:::     :::

แชมเปี้ยนส์ลีก...หลีกไปถ้าใครไม่พร้อม

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ผลจับสลากรอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ประจำฤดูกาล 2018/19 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เรียกเสียงซี้ดซ้าดได้ถึงใจคอบอลไม่น้อยเพราะมี ''ยักษ์ชนยักษ์'' เต็มไปหมด

แต่ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์อะไรมากเพราะทีมใหญ่จากหลายลีกต่างเข้ารอบกันได้ถ้วนหน้า มีเพียงบางทีมอย่าง เชลซี และ อาร์เซน่อล ที่พลาดโควตา

การแข่งขันจะเริ่มกันตั้งแต่วันที่ 18/19 กันยายน ไปจนถึงวันที่ 11/12 ธันวาคม ขณะที่รอบชิงชนะเลิศจะมีขึ้นที่สนาม ''วานต๋า เมโตรโปลิตาโน่'' ของแอตเลติโก มาดริด ในวันที่ 1 มิถุนายน ปีหน้า 

รายการนี้ไม่เคยเป็นของง่ายสำหรับทุกทีมเพราะเอาแค่รอบแบ่งกลุ่มก็แทบรากเลือดกันแล้ว หลายต่อหลายครั้งเราจึงได้เห็นทีมดังเต็มไปด้วยผู้เล่นชั้นดีมากมายตกรอบอย่างรวดเร็วกันเป็นประจำ

นั่นเพราะการแย่งชิงเจ้าบิ๊กเอียร์ไม่ได้วัดกันที่ความพร้อมเรื่องฝีเท้าเพียงอย่างเดียว แต่หัวจิตหัวใจต้องแกร่งด้วย 

 

กลุ่ม เอ : แอตเลติโก มาดริด (สเปน), ดอร์ทมุนด์ (เยอรมัน), โมนาโก (ฝรั่งเศส), คลับ บรูช (เบลเยียม)

''ตราหมี'' เป็นทีมเต็งของกลุ่มนี้ด้วยดีกรีรองแชมป์ปี 2014 และ 2016 แต่ฤดูกาลก่อนได้เพียงอันดับ 3 ของรอบแบ่งกลุ่มทำให้ต้องหล่นไปเล่นในยูโรปาลีกก่อนคว้าแชมป์มาครองได้ 

ดอร์ทมุนด์ มีชะตากรรมเดียวกับตราหมี แต่ก็ไปต่อในถ้วยเล็กได้ไม่กี่น้ำ ส่วนโมนาโก กับ คลับ บรูช ได้หวนคืนรอบแบ่งกลุ่มอีกครั้งหลังพลาดไปในปีก่อน

ว่ากันตามศักยภาพแล้ว แอต.มาดริด มีโอกาสคว้าแชมป์กลุ่มได้ไม่ยาก ขณะที่การแย่งชิงอันดับ 2 ดอร์ทมุนด์ คงได้วัดกับ โมนาโก อย่างถึงพริกถึงขิงโดยมี คลับ บรูช เป็นตัวแปรที่อาจลุ้นแบ่งแต้มและทำให้การเข้ารอบของทีมอื่นพลิกผันได้เสมอ

อีกหนึ่งโมเมนต์ที่น่าสนใจคือ ราดาเมล ฟัลเกา กองหน้าจอมเก๋าของโมนาโกจะได้กลับมาเจอทีมเก่าตราหมีอีกครั้ง


แอตเลติโก มาดริด พกดีกรีแชมป์ยุโรปถ้วยเล็กมาท้าเดิมพันในถ้วยใหญ่


กลุ่ม บี : บาร์เซโลน่า (สเปน), สเปอร์ส (อังกฤษ), พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น (ฮอลแลนด์), อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี)

กลุ่มนี้น่าดูไม่น้อยเพราะมีทีมใหญ่ที่ดีพอสำหรับการเข้ารอบอยู่ด้วยกันถึง 3 ทีมโดยมี บาร์เซโลน่า เป็นเต็งแชมป์กลุ่ม และฤดูกาลนี้ก็หวังปลดล็อกกลับมาคว้าแชมป์ให้ได้อีกครั้งหลังตกรอบก่อนรองชนะเลิศมาตลอด 3 ปีหลังสุด 

อินเตอร์ มิลาน ทำใจล่วงหน้าแล้วว่าต้องเจองานยากแน่นอน เพราะดันไปอยู่ในโถ 4 ก่อนจับสลาก พวกเขาอาจต้องแย่งเป็นอันดับ 2 กับ สเปอร์ส และเกมกับพีเอสวีก็ต้องห้ามพลาดด้วยหากหวังเข้ารอบ

น่าสงสารสุดก็พีเอสวีนั่นแหละ มีเพื่อนร่วมกลุ่มแบบนี้คงทำได้เพียงเอามือก่ายหน้าผาก แต่ขึ้นชื่อว่า ''ฟุตบอล'' อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ 


ลิโอเนล เมสซี่ หวังนำบาร์ซ่ากลับมาเป็นแชมป์อีกครั้ง

กลุ่ม ซี : ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (ฝรั่งเศส), นาโปลี (อิตาลี), ลิเวอร์พูล (อังกฤษ), เซอร์เวน่า ซเวซด้า (เซอร์เบีย)

พอจะเรียกได้ว่าเป็น ''กลุ่มแห่งความตาย'' ก็คงไม่ผิดนักสำหรับการที่ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง, นาโปลี และ ลิเวอร์พูล มากองรวมกันก่อนตบท้าย เซอร์เวน่า ซเวซด้า หรือ เร้ดสตาร์ เบลเกรด อันยิ่งใหญ่ในอดีต

การเจอกันระหว่าง เปแอสเช กับ หงส์แดง จะเป็น ''ซูเปอร์บิ๊กแมตช์'' ที่แฟนบอลห้ามพลาดโดยเฉพาะใครที่ชอบฟุตบอลเกมรุก เปิดหน้าแลกเข้าใส่กันรับรองไม่ผิดหวังแน่นอน และผลของคู่นี้ก็อาจชี้วัดการเป็นแชมป์กลุ่มได้เลย

นาโปลีดูจะเป็นรอง 2 ทีมเต็งข้างต้น แต่การมี คาร์โล อันเชลอตติ กุมบังเหียนก็น่าจะมีทีเด็ดไม่น้อย เพราะกุนซือมากประสบการณ์รายนี้เคยพาทีมได้แชมป์ถึง 3 ครั้งทั้งกับเอซี มิลาน 2 ครั้ง (2003 และ 2007) และอีกครั้งกับ เรอัล มาดริด (2014) แถมรู้ตื่นลึกหนาบางปารีสพอสมควรเพราะเคยคุมอยู่ถึงปีครึ่ง


หงส์แดงแกร่งทั้งรุกและรับเมื่อมี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ เฟอร์กิล ฟาน ได

กลุ่ม ดี : โลโคโมทีฟ มอสโก (รัสเซีย), ปอร์โต้ (โปรตุเกส), ชาลเก้ (เยอรมัน), กาลาตาซาราย (ตุรกี)

กลายเป็นกลุ่มที่ขี้ริ้วขี้เหร่ไปเลยเพราะไม่ได้มีทีมใดทีมนึงเปล่งรัศมีเจิดจ้ามาแต่ไกล แต่อีกมุมก็กลายเป็นกลุ่มที่ลุ้นเข้ารอบและตกรอบได้พอๆ กัน

โลโคโมทีฟ มอสโก เป็นทีมจากโถแรกที่อ่อนสุด ขณะที่ทีมจากโถ 4 อย่าง กาลาตาซาราย ก็ถือว่าแกร่งกว่าทีมอื่นที่เหลือยกเว้น อินเตอร์ มิลาน พอมาบวกกับ ปอร์โต้ และ ชาลเก้ เข้าไปเลยพอฟัดพอเหวี่ยงกันไปหมด

บางที กลุ่มนี้อาจสนุกทีสุด เพราะทุกทีมต่างมองว่ามีโอกาสเข้ารอบไม่ต่างกัน และพร้อมใส่เกินร้อยในทุก 90 นาทีในสนาม ต่างจากบางกลุ่มที่ทีมเล็กจากโถ 4 เหมือนทีมประกอบรายการที่คอยแจกแต้มและประตูให้คู่แข่ง 


กองเชียร์โลโคโมทีฟ มอสโก ได้ลุ้นแน่นอนเมื่อทีมร่วมกลุ่มไม่หนักหนามากนัก 

กลุ่ม อี : บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมัน), เบนฟิก้า (โปรตุเกส), อาแจ็กซ์ (ฮอลแลนด์), เออีเคเอ เอเธนส์ (กรีซ)

''เสือใต้'' ที่คว้าแชมป์ยุโรปไปครอง 5 สมัย เจอคู่แข่งที่ไม่ได้ตึงมือมาก และหากไม่มีอะไรผิดพลาดก็คงคว้าแชมป์กลุ่มได้แน่นอน ส่วนอันดับ 2 ต้องวัดกันระหว่าง เบนฟิก้า กับ อาแจ็กซ์

เบนฟิก้า และ อาแจ็กซ์ รวมถึง เออีเค เอเธนส์ ต่างเหนื่อยในรอบคัดเลือก รอบ 3 ต่อด้วยรอบเพลย์ออฟ ก่อนผ่านคู่แข่งเข้าถึงรอบแบ่งกลุ่มได้ 


บาเยิร์น มิวนิค ยอดทีมจากเยอรมันมีลุ้นเข้ารอบลึกๆ เหมือนเคย

กลุ่ม เอฟ : แมนฯ ซิตี้ (อังกฤษ), ชัคตาร์ โดเนตส์ค (ยูเครน), ลียง (ฝรั่งเศส), ฮอฟเฟ่นไฮม์ (เยอรมัน)

