:::     :::

ชำแหละ บาร์ซ่า 18-19

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ฤดูกาลนี้ บาร์เซโลน่า มีการเสริมทัพที่หวือหวา และหลังการออกสตาร์ท 2 ในลา ลีกา เราได้เห็นอะไรจากแชมป์เก่าบ้าง ?
'แชมป์เก่า' บาร์เซโลน่า ประเดิมสนามใน ลา ลีกา ไปแล้ว 2 นัด ด้วยผลงานชนะรวดเหนือ อลาเบส 3-0 และ เรอัล บายาโดลิด 1-0 เก็บ 6 แต้มเต็มแบบไม่ตกหล่น 

าพรวมถือว่า "น่าพอใจ" แม้เกมที่ โฆเซ่ ซอร์รีย่า จะเป็นชัยชนะที่หวุดหวิดจวนเจียนไปหน่อย แต่ก็พออนุโลมได้ เนื่องจากสนามอยู่ในสภาพย่ำแย่ไม่ต่างจากไร่มันสัมปะหลัง ทำให้สไตล์บอลสั้น เล่นกับพื้นอย่างพวกเขาเจอปัญหา 

ที่ว่า "น่าพอใจ" เพราะนอกจากชนะรวดแล้ว ทีมยังไม่เสียประตูอีกด้วยซึ่งจุดนี้ถือว่าสำคัญที่ บัลเบร์เด้ เน้นย้ำ เพราะเกมรับถือเป็นปัจจัยพื้นฐานของการชิงชัยในระบบลีกที่ต้องอาศัยความคงเส้นคงวา การมีแนวรับที่แข็งแกร่งจะช่วยให้ทีมได้เปรียบอย่างมากในเกมการเล่นอันยาวนาน 


บาร์เซโลน่า มีอะไรแปลกใหม่ไปจากเดิมหรือเปล่า ?
ในส่วนของตัวผู้เล่นเวลานี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนมากนัก บัลเบร์เด้ ยังคงยึดแข้งจากชุดดับเบิ้ลแชมป์เมื่อปีก่อนลงสนามเป็นหลัก หากทว่าที่เปลี่ยนไปชัดเจนก็คือการกลับมาใช้ระบบ 4-3-3 อีกครั้ง หลังจากยึด 4-4-2 เป็นส่วนใหญ่เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา 

ทำไมจึงกลับมาเป็น 4-3-3 ? 
ธรรมชาติของ บัลเบร์เด้ แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาไม่ได้ยึดติดกับระบบการเล่นมากนัก ย้อนกลับไปในช่วงต้นของซีซั่นก่อน เขาทดลองใช้ระบบการเล่นที่หลากหลาย ทั้ง 4-3-3, 3-5-2 , 3-4-3 จนกระทั่งมาลงตัวที่ 4-4-2 

มาปีนี้เมื่อ บาร์เซโลน่า กลับมาเล่น 4-3-3 เราได้เห็น เลโอ เมสซี่ ขยับมายืนเป็นกองหน้าฝั่งขวาอีกครั้ง ซึ่งเป็นตำแหน่งเดิมของเขาในยุคของ หลุยส์ เอ็นรีเก้ ที่พาทีมประสบความสำเร็จสูงสุดด้วยการคว้าทริบเบิ้ลแชมป์ 

กระนั้น เชื่อกันว่าหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ บัลเบร์เด้ เลือก 4-3-3 แทนที่จะเป็น 4-4-2 ก็เพราะว่าฟอร์มและสภาพความฟิตของ อุสมาน เดมเบเล่ 

ฤดูกาลที่แล้วซึ่งเป็นปีแรกของ เดมเบเล่ เจ้าตัวมีปัญหามากมาย นอกสนามต้องเจอกับการปรับตัวเข้ากับภาษา&วัฒนธรรม  การใช้ชีวิตในสังคมที่ไม่คุ้นเคย ในสนามเขาต้องปรับตัวกับระบบการเล่นอันซับซ้อน และโชคไม่ดีนักที่ต้องบาดเจ็บหนักตั้งแต่ต้นฤดูกาล จึงทำให้ขาดความต่อเนื่อง

การขาดหายไป เดมเบเล่ ที่ทีมวาดหวังให้เป็นตัวแทนของ เนย์มาร์ ที่ย้ายไป เปแอสเช ทำให้ บัลเบร์เด้ มีตัวเลือกให้ใช้งานภายใต้ระบบ 4-3-3 ไม่มากนัก เขาจึงตัดสินใจปรับไปเป็น 4-4-2  ซึ่งพอ เดมเบเล่ หายกลับมาก็ถูกส่งลงเล่นในตำแหน่งปีกขวา แต่ธรรมชาติของเขาดูจะไม่เหมาะกับปีกซักเท่าไหร่ เพราะการกระชากลากเลื้อยที่กินระยะทางระหว่าง 25-30 หลาจากกรอบเขตโทษคู่ต่อสู้ ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์มากนัก 

เมื่อย้อนกลับไปถึงโจทย์ที่ว่าซื้อ เดมเบเล่ มาเพื่อทดแทน เนย์มาร์ นั่นจึงทำให้มาลงตัวที่ 4-3-3 และดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศสก็เริ่มแสดงศักยภาพให้แล้วว่าเขาทำได้เยี่ยมกับตำแหน่งตัวรุกทางฝั่งซ้ายที่อยู่ห่างจากกรอบเขตโทษประมาณ 20 หลา โดยเกมล่าสุดกับ บายาโดลิด เขาคือผู้ยิงประตูชัยให้ทีม 

การที่ บัลเบร์เด้ กล้าปรับมาเป็น 4-3-3 และเลือก เดมเบเล่ เล่นในตำแหน่ง เนย์มาร์ นั้นสำคัญมาจากฟอร์มและสภาพความฟิตของดาวเตะฝรั่งเศสที่เปรี๊ยะมากในเวลานี้ เนื่องจากปีนี้เขาเริ่มต้นปรีซีซั่นกับทีมเกือบถ้วนตามโปรแกรม แถมยังทำได้ดีในเกมอุ่นเครื่องจนทำให้เกิดความมั่นใจ 

เวลานี้ในแผงแนวรุกทุกอย่างเหมือนว่ากำลังไปได้สวย ทว่าสิ่งเดียวที่ยังรอคอยกันอยู่ก็คือฟอร์มของ หลุยส์ ซัวเรซ ที่ยังเงียบหาย ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลมากนัก เนื่องจากต้นซีซั่นที่แล้วเจ้าตัวก็ออกสตาร์ทฝืดๆแบบนี้ เชื่อเหลือเกินว่าชื่อชั้นอย่าง ซัวเรซ ยังไงก็จะกลับมายิงประตูได้แน่ แค่แฟนๆอดทนรออีกนิด

ความมุ่งมั่นของ เมสซี่ 
 เมสซี่ พูดต่อหน้าแฟนๆในคัมป์ นู หลังได้รับเลือกให้สวมปลอกแขนกัปตันทีมบาร์ซ่าว่าเขาจะมุ่งมั่นทุ่มเทอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะกับการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ให้ได้อีกครั้ง

วิเคราะห์กันว่าการเลือก เมสซี่ เป็นผู้นำทีมนั้น ไม่ได้ส่งให้เกิดเปลี่นแปลงกับนักเตะคนอื่นๆในทีมซักเท่าไหร่ รวมถึงแฟนบอลบาร์เซโลน่าด้วย เนื่องจากทุกคนต่างรับรู้ถึงบทบาทผู้นำทีมของ 'คิงเลโอ' มานานหลายปีแล้ว หากแต่ที่ส่งผลกระทบโดยตรงก็คือกับตัวของ เมสซี่ เอง ที่ในฐานะกัปตันทีมเมื่อลั่นวาจาแล้ว ก็จะต้องเพิ่มความมุ่งมั่นให้มากขึ้นเพื่อรักษาคำพูด

ขุนพลหน้าใหม่
อย่างที่เอ่ยถึงข้างต้น ว่าช่วงนี้ บัลเบร์เด้ ยังคงยึดแกนหลักจากฤดูกาลที่แล้วลงสนามเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีการโรเตชั่น หรือเปลี่ยนทีมแบบหวือหวา

เหตุผลคือสภาพนักเตะยังสมบูรณ์กันครบถ้วนทุกคน จึงไม่มีความจำเป็นจะต้องรีบร้อนใช้งานแข้งหน้าใหม่ เพราะสิ่งสำคัญสำหรับนักเตะอย่าง เกลม็อง ลองเล่ต์,อาร์ตูร์ เมโล่,มัลคอม และ อาร์ตูโร่ วีดัล ก็คือ 'เวลา' ที่จะใช้ในการปรับตัว 

จาก 2 เกมที่ผ่านไปเราจะเห็นได้ว่า บัลเบร์เด้ ค่อยๆปล่อยหน้าใหม่ของทีมลงไปสัมผัสเกมและบรรยากาศคนละเล็กละน้อย ไม่ว่าจะเป็น วีดัล ,อาร์ตูร์ หรือ มัลคอม คงมีเพียง ลองเล่ต์ ที่ยังไม่ได้ลงสนาม ซึ่งเชื่อว่า บัลเบร์เด้ กำลังรอเวลาที่เหมาะสมอยู่



ข้อสงสัยในตัว วีดัล
ทั้งนี้นักเตะอย่าง อาร์ตูร์,มัลคอม รวมถึง ลองเล่ต์ นั้นทุกคนเห็นชัดเจนว่าฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นอย่างไร อีกทั้งสไตล์การเล่นก็ดูเหมือนจะมี 
 DNA ของ บาร์เซโลน่า ฝังอยู่ในตัว

ทว่าสำหรับหนึ่งในแข้งหน้าใหม่ผู้ซึ่งถือเป็
นเซอร์ไพรส์ประจำการช็อปช่วงซัมเมอร์อย่าง วีดัล ดูจะห่างไกลจากจุดนี้พอสมควร มิดฟิลด์ชิลีถูกมองว่าเป็นนักเตะสายพลังมากกว่าที่จะมีสกิลพริ้วไหว อันเป็นสแตนดาร์ท

สำหรับ บัลเบร์เด้ ซึ่งเป็นคนที่แสดงความต้องการคว้าตัว วีดัล เข้า ไม่ได้กังวลกับเรื่องนี้เลย เพราะเขาเชื่อว่า "ผู้เล่นบางคนก็เป็นผู้กำหนดสไตล์ แต่ผู้เล่นบางคนคือผู้ที่ทำให้ทีมชนะ" นั่นหมายความว่าภายในทีมจะมีแค่พวกยอดฝีมืออย่างเดียวไม่ได้ จะต้องมีแข้งประเภทนักรบที่พร้อมตายคาสนามเพื่อทีมด้วยเช่นกัน 

อย่างไรก็ดี กับข้อกล่าวหาที่ว่า วีดัล เป็นผู้เล่นที่มีแต่พละกำลัง เน้นใช้ร่างกายปะทะ ตรงนี้ มิดฟิลด์ชิเลโน่ย้อนถามกลับง่ายๆว่า "ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่านักเตะที่ถนัดแต่ใช้กำลัง โดยมากเขายิงประตูเฉลี่ยปีละ 12-13 ลูกอย่างผมหรือเปล่า"

เป็นการตั้งคำถามเชิงย้อนบอกถึงคำตอบว่าตัวเขาไม่ได้มีแค่พละกำลัง หากแต่ยังมีเทคนิคการเล่นที่ดีอีกด้วย ซึ่งมันก็ได้ทำให้เราได้ย้อนนึกถึงคำพูดของ เคราร์ด ปีเก้ ที่พูดถึง วีดัล เมื่อเร็วๆนี้ว่า "เป๊บ กวาร์ดิโอล่า เชื่อมั่นในตัว วีดัล อย่างมากในเกมการเล่นของเขา ทั้งๆดูจากสไตล์แล้วมันไม่น่าเป็นไปได้ ดังนั้นเมื่อเขาเล่นให้กับ เป๊บ ได้ ก็สามารถเล่นกับเราได้"

กับ วีดัล ในเวลานี้ถูกมองกันว่ายังไม่ถึงเวลาใช้งานอย่างจริงจัง และเมื่อใดที่เกมอันตึงเครียดในการปะทะกับทีมใหญ่ผู้ลุ้นแชมป์ด้วยกัน หรือเมื่อเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาถึง เมื่อนั้น คุณภาพในตัวของ วีดัล จะเป็นสิ่งที่ บาร์ซ่า มองหาในสนามอยางแน่นอน 

การปล่อยตัว 
ปีนี้ บาร์เซโลน่า จัดการขายและปล่อยยืมนักเตะออกจากทีมจนทำรายได้มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ทั้ง เยรี่ มิน่า,อังเดร โกเมซ,เปาลินโญ่,อเล็กซ์ วีดัล,มาร์ลอน ซานโต๊ส,ราฟินญ่า (กำลังจะไป เรอัล เบติส) และ ปาโก้ อัลกาเซร์ ซึ่งแต่ละรายล้วนแล้วแต่เป้นนักเตะที่ทีมไม่ค่อยได้ใช้งานอยู่แล้ว หากแต่กับ อัลกาเซร์ นั้น ก็น่าห่วงอยู่บ้างว่า เมื่อเขาไม่อยู่ (ย้ายไป ดอร์ทมุนด์) นั่นเท่ากับว่า บาร์เซโลน่า จะเหลือเพียง ซัวเรซ เป็นกองหน้าตัวเป้าธรรมชาติเพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะรายของ มูร์นี เอล อัดดาดี้ ก็ยังไม่ใช่หน้าเป้าขนานแท้ 

การเสริมทัพ
จนถึงขณะนี้ แม้ บาร์ซ่า จะเสริมทัพไปหลายราย แต่พวกเขาก็ยังยืนยันว่ายังไม่ได้ปิดตลาดของตัวเองแต่อย่างใด โดยยังมองหามิดฟิลด์เข้ามาอีก 1 ราย โดยที่คนนี้จะต้องมีคุณสมบัตติคล้ายคลึงกับ อีวาน ราคิติช เนื่องจากเมื่อพิจราณากันจริงๆแล้วภายในทีมยังไม่มีมิดฟิลด์สไตล์นี้ไว้คอยซัพอร์ต ราคิติช เลย 

ที่ผ่านมา บาร์ซ่า ตกเป็นข่าวกับมิดฟิลด์อย่าง ฟรานกี้ เดอ ยอง,อาเดรียง ราบิโอต์ รวมถึง ปอล ป็อกบา แต่สุดท้ายบอร์ดบริหารก็ตระหนักดีว่าทั้ง 3 ดีลนี้คงยากที่จะเกิดขึ้นในซัมเมอร์นี้ นั่นทำให้ระหว่างที่ทีมกำลังมองหากองกลางคนใหม่ บัลเบร์เด้ จึงงัดเอาทริคเดิมกลับมาใช้ 

ในเกมนัดเปิดสนามกับ อลาเบส หนึ่งในเซอร์ไพรส์ก็คือการลงสนามในตำแหน่งมิดฟิลด์ของ เซร์จี้ โรเบร์โต้ ซึ่งแม้ว่าท้ายที่สุดเขาจะโดนจับกลับไปเล่นแบ็กขวาตอนจบเกม แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่า หากซัมเมอร์นี้ บาร์ซ่า ยังควานหากองกลางเข้ามาเพิ่มไม่ได้ พวกเขาก็พร้อมที่จะยกยอดไปว่ากันในตลาดหน้าหนาวเดือนมกราคม โดยระหว่างนี้ก็จะปรับฟังก์ชั่นการใช้งานของ โรเบร์โต้ ขึ้นมาเล่นกองกลางไปพลางๆก่อน 

ความหวัง&โอกาส
แม้ว่าจะมุ่งมั่นกับ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซักแค่ไหน แต่นักเตะบาร์ซ่าทุกคนต่างเน้นย้ำเสมอว่า ลา ลีกา ยังคงเป็นถ้วยที่พวกเขาให้ความสำคัญเสมอมา เพราะนี่คือรายการที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่แท้จริงของทีมมากกว่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่วัดกันจริงๆแค่ 7 เกม (ไม่นับรวมรอบแบ่งกลุ่มซึ่ง บาร์ซ่า ผ่านอยู่แล้ว)

เมื่อเร็วๆนี้มีการโหวตจากแฟนบอล โดยยกให้ บาร์เซโลน่า เป็นทีมที่มีขุมกำลังดีที่สุดในยุโรป ซึ่งก็น่าจะเป็นเครื่องยืนยันได้ถึงความน่ากลัวของพวกเขา อย่างไรก็ตาม คำยกย่องนี้ เคราร์ด ปีเก้ บอกว่า "มันจะไร้ความหมายทันที หากว่าเราจบฤดูกาลมือเปล่า" 

"ทีมจะดีหรือแย่กว่าปีที่แล้ว คำตอบคงต้องรอว่าเรามีกี่ถ้วยเมื่อจบฤดูกาล" ปราการหลังจอมแกร่งว่าไว้เช่นนี้ 

กระนั้นด้วยศักยภาพและขุมกำลังชุดปัจจุบันแล้ว ใครก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า บาร์ซ่า ดีพอที่สำหรับลุ้นทุกความสำเร็จ ดีพอที่จะเปลี่ยนจาก 'แชมป์เก่า' สู่ แชมป์อีกสมัย และดีพอที่จะกลับไปเถลิงบัลลังก์เจ้ายุโรปที่ เรอัล มาดริด อริตลดกาลครอบครองมายาวนานถึง 3 ปี 

                                       นัมเบอร์โฟร์


 






ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด