:::     :::

อ่อนที่นี่...ดีที่อื่น

วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม 2561 คอลัมน์ เด็กเก็บบอล โดย ยักษ์เดนส์
2,012
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ถือเป็นลีกที่ได้ชื่อว่ายากที่สุดในโลก ยากที่จะคาดเดาว่าใครจะเข้าป้ายคว้าแชมป์เพราะทีมที่มีโอกาสมากถึง 5-6 ทีม
         ยังไม่รวมถึงบรรดาสโมสรเล็กที่พร้อมจะขัดขาสร้างความเจ็บปวดให้กับขาใหญ่ที่มีลุ้นทั้งหลายอย่างที่เห็นมาตลอด
         สตาร์เด่นดังก็มีมาก แน่นอนว่ามันไม่ได้หมายความว่าจะทำผลงานได้ดี หลายคนเอาชื่อมาทิ้งก็มีเยอะ
         เหมือนกันบรรดากองหลังในอังกฤษนั้นล้วนแล้วแต่เข้าขั้น "โรคจิต" ที่พอเห็นบรรดาพ่อค้าแข้งใหม่ๆ ชื่อดัง ฝีเท้ายอด ก็อยากจะเตะให้ร่วงลงไปนอนกองกับพื้น
         อย่างกับว่า "เก่งนักหรอ อัดสักทีดีมั้ย" 
         บางคนมีประสบการณ์อันย่ำแย่ถึงขั้นเลวร้ายในอังกฤษ แต่พอย้ายออกไปเล่นที่อื่นกลับเฉิดฉายโดดเด่นซะอย่างนั้น ลองไปดูกันว่ามีใครกันบ้าง
ฟลอริย็อง โตแว็ง
สโมสร : นิวคาสเซิ่ล
     
         ย้อนกลับไปเมื่อปี 2014 บริติช นิวส์เปเปอร์ จัดอันดับดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุดในวงการฟุตบอลยุโรป ชื่อของ ฟลอริย็อง โตแว็ง ติดอยู่ 1 ใน 10 ของนักเตะที่ได้รับการยกย่องด้วย
         ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมนับตั้งแต่กับ บาสเตีย จนโดน มาร์กเซย ดึงมาร่วมทีม ตัวรุกชาวฝรั่งเศสรายนี้เป็นนักเตะที่ได้รับการจับตามองว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นยอดนักเตะในอนาคต
         มีความเร็ว กระชากบอลมันส์ เลี้ยงบอลเก่ง จ่ายบอลดี และยิงเองได้คือนิยามความเป็น โตแว็ง จนโฆษณาชวนเชื่อทำให้ นิวคาสเซิ่ล ทุ่มเงิน 15 ล้านปอนด์ ดึงมาร่วมทีมเมื่อปี 2015
         แต่ผลงานที่ออกมากลับล้มเหลวไม่เป็นท่ายิงได้แค่ลูกเดียวจาก 16 เกม และอยู่กับทีมแค่ครึ่งเท่านั้นและปรับตัวไม่ได้ จนโดนปล่อยให้ "โอแอ็ม" ยืมตัวกลับไปใช้งาน ก่อนจะยืมตัวเต็มฤดูกาลในปีถัดมา
         ผลงาน 15 ประตูจาก 38 เกม กลายเป็นเครื่องยืนยันอย่างชัดเจนว่าเจ้าตัวล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการค้าแข้งที่อังกฤษ ก่อนที่ซีซั่นที่ผ่านมาจะเข้าฝักสุดๆกด 22 ลูกจาก 34 เกม จนมีชื่อติดทีมชาติฝรั่งเศสลุยฟุตบอลโลก แถมได้เหรียญแชมป์อีกด้วย
         บางที มาร์กเซย อาจจะเป็นสโมสรเดียวที่เจ้าตัวเหมาะที่จะค้าแข้งด้วยในชีวิตนี้
ยาโก้ อัสปาส
สโมสร : ลิเวอร์พูล
               
         ไต่เต้าจากเด็กในอคาเดมี่ของ เซลต้า บีโก่ ก้อนจะค่อยขึ้นสู่ทีมเบ กระทั่งกลายเป็นตัวหลักในทีมชุดใหญ่ในที่สุดในวัย 22 ปีเท่านั้น
         ในช่วงที่พีคสุดขีดกับการกด 35 จาก 69 เกมในลา ลีกา จนกระทั่ง ลิเวอร์พูล ควักกระเป๋าเกือบ 10 ล้านปอนด์ เพื่อดึงตัวมาร่วมทีมในปี 2013 ด้วยหวังว่าจะได้แจ็คพ็อตเหมือนสมัยดึงตัว เฟร์นานโด ตอร์เรส มาร่วมทีม 
         ทว่าสถิติลงตัวจริง 5 เกม ลงในฐานะสำรองอีก 9, อัสปาส มีประตูมาฝากชาวหงส์แดงเพียงแค่ประตูเดียวเท่านั้น ต้องว่าว่าน่าผิดหวังอย่างแรง และอยู่กับทีมแค่ซีซั่นเดียวก็โดนปล่อยไปให้ เซบีย่า ยืมตัวใช้งานในปี 2014 ก่อนกลับไปตายรังเก่าที่ เซลต้า ในปี 2015
         และที่ลา ลีกาก็เหมือนกับเจ้าตัวกลับมาเกิดใหม่ ปีแรกที่กลับไปทะลวง 18 ลูกจาก 40 เกมทุกรายการ และดีขึ้นเรื่อยๆเลย ปีถัดมากด 26 ลูก จาก 49 นัด ตามด้วยปีล่าสุดยิง 23 ลูกจาก 37 เกม จนมีชื่อติดทีมชาติสเปนลุยฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซียเลย
         ในสายตาแฟนบอล เซลต้า บีโก้ เขาคือกองหน้าเบอร์หนึ่งของสโมสร แต่กับ ลิเวอร์พูล ก็แค่การเซ็นสัญญาที่ล้มเหลวเท่านั้น
ราดาเมล ฟัลเกา
สโมสร : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี
               
         หากจะให้พูดถึงกองหน้าที่จบสกอร์ได้อย่างเด็ดขาด มีความแข็งแกร่ง มีทักษะ หลายคนก็คงลืมชื่อของ ราดาเมล ฟัลเกา กันไปหมดแล้ว
         นี่คือกองหน้าที่สร้างชื่อขึ้นมาด้วยสองเท้าของตัวเอง ตั้งแต่ย้ายาเล่นในยุโรปกับ ปอร์โต้ ก่อนมาดังสุดขีดกับ แอตเลติโก มาดริด เป็นหนึ่งในนักเตะที่กองหลังคู่แข่งขยาด คว้าแชมป์ยูโรปา ลีกในสองปีกับสองสโมสร โดยเฉพาะในปี 2011 ที่กด 17 ลูกจาก 14 เกมให้ ปอร์โต้คว้าแชมป์ เป็นสถิติที่ยังไม่มีใครทำลายลงได้
         หลังจากทะลวงตาข่าย 72 ประตูจาก 87 เกม ในช่วงสองปรกับ ปอร์โต้ ต่อด้วย 70 จาก 91 เกมกับ แอต.มาดริด โมนาโก ที่กำลังรวยขึ้นก็กระชากไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 60 ล้านยูโร
         ทว่าความโชคร้ายไม่เข้าใครออกใคร ฟัลเกา เจออาการบาดเจ็บเอ็นเข่าเล่นงานจนชวดลุยฟุตบอลโลก 2014 ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาซคางทาง แมนฯ ยูไนเต็ด ตัดสินใจยืมตัวมาใช้งาน
         ช่วงที่ดีที่สุดได้เหมือนว่าจะผ่านไปแล้ว ฟัลเกา ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป 4 ประตูจาก 29 เป็นตัวบ่งบอกอย่างดี แม้ในปีถัดไป เชลซี ที่ตัดสินใจยืมตัวใช้งานเช่นกัน แต่ก็ได้โอกาสลงเล่นเพียง 12 นัดและยิงแค่ลูกเดียวเท่านั้น
         แต่เมื่อกลับ โมนาโก ดาวยิงทีมชาติโคลอมเบียก็คืนฟอร์มเก่งอีกครั้ง ซัด 30 ลูกจาก 43 เกมในปี 2016/17 และยิงอีก 23 ลูกจาก 36 เกมเมื่อซีซั่นที่แล้ว
         อาจจะต้องบอกว่าความแรงในเกมฟุตบอลอังกฤษยากที่เจ้าตัวจะทนทานได้อีกต่อไป
ฮวน เซบาสเตียน เวรอน
สโมสร : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี
                 
         หนึ่งในเพลย์เมกเกอร์ที่ดีที่สุดในโลก แต่นั่นคงต้องบอกว่าก่อนที่จะย้ายมาเล่นในอังกฤษกับ แมนเชสเจอร์ ยูไนเต็ด
         หลังฝากผลงานอันยอดเยี่ยมกระเทียมดองในการค้าแข้งที่กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี เริ่มตั้งแต่ ซามพ์โดเรีย ก่อนมาอยู่กับ ปาร์ม่า  ในยุครุ่งเรื่องสุดขีดคว้าแชมป์โคปปา อิตาเลีย และ ยูฟ่า คัพ ก่อนมาอยู่กับ ลาซิโอ กวาดทั้งแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ทั้ง กัลโช่ เซเรีย อา, โคปปา อิตาเลีย, ซูเปอร์โคปปา อิตาเลีย และ ยูฟ่า คัพ
         แมนฯ ยูไนเต็ด ทุ่มเงินระดับ 24.3 ล้านปอนด์ สมัยนี้อาจจะน้อยจนซื้อเด็กสักคนยังไม่ได้ แต่กับสมัยนั้นมันคือราคาที่แพงที่สุดในเกาะอังกฤษ
         แน่นอนว่านักเตะคนนี้คือคนที่ทำให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทิ้งปรัชญาการทำทีมระบบ 4-4-2 มาเล่นเป็น 4-4-1-1 เนื่องด้วยมีกองกลางระดับ ไรอัน กิ๊กส์, รอย คีน, พอล สโคลส์ และ เดวิด เบ็คแฮม 
         แต่หลังจากสองฤดูกาลอันล้มเหลว เชลซี รับเซ้งต่อ เวรอน ด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์ แน่นอนว่าเป็นดีลที่แฟนผีไม่น้อยที่ได้เฮฮา เพราะนอกจากเล่นไม่ดีแล้วยังเจอปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงานจนสุดท้ายอยู่ในแค่ปีเดียวก็ต้องระหกระเหินกลับอิตาลีโดยมี อินเตอร์ มิลาน ที่ยืมตัวใช้งานก่อนที่สุดท้ายจะกลับบ้านเกิดค้าแข้งกับต้นสังกัดแรกอย่าง เอสตูเดียนเตส จนกระทั่งแขวนสตั๊ด
         ห่วยแค่ไหนไม่รู้ แต่เจ้าตัวได้รับการจัดอันดับที่ไม่น่าจดจำเมื่อไทม์สยกให้ เวรอน คือการเซ็นสัญญาที่ห่วยแตกที่สุดติด 50 อันดับของฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเลย
ดีเอโก้ ฟอร์ลัน
สโมสร : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
     
         ย้ายมาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเดือนมกราคม ปี 2002 หลังจากฝากผลงาน 37 ลูกใน 77 เกมกับ อินเดเปนเดีนเต้ 
         แน่นอนว่าเป็นกองหน้าหน้าที่ไม่มีอะไรมาก ก็แค่ยิงประตูให้ได้เยอะๆก็เป็นพอ แต่ทว่านั่นกลับเป็นปัญหาใหญ่ระดับชีวิตของหัวหอกผู้นี้
         13 เกมในพรีเมียร์ลีก กับอีก 5 เกมในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ลงเล่นในเสื้อปีศาจแดงในครึ่งเทอมแรกไม่มีชื่ออยู่บนสกอร์บอร์ดในฐานะผู้ทำประตูเลยแม้แต่ลูกเดียว
         กระทั่งเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ในเกมยุโรแกับ มัคคาบี้ ไฮฟา ที่ยูไนเต็ดเอาชนะไปได้ 5-2, ประตูสุดท้ายของเกมทีมได้จุดโทษซึ่งเพื่อนๆพร้อมใจกันให้ ฟอร์ลัน รับหน้าที่สังหารเป็นการปลดล็อคประตูแรกคราบอสูรรอบ 9 เดือน
         ประตูแรกในลีกเกิดขึ้นในเกมกับ แอสตัน วิลล่า เมื่อเจ้าตัวเป็นคนยิงประตูตีเสมอให้ทีมในเกมที่ผลจบลงด้วยสกอร์ 1-1 ก่อนจบฤดูกาล 2002/03 ที่ 9 ประตูจาก 45 เกม มีแชมป์พรีเมียร์ลีกมาประดับคอ
         ฟอร์ลัน ย้ายออกจากรังโอลด์ แทรฟฟอร์ดในปี 2004 ด้วยผลงานยิงแค่ 17 ลูกจาก 98 เกม คิดเป็นผลงานในพรีเมียร์ลีกแค่ 10 ประตูเท่านั้น โดยไปอยู่กับ บียาร์เรอัล ในลา ลีกา สเปน พร้อมทะลวงตาข่าย 25 ลูกในปีแรก คว้าดาวซัลโวลา ลีกาไปครองแถมยังคว้ารางวัลดาวซัลโวยุโรปร่วมกับ เธียร์รี่ อองรี อีกด้วย
         3 ปีกับทีม "เรือดำน้ำ" หัวหอกชาวอุรุกวัยกดไป 59 ลูกจาก 128 เกม ก่อนดยกร่วมทีมแอตเลติโก มาดริด และก็ยังสานต่อผลงานที่ยอดเยี่ยมโดยเฉพาะในปี 2209/09 ที่ทะลวงประตูในลีก 32 ลูกจาก 33 เกม กวาดทั้งดาวยิงสูงสุดลา ลีกาและรองเท้าทองคำยุโรปไปครองอย่างยิ่งใหญ่
         แม้แฟนผีจะผิดหวังกับผลงานยิงประตูอันน้อยนิดสมัยค้าแข้งกับทีมแต่ก็ฝากความทรงจำที่กดสองประตูใส่ ลิเวอร์พูล ให้ทีมเอาชนะ "อริ" รายนี้ 2-1 เมื่อเดือนธันวาคม 2002
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})