เป็นผลการจับสลากที่โอเคมากสำหรับ ''เรือใบสีฟ้า'' เพราะได้เจอคู่แข่งที่เป็นรองทุกอย่างไม่ว่าจะวัดกันในเรื่องใด 

จริงอยู่ว่า ชัคตาร์ โดเนตส์ค และ ลียง จะมีประสบการณ์ไม่น้อยในเวทียุโรป แต่ชั่วโมงนี้ยังไม่ใช่คู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และลูกทีม ขณะที่ ฮอฟเฟ่นไฮม์ เข้ามาเล่นรอบแบ่งกลุ่มได้จากการคว้าอันดับ 3 บุนเดสลีกาฤดูกาลก่อน ก็เป็นกำไรของชีวิตสุดๆ แล้ว

แมนฯ ซิตี้ ถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่งในฤดูกาลนี้ นั่นเพราะขุมกำลังโดยรวมของทีมมีความแข็งแกร่งมากขึ้น อีกทั้งกระดูกบอลในเวทียุโรปก็น่าจะก็กำลังขัดมันได้ที่หลังอกหักมาหลายฤดูกาล 

 
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า พร้อมนำแมนฯ ซิตี้ เล่นให้สมราคา "เต็งหนึ่ง" 

 กลุ่ม จี : เรอัล มาดริด (สเปน), โรม่า (อิตาลี), ซีเอสเคเอ มอสโก (รัสเซีย), วิคตอเรีย พิลเซ่น (สาธารณรัฐเช็ก)

เรอัล มาดริด คือทีมที่ถูกจับตามองอย่างมากในฤดูกาลนี้ ซึ่งเหตุผลสำคัญไม่ได้มีเพียงว่ามีดีกรีเป็นแชมป์ 3 สมัยหลังสุดจากทั้งหมด 13 สมัย หากแต่ในทีมมีการเปลี่ยนแปลงพอสมควรหลังการจากการไปของ ซีเนดีน ซีดาน และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้

จูเลน โลเปเตกี อดีตเทรนเนอร์ทีมชาติสเปนถูกถึงเข้ามาแทนที่ แต่ทว่าไม่มี ''บิ๊กเนม'' คนใดเข้ามาอุดรอยโหว่ของซูเปอร์สตาร์ทีมชาติโปรตุเกส นั่นทำให้ร้านพูลถูกฎหมายปรับให้พวกเขาเป็นเต็ง 5 หรือ 6 สำหรับการเป็นแชมป์ 

ในรอบแบ่งกลุ่มคงมีเพียง โรม่า ที่พอจะตึงมืออยู่บ้างเพราะทุกคนคงไม่ลืมสุดยอดวีรกรรมพลิกโค่นบาร์ซ่าเมื่อฤดูกาลก่อน แต่ก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงของทัพราชันมากนัก ส่วน ซีเอสเคเอ มอสโก จากรัสเซีย กับ วิคตอเรีย พิลเซ่น จากสาธารณรัฐเช็กคงเป็นได้เพียงไม้ประดับ 

 
แกเร็ธ เบล ความหวังในแนวรุกของเรอัล มาดริด

กลุ่ม เอช : ยูเวนตุส (อิตาลี), แมนฯ ยูไนเต็ด (อังกฤษ), บาเลนเซีย (สเปน), ยัง บอยส์ (สวิตเซอร์แลนด์)

ไฮไลต์สำคัญของกลุ่มนี้คือ การกลับมาเจอทีมเก่าอีกครั้งของทั้ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ปอล ป็อกบา  

โรนัลโด้ ได้แชมป์ยุโรปสมัยแรกกับผีแดงในปี 2008 ก่อนย้ายไปกวาดแชมป์ถ้วยนี้อีก 4 สมัยกับทัพราชัน รวมถึงก้าวขึ้นเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาล เรียกได้ว่าแทบไม่เหลือคว้าท้าทายใดอีก และนั่นจึงเป็นอีกเหตุผลที่เขาเลือกย้ายมาพิสูจน์ตัวเองกับยูเวนตุส

ส่วน ป็อกบา เคยเป็นเด็กฝึกผีแดงมาก่อน แต่แจ้งเกิดได้จริงๆ ก็ตอนย้ายไปเล่นในเซเรีย อา กับ ยูเวนตุส จนแมนฯ ยูไนเต็ดต้องทุ่มเงินก้อนโตดึงตัวกลับมาร่วมทีมอีกรอบ 

ดูเผินๆ โอกาสลุ้นเข้ารอบของแมนฯ ยูไนเต็ด ไม่น่าจะมีปัญหามากนักหากไม่พลาดในเกมกับบาเลนเซียแล้วไปวัดแชมป์กลุ่มกับยูเวนตุส แต่ชั่วโมงยากที่ทีมกำลังกดดันสุดๆ ภายใต้การนำของ โชเซ่ มูรินโญ่ อะไรที่ว่าแน่ ก็คงไม่แน่เสมอไป 


คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้โอกาสดวลทีมเก่าแมนฯ ยูไนเต็ด

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด