17 ผู้เล่นจากทีมชุดใหญ่ (รวมปล่อยยืม) มีชื่อติดธงรับใช้ชาติ โดยสามจากทั้งหมดเคยสัมผัสหน้าปลอกแขนทั้ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน นามทีม อังกฤษ, ซาดิโอ มาเน่ กับ เซเนกัล หรือ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ หัวหมู่ดัตช์
เรากำลังจะได้คนที่ 4 นั่นคือ โรเบิร์ตสัน
https://twitter.com/andrewrobertso5/status/1036657121897668608
โรเบิร์ตสัน กับความภูมิใจแห่งวงศ์ตระกูล
เมื่อ แอนดี้ ก้าวลงสนามนำทัพ 'ตาร์ตัน' พร้อมจับมือแลกธงกับ เอแด็น อาซาร์ กัปตันทีมชาติเบลเยียม วันศุกร์ที่จะถึงนี้ ก็นับเป็นอีกตอนของเรื่องเล่าระดับเทพนิยายของชายวัย 24 ปี
จากเป็นแบ็กซ้ายผู้ถูกหมางเมินถูกขับออกจากเยาวชน เซลติก เพราะตัวเล็กเกินไป, ชีวิตวัยรุ่นถังแตก, ต่อสู้พิสูจน์กับ ควีนส์พาร์ค สโมสรระดับรอง, ก้าวมา ดันดี ยูไนเต็ด, ฮัลล์ และ ลิเวอร์พูล ซึ่งผลักดันความลำดับในอดีตให้ออกมาเป็นฝีเท้าเด่นบนสนาม
ครั้งหนึ่งชีวิตต้องสู้ของแบ็กซ้ายใจเพชรเคยผ่านไปเข้าหู แว็งซ็องต์ ก็อมปานี เซนเตอร์ฮาล์ฟค่าย แมนฯ ซิตี้ แล้วรู้สึกชื่นชมมากๆ
ซึ่งเมื่อทราบว่า โรเบิร์ตสัน ถูกเรียกติดทีมชาติชุดใหญ่เมื่อปี 2014 จึงต้องร่วมแสดงความยินดีผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว
"แอนดี้ โรเบิร์ตสัน เรื่องราวของคุณสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้คนเป็นอย่างมาก! ผมคือหนึ่งในนั้น และขอให้เจริญรุ่งเรื่องจากนี้"
แอนดี้ ประวัติชีวิตสู้มาตั้งแต่เป็นวัยรุ่น
หมุนเข็มเวลาผ่านไป 4 ปี จากแค่แบ็กซ้ายโนเนม วันนี้ 'ร็อบโบ้' ก้าวมารับเกียรติยศสูงสุดในนามทีมชาติสกอตแลนด์ เมื่อเอาชนะใจ ผจก.ทีม อเล็กซ์ แม็คลีช รับมอบปลอกแขนกัปตันแทนที่ สกอตต์ บราวน์ ซึ่งประกาศรีไทร์เมื่อเดือนก.พ.
"เรื่องราวของ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน มันเหลือเชื่อยิ่งกว่านิยายก่อนนอนเสียอีก" แม็คลีช พูดในวันแต่งตั้งกัปตันทีม 'ตาร์ตัน' รวมถึงเหตุผลที่แบ็กซ้ายสังกัด ลิเวอร์พูล ได้สิทธิ์นั้นเหนืออีกตัวเต็งอย่าง คีแรน เทียร์นี่ย์
"เมื่อคุณพิจารณาจากประวัติของเขาจะเห็นว่า ล้มลุกคลุกฝุ่นมาแล้ว 2-3 ครั้ง ซึ่งมันคือนิยามบอกความเป็นสกอตต์ได้อย่างดีว่าเราเป็นพวกไม่เคยยอมแพ้"
"แอนดี้ คือแคนดิเดตที่โดดเด่นมาก ผลงานหมอนั่นเป็นกราฟที่พุ่งขึ้นเรื่อยๆในเครื่องแบบ ลิเวอร์พูล ขณะที่ฟอร์มระดับชาติก็น่าดูชม"
"นอกจากนั้นการวางตัวของเขาก็ดีมาก เป็นต้นแบบของมืออาชีพ ทั้งนี้ผมเคยสัมผัสนักเตะผู้สร้างแรงบันดาลใจมาบ้าง กล้าพูดว่า แอนดี้ ก็เป็นหนึ่งในนั้น"
กองหลังวัย 24 กะรัต กำลังจะสวมปลอกแขนทีมชาติ
โดนชมขนาดนี้มีหรือเจ้าตัวจะไม่เขิน รีบสะกดอารมณ์บอกโค้ชอวยเกินไป "มันคือเกียรติยศอันยิ่งใหญ่สำหรับตัวผมเองและครอบครัว - เป็นวันอันน่าภาคภูมิของบ้านเรา"
"แน่นอนผมรอที่จะได้นำทีมลงสนามวันศุกร์ รวมถึงโอกาสในอนาคตด้วย กับหน้าที่นี้มันอาจเป็นจุดสุดยอดในอาชีพผมด้วยซ้ำ อีกประการคือหวังพามาตุภูมิกลับไปเล่นทัวร์นาเมนต์ เมเจอร์ ให้ได้"
เป็นเวลากว่า 2 ทศวรรษที่ สกอตแลนด์ ไม่ได้ผ่านไปเล่นรอบสุดท้าย รายการใหญ่นับจาก ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ 1998 ทว่าในความเห็น พีเตอร์ แกรนท์ ผู้ช่วย ผจก.ทีมชาติมองว่าความใจสู้ในแบบ โรเบิร์ตสัน จะเป็นตัวจุดชนวนชั้นดีให้ทีมเมตทุ่มสุดกำลังโดยมีเป้าหมายเป็นทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2020
"ส่วนตัวมองว่าหมอนั่นคือไอ้หนุ่มสกอตต์ที่น่ายกย่อง เป็นคนมีเรื่องราวแห่งการต่อสู้และสร้างความหวัง"
"วงการนี้มีนักเตะเยาชนเป็นเบือถูกเขี่ยจากทีมใหญ่แล้วทำหมดอาลัยตายยากเหมือนโลกจะแตก"
"แต่ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน พิสูจน์ให้เห็นว่าการถูกปฏิเสธจากความเห็นของคนคนเดียวไม่ทำให้ตาย หากคุณทุ่มเทอย่างสุดความสามารถและสู้ไม่ถอย"
"ถูกเทแล้วไง? ก็กลับลงไปตั้งหลักสร้างความมมั่นใจกับระดับสมัครเล่น จากนั้นหลายสิ่งก็ตามมา ค่อยๆไต่ระดับกระทั่งได้เล่น ยูฟ่า ชปล.นัดชิงชนะเลิศ ขณะที่ผลงานกับต้นสังกัด ลิเวอร์พูล ก็ดีวันดีคืน"
เฮมพ์เด้น พาร์ค สัเวียนเก่าแก่จะเป็นสถานที่แห่งความทรงจำแก่ แอนดี้
"จากผู้เล่นที่ไม่มีใครเอา พัฒนาจนเตรียมนำเพื่อนร่วมทีมเดินลงสู่สนามที่ แฮมพ์เด้น พาร์ค นับเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อจริงๆ"
เบื้องหลังชีวิต โรเบิร์ต ไม่เพียงสร้างความประทับใจแก่คนวงการฟุตบอล เพราะแม้แต่เราๆท่านๆ หากไม่ยอมแพ้โชคชะตา สักวันมันก็ต้องประสบกความสำเร็จบ้างสิน่า
