป็นอีกคนที่อยู่เบื้องหลังบันไดสู่ทีมชาติของเจ้าอาร์ม

แมน : เห็นเคยยิงแฮททริคใส่ออสเตรเลียมาแล้วด้วยนี่พี่

โค้ชจุ่น : โห ใช่ๆ มีลูกนึงชิพเข้าอย่างสวยเลยล่ะ พี่มองว่า อาร์ม นี่แหละที่ถอดสไตล์การเล่นมาจาก มุ้ย ชัดๆ เลย

แมน : ผมเคยถามคุณเนวินนะพี่ว่า จะปั้นอาร์มเล่นกองหน้าในบุรีรัมย์มั้ย แกตอบผมว่าถ้าให้มันเล่นกองหน้า มันก็ไม่ได้ลงสิ เพราะกองหน้าบุรีรัมย์ต่างชาติดีกว่าอาร์มทุกคน แต่ถ้าเป็นทีมโค้กคัพ อาร์มก็คือกองหน้าเบอร์หนึ่งของทีม ตอนนี้แกเน้นให้ลงไปสัมผัสเกมในตำแหน่งอื่นๆ และคอยศึกษาจากพวก ดิโอโก้ กับตัวต่างชาติไปก่อน

โค้ชจุ่น : แน่นอนล่ะ ระดับบุรีรัมย์ กองหน้าตัวจริงคงเบียดยากอยู่แล้ว แต่เขาอยู่ท่ามกลางผู้เล่นเก่งๆ เขาก็จะค่อยๆ ซึมซับ และเก่งตามไปเอง มันอยู่ที่ทัศนคติของเด็กด้วยนะว่าจะซึมซับมาพัฒนาตัวเองได้มากแค่ไหน ตอนนี้แค่เขาได้เล่นเป็น 11 ตัวจริงกับทีมอย่างบุรีรัมย์ในวัยแค่ 19 ปี ก็สุดยอดแล้ว 

แมน : พูดถึงบุรีรัมย์ รู้สึกยังไงบ้างพี่ที่จับสลากมาเจอกันในรอบรองฯของโตโยต้า ลีก คัพ แฟนบอลหลายๆ คนรวมถึงผมอยากให้จับมาเจอกันแต่แรกแล้วนะ เพราะคิดว่าน่าจะมันส์แน่ๆ เป็นทีมสไตล์บุกมาเจอกัน

โค้ชจุ่น : อืม ก็หนักเลยล่ะนะ แต่พี่คิดว่าเรามาเจอบุรีรัมย์ในรอบนี้ดีกว่าเจอ นครราชสีมา หรือ เชียงราย นะ เพราะต่อให้เราแพ้ในรอบนี้ ก็ยังดีกว่าเข้าชิงแล้วไปแพ้เขา แบบนั้นมันน่าเสียใจมากกว่า ที่พี่เสียดายที่สุดก็คือส่งเจ้านนท์ (อานนท์ อมรเลิศศักดิ์) ลงไม่ได้ เพราะติดสัญญายืมตัว

อานนท์ หมดสิทธิ์ช่วย บีจี ดวล บุรีรัมย์

แมน : อันนี้ระบุไว้ในสัญญาหรือเป็นเรื่องมารยาทพี่ ที่ส่งนนท์ลงไม่ได้

โค้ชจุ่น : มีระบุไว้ในสัญญาเลยนะว่าถ้าเจอกันจะส่งลงเล่นไม่ได้ ที่พี่เสียดายเพราะเชพของทีมเรากำลังดี และเจ้านนท์คือคีย์แมนในการทำเกมบุกของเรา แต่ไม่เป็นไรพี่ก็ต้องมาพยายามเปลี่ยนบุคลิกการเล่นของทีมด้วยคนอื่นแทน อย่างน้อยมองในแง่ดี บุรีรัมย์เขาก็มีเกมลีกหนักๆ กับเมืองทองก่อนหน้านั้น แต่เราเองก็ต้องเจอเชียงรายก่อนเหมือนกัน

แมน : ถึงตอนนั้น (19 ก.ย.) สถานการณ์หนีตายน่าจะชัดเจนมากขึ้นนะพี่ เพราะมีเกมลีกให้เล่นก่อนประมาณ 2-3 นัดถ้าโกยแต้มได้เยอะๆ ก็คงไปเน้นในบอลถ้วยได้

โค้ชจุ่น : ใช่ครับ ตอนนี้เราก็ต้องเน้นเกมต่อเกมแล้วล่ะ ก็หวังว่าจะรักษาความต่อเนื่องหลังจากพักเบรกทีมชาติเอาไว้ได้ 

แมน : โอเคครับพี่ งั้นวันนี้ผมรบกวนพี่จุ่นเท่านี้ดีกว่าครับ ขอบคุณมากนะพี่

โค้ชจุ่น : ได้ครับ ขอบคุณเหมือนกันครับแมน


ถ้าชอบก็กดไลค์ ถ้าใช่ก็กดแชร์กันด้วยนะครับ (แมน โกสินทร์ อัตตโนรักษ์)  


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด