:::     :::

ทางออกของโอเดการ์ด

วันอังคารที่ 21 สิงหาคม 2561 คอลัมน์ เล่าเก่าก้าวใหม่ โดย Latino
3,281
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
มาร์ติน โอเดการ์ด ดาวรุ่งชาวนอร์วีเจี้ยนคงต้องเลือกย้ายไปเติบโตกับสโมสรอื่นที่ไม่ใช่ เรอัล มาดริด

เขาเริ่มฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ของ สตรอมก็อดเซ็ต เมื่อปี 2012 ด้วยอายุเพียง 13 ปี ก่อนลงประเดิมสนามปีเดียวกันในแมตช์กระชับมิตรช่วงกลางซีซั่นกับ เอ็มยอนดาเลน จนถูกจับตามองจากสองสโมสรยักษ์ใหญ่ของยุโรปอย่าง บาเยิร์น มิวนิค และ แมนฯยูไนเต็ด จากนั้นเขาลงเล่นกับทีมเยาวชนของ สตรอมก็อดเซ็ต ทั้งชุดยู-17 และ ยู-19 ด้วยอายุเพียง 14 ปี 

ในเดือนมกราคมปี 2014 ตอนอายุ 15 มาร์ติน โอเดการ์ด เลื่อนชั้นขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งในทีมชุดใหญ่ของ สตรอมก็อดเซ็ต แต่ยังไม่มีการเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพ  ทว่าตามกฎของ'ทิปเปลีเก้น'นักเตะจะลงสนามได้ก็ต่อเมื่อมีสัญญาอาชีพเท่านั้น สโมสรจึงต้องส่งชื่อโอเดการ์ดอยู่ใน'บี-ลิสต์'ซึ่งทำให้เขามีโอกาสลงเล่นได้เพียง 3 นัดต่อฤดูกาลเท่านั้น 

โอเดการ์ด ไม่สามารถลงฝึกซ้อมช่วงกลางวันกับ สตรอมก็อดเซ็ต เนื่องจากเขายังต้องเข้าเรียนภาคบังคับ ดังนั้นส่วนหนึ่งในข้อตกลงนี้ เขาจึงได้รับการฝึกซ้อมช่วง 2 สัปดาห์แรกกับ เอ็มยอนดาเลน ซึ่งเป็นทีมกึ่งอาชีพในระดับดิวิชั่น 1 ในเวลานั้น โดยทีมดังกล่าวมีพ่อของโอเดการ์ดเป็นหนึ่งในสตาฟฟ์โค้ชด้วย 


สตรอมก็อดเซ็ต ส่ง โอเดการ์ด ลงประเดิมสนามในแตช์กับ อาเลซุนด์ส เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2014 ตอนอายุ 15 ปีกับ 118 วัน กลายเป็นนักเตะอายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ที่ลงเล่น'ทิปเปลีเก้น'ก่อนนักเตะจะเซ็นสัญญาอาชีพฉบับแรกเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมปีเดียวกันแต่มีอายุการใช้งานจนถึงสิ้นปี 2015 ซึ่งทำให้เขาสามารถลงเล่นมากกว่า 3 เกมตามข้อจำกัดก่อนหน้านี้ 

อีก 11 วันต่อมา โอเดการ์ด ทำประตูแรกในการเล่นอาชีพและกลายเป็นนักเตะอายุน้อยสุดที่ทำประตูบนเวที'ทิปเปลีเก้น'หลังกดประตูสุดท้ายในชัยชนะเหนือ ซาร์ปสบอร์ก 4-1 ก่อนเปิดตัวบนเวทียุโรปเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมหลังถูกส่งลงสนามแทน ลาร์ส คริสโตเฟอร์ วิลสวิค ช่วง 5 นาทีสุดท้ายในเกมพ่ายคารังต่อ สเตอัว บูคาเรสต์ 0-1 ในการเล่นรอบคัดเลือกรอบ 2 ของศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 

ช่วงปลายเดือนกรกฎาคมปีเดียวกันบรรดาสื่อยักษ์ใหญ่ของนอร์เวย์อย่าง 'ดักบลาเด็ต'กับ 'อาฟเทนโพสเท่น'พร้อมใจกันถกประเด็นเกี่ยวกับการผลักดัน โอเดการ์ด ขึ้นสู่ทีมชาตินอร์เวย์ หลังโชว์ฟอร์มโดดเด่นในเกมกับ ซานด์เนส ซึ่งนักเตะมีส่วนร่วมกับทั้ง 3 ประตูของ สตรอมก็อดเซ็ต ทั้งการยิงเองและแอสซิสต์ โอเดการ์ด ยังทำให้ทีมได้ลูกจุดโทษด้วย แต่เพื่อนร่วมทีมยิงพลาด 

ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ ซึ่งเป็นนักเตะที่ลงเล่นกับทีมชาตินอร์เวย์มากสุดรู้สึกประทับใจฟอร์มการเล่นของ โอเดการ์ด จนต้องเรียกร้องให้เรียกนักเตะติดทีมนอร์วีเจี้ยนลงเล่นกับบรรดาชาติยักษ์ใหญ่ของยุโรป 

สอดคล้องกับความคิดเห็นของอดีตผู้จัดการทีมชาตินอร์เวย์อย่าง นีลส์ โยฮัน เซมบ์ ที่ระบุว่า'มาร์ตินเป็นหนึ่งในนักเตะอายุ 15 ปีดีที่สุดในยุโรป' ทว่ามันอาจยังเร็วเกินไปสำหรับการก้าวขึ้นมาเล่นทีมชาติชุดใหญ่ แม้ว่า โอเดการ์ด จะยืนยันว่าเขาพร้อมหากถูกเรียกตัวก็ตาม


โอเดการ์ด ได้ลงเจิมทีมชาตินอร์เวย์เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2014 กลายเป็นแข้งนอร์วีเจี้ยนอายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ที่ลงประเดิมสนามกับทีมชาติชุดใหญ่ด้วยวัย 15 ปีกับ 253 วันในแมตช์อุ่นเครื่องกับ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ สตาเวนเจอร์ ทำลายสถิติเดิมของ ทอร์ม็อด เคลล์เซ่น ที่เคยลงเล่นด้วยอายุ 15 ปี 351 วันตั้งแต่ปี 1910 

สตรอมก็อดเซ็ต จบฤดูกาลดังกล่าวด้วยการคว้าอันดับ 4 ของ'ทิปเปลีเก้น'คว้าตั๋วเข้าไปเล่นรอบคัดเลือกรอบแรกของศึกยูโรปาลีก ขณะที่ โอเดการ์ด ทำผลงานเด่นด้วยการยิง 5 ประตูกับ 7 แอสซิสต์จากการลงเล่น 23 นัด

นั่นคือย่างก้าวของเด็กมหัศจรรย์ชื่อ มาร์ติน โอเดการ์ด 

ลิเวอร์พูล, บาเยิร์น มิวนิค, แมนฯยูไนเต็ด, แมนฯซิตี้ ต่างเชิญ โอเดการ์ด เดินทางมาร่วมฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ในช่วงเดือนธันวาคมปี 2014 หลังศึก'ทิปเปลีเก้น'ปิดซีซั่นและยังเดินทางไปเยี่ยมชมสโมสรอาร์เซน่อลในช่วงเดือนมกราคมปีถัดมา ตามด้วยการเดินทางมาฝึกซ้อมกับ เรอัล มาดริด 


จนกระทั่งวันที่ 21 มกราคม 2015 ทีมชุดขาวบรรลุข้อตกลงกับ สตรอมก็อดเซ็ต ในการดึงเด็กมหัศจรรย์มาร่วมทีมด้วยค่าตัวราว 3 ล้านยูโรตามรายงานข่าวจากสื่อเมืองกระทิง ขณะที่สื่อนอร์วีเจี้ยนระบุว่าตัวเลขดังกล่าวมีมูลค่า 4 ล้านยูโรและอาจสูงถึง 8.8.5 ล้านยูโรตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญา 

ตามแถลงการณ์ของ เรอัล มาดริด ระบุว่า โอเดการ์ด จะลงฝึกซ้อมกับทั้งสองทีมทั้งชุดใหญ่และทีมสำรอง เขาจะได้โอกาสลงเล่นกับ เรอัล มาดริด หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับ ซีเนดีน ซีดาน เทรนเนอร์ทีมชุดขาวในขณะนั้น 

อย่างไรก็ตามการเซ็นสัญญากับ เรอัล มาดริด อาจจะเป็นการตัดสินใจผิดพลาดของ โอเดการ์ด จาก'เด็กมหัศจรรย์'ที่ถูกยกย่องชื่นชมไม่มีพัฒนาการอย่างที่คาดหวังจนค่อยๆเริ่มจางหายไปจากหน้าสื่อมวลชน 

เรอัล มาดริด เป็นสโมสรยักษ์ใหญ่ของโลกลูกหนัง แต่แทบจะไม่มีช่องว่างให้เด็กหนุ่มอย่างโอเดการ์ดได้มีโอกาสเติบโต 

โอเดการ์ด ได้ลงเล่นเฉพาะแมตช์อุ่นเครื่องกับทีมชุดใหญ่ ลงเล่นกับ เรอัล มาดริด กาสตีย่า ระดับเซกุนด้า เบ หรือเทียบเท่าระดับดิวิชั่น 3 เท่านั้น 


นับตั้งแต่เซ็นสัญญากับทีมชุดขาว โอเดการ์ด สร้างชื่อเพียงอย่างเดียวคือการเป็นนักเตะอายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์สโมสรที่ลงประเดิมสนามด้วยวัย 16 ปีกับ 157 วัน หลังถูกส่งลงเล่นแทน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในแมตช์เปิดสังเวียน'ซานติอาโก้ เบร์นาเบว'บอมบ์ เคตาเฟ่ 7-3 เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2015

โอเดการ์ด ออกสตาร์ทกับทีมชุดใหญ่ของ เรอัล มาดริด ครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2016 หลังการเซ็นสัญญาผ่านมา 679 วัน เขาลงเล่นเต็ม 90 นาทีในเกมกับ กูลตูราล เลโอเนซ่า บนเวที โกปา เดล เรย์ รอบ 32 ทีม ซึ่ง เรอัล มาดริด ถล่มคู่แข่งขาดลอย 6-1

อย่างไรก็ตาม โอเดการ์ด มีโอกาสพัฒนาฝีเท้าไม่มากนักในการเล่นกับ เรอัล มาดริด กาสตีย่า และการลงสนามในบางโอกาสกับทีมชุดใหญ่ ดังนั้นทางออกดีที่สุดของนักเตะคือการย้ายสังกัดจนกระทั่งทีมชุดขาวตัดสินใจปล่อยนักเตะย้ายมาเล่นกับ ฮีเรนวีน ด้วยสัญญายืมตัว 18 เดือนตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2017

โอเดการ์ด ได้โอกาสลงสนามต่อเนื่องกับ ฮีเรนวีน ทั้งในช่วงครึ่งซีซั่นหลังของฤดูกาล 2016-17 และช่วงต้นซีซั่นแรกของฤดูกาล 2017-18 ก่อนโชคร้ายได้รับบาดเจ็บบริเวณเข่าจนต้องปิดเทอมก่อนกำหนด เขากลับมาฝึกซ้อมและลงเล่นช่วงปรีซีซั่นกับ เรอัล มาดริด ยุค จูเลน โลเปเตกี ตลอดช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ยังคงไม่มีที่ว่างในทีมชุดใหญ่ของอดีตเด็กมหัศจรรย์เช่นเดิม


เรอัล มาดริด กำลังพิจารณาหาทางออกให้โอเดการ์ดในรูปแบบเดิมคือการปล่อยนักเตะย้ายไปเล่นกับสโมสรอื่นด้วยสัญญายืมตัว ซึ่งมิดฟิลด์ชาวนอร์วีเจี้ยน ซึ่งนักเตะอาจจะหวนกลับไปพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งบนเวที'เอเรดิวิซี่'ของเมืองกังหันลม โดยมีทั้ง ฮีเรนวีน กับ วิเทสส์ เป็นสองทางเลือก 

ฮอลแลนด์น่าจะเป็นลีกที่เหมาะสมกับการพัฒนาฝีเท้าของ โอเดการ์ด เนื่องจาก'เอเรดิวิซี่'เป็นเวทีสำหรับผู้เล่นดาวรุ่งที่ต้องการไต่เต้าขึ้นมาเป็นนักเตะที่ดีในอนาคตและแข้งดาวรุ่งชาวนอร์วีเจี้ยนยังเคยทำผลงานได้ดีกับ ฮีเรนวีน ในช่วง 18 เดือนก่อนหน้านี้ด้วย


มาร์ก ฟาน ฮินตูม ผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาของ วิเทสส์ ไม่ปิดบังความรู้สึกว่าเขาต้องการดึง โอเดการ์ด ไปร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัว แต่ยอมรับว่าคงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับ วิเทสส์ เนื่องจากมีหลายสโมสรสนใจแข้งดาวรุ่งชาวนอร์วีเจี้ยนเช่นเดียวกัน

'มันไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะมีหลายสโมสรที่สนใจเขา แต่เรายังหวังว่าจะสามารถนำเขามาที่ วิเทสส์'ฟาน ฮินตูม เผยกับ'เดอ เทเลกราฟ'สื่อกีฬายักษ์ใหญ่ของฮอลแลนด์'เราจะติดต่อกลับไปอีกในไม่กี่วันข้างหน้า'

วิเทสส์ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีและเหมาะสมกับการพัฒนาฝีเท้าของ โอเดการ์ด เนื่องจากทีมของ เลโอนิด สลุตสกี้ มีส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างแข้งดาวรุ่งกับนักเตะประสบการณ์ ขณะที่ทีมเก่าอย่าง ฮีเรนวีน ก็มีข้อดีที่นักเตะไม่ต้องใช้เวลาปรับตัวมากนักหลังมีความคุ้นเคยในการเล่นกับทีมมาก่อนหน้านี้ 

โอเดการ์ด ยังมีเวลาพิจารณาเลือกเส้นทางค้าแข้งในอนาคตของตนเองอีกราว 10 วันก่อนที่ตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์จะปิดทำการในวันศุกร์ที่ 31 สิงหาคมนี้ 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